"แม่นาง เราเดินอ้อมไปตามรอยของพวกเขากันเถอะ?" เฉิงสิบกล่าวถาม คนพวกนั้นเดินอ้อมไป ไม่ได้ขึ้นไปบนภูเขา
โหลชีครุ่นคิดแล้วกล่าวว่า: "ไม่ เราจะขึ้นเขา หากทิศทางถูกต้องก็สามารถไปถึงเขาเย็นแดงได้เช่นกัน" ถึงแม้เขาพิณแห่งนี้ดูแล้วเหมือนจะกว้างใหญ่ ขวางกั้นเอาไว้ทำให้พวกเขามองไม่เห็นเขาเย็นแดง แต่ถ้าจับทิศทางถูก เชื่อว่าข้ามเขาพิณแห่งนี้ก็จะถึงเขาเย็นแดง จุดประสงค์การมาของพวกเขาในครั้งนี้ก็เพื่อสั่งสมประสบการณ์ ฝึกความกล้าหาญเปิดหูเปิดตา ภูเขาที่ไม่เคยมีคนไปมาก่อนเช่นนี้ดีที่สุด
อีกอย่าง ในเมื่อคิดเอาไว้แล้วว่าจะใช้ไม้พิณหาเงิน เช่นนั้นก็ต้องสำรวจดูก่อนว่าบนภูเขามีไม้พิณเท่าไหร่กันแน่ ขั้นตอนนี้ช้าเร็วก็ต้องทำอยู่ดี ไม่สู้ทำไปด้วยตอนนี้ดีกว่า ยิงปืนนัดเดียวได้นกสองตัว
"ก่อนหน้าที่จะขึ้นเขา ทุกคนแบ่งออกเป็นสามหน่วยเล็ก เลือกหัวหน้าหน่วยเล็กออกมาสามคน" โหลชีหันกลับมากวาดมองครู่หนึ่ง "คนที่มียศอยู่ในค่ายทหารแล้ว ออกมา"
เป็นไปตามที่นางคาดการณ์เอาไว้จริงๆ ในจำนวนสามสิบกว่าคนก็มีคนหกคนยืนออกมา
คนที่มีความกล้า สามารถคว้าโอกาสเอาไว้ ไม่กลัวสิ่งที่ไม่รู้ถึงจะติดตามนางมาถึงที่นี่ และคนเช่นนี้ไม่ว่าอยู่ที่ไหนก็คงไม่ถึงกับเป็นคนไม่มีชื่อเสียงไม่เป็นที่รู้จัก
"พวกเจ้าหกคนแล้วกัน ทั้งหมดสามหน่วย ทุกหน่วยหัวหน้าหนึ่งคน รองหัวหน้าหนึ่งคน พวกเจ้าต้องรับผิดชอบต่อสถานการณ์ทุกอย่างในหน่วยของตัวเอง มีปัญหาอะไรต้องพบให้ทันเวลา แก้ไขให้ทันท่วงที สิ่งที่แก้ไขไม่ได้ก็ให้บอกข้าในทันที เฉิงสิบกับโหลวซิ่นก็จะคอยดูพวกเจ้าด้วย มีปัญหาอะไรพวกเจ้าก็สามารถคุยกับพวกเขาสองคนได้ เข้าใจแล้วใช่ไหม?"
"เข้าใจแล้วขอรับ!"
สมกับที่ออกมาจากค่ายทหาร ไม่ต้องให้โหลชีพูดอะไรมากมาย ทุกคนก็เข้าใจความหมายของนางอย่างรวดเร็ว ไม่ช้าก็แบ่งออกเป็นหน่วยเล็กสามหน่วยแล้ว
พักผ่อนตรงจุดเดิมไปครู่หนึ่งถึงเตรียมพร้อมขึ้นเขา
เหนือศีรษะมีเงาขนาดใหญ่โฉบผ่านไป ทุกคนต่างเงยหน้าขึ้นไปมอง ราชันอินทรีหิมะคร่ำครวญเบาๆบินผ่านไปเหนือศีรษะพวกเขา
"วูวู......"
"เอ๋ นี่มันเสียงอะไร?" มีคนถามด้วยความแปลกใจ
โหลชีจนใจมาก ก่อนหน้านี้วู๊วูก็วิ่งออกไปแล้ว นางยังนึกว่ามันไปหาของกิน คิดไม่ถึงว่าเจ้าตัวเล็กนั่นจะวิ่งไปบนหลังของราชันอินทรีหิมะ แถมยังเสพสุขกับการบินบนที่สูงอีกด้วย! ทำไมมันถึงไม่กลัวว่าจะตกลงมาเลย!
"เจ้าขาว!" โหลชีเรียกออกมาคำหนึ่ง โบกมือเล็กน้อย
เดิมทีตอนเริ่มฝึกราชันอินทรีหิมะนางตั้งชื่อให้มันว่าเจ้าทื่อ แต่ว่าต่อมาบรรดาองครักษ์ที่รับผิดชอบเลี้ยงดูราชันอินทรีหิมะรังเกียจชื่อนี้กันอย่างหาที่เปรียบมิได้ ในตอนนั้นนางก็ยังไม่ใช่พระสนม พวกเขาเปลี่ยนชื่อให้มันก็ไม่ได้รู้สึกถึงความกดดันเลยแม้แต่น้อย ดังนั้นก็เลยเปลี่ยนชื่อให้มันเป็นเจ้าขาว
ตอนที่โหลชีไปนำมันออกมาในครั้งนี้ได้ยินเข้าก็เกือบจะหัวเราะเยาะออกมา
สารรูป เจ้าขาวดีกว่าเจ้าทื่อมากแค่ไหนกันเชียว? หรือมันดูสง่างามมากขึ้นหรือ? ไม่ใช่เพราะว่าแค่ตัวของมันขาวโพลนหรอกหรือ!
แต่ว่าเจ้าขาวชินกับชื่อนี้แล้ว นางก็ได้แต่ยอมรับเท่านั้น เดิมทีนางก็ยังรู้สึกว่าชื่อเจ้าทื่อฟังดูน่ารักมากกว่า โชคดีที่ถึงแม้ราชันอินทรีหิมะจะมีสติปัญญา แต่ยังไม่ถึงกับมีสติปัญญาความฉลาดของมนุษย์ ไม่อย่างนั้นได้ยินชื่อเจ้าทื่อคงต้องใช้จะงอยปากที่แหลมคมของมันจิกนางแน่
เจ้าขาวได้ยินเสียงของนางก็รีบโฉบลงมาทันที ในตอนที่ห่างจากพื้นดินสามสี่เมตร เงาแสงสีเงินม่วงพุ่งตรงลงมา กระโจนไปทางโหลชี
โหลชียื่นมือออกไปช้อน ใช้กำลังภายในเล็กน้อยชะลอการพุ่งเข้ามาอย่างแรงของวู๊วู ช้อนตัวมันมาอุ้มเอาไว้
"ข้าว่านะวู๊วู เจ้าไม่กลัวตกลงมาตายหรือ!"
วู๊วูใช้สายตาที่เปี่ยมไปด้วยความสดใสนั่นมองนางอีก โหลชีจนใจ ได้แต่หยิบเม็ดยาที่ทำมาจากหญ้าเทียนจีออกมาให้มัน วู๊วูใช้ลิ้นม้วนเม็ดยาเข้าไปในปาก หรี่ตาลงอย่างพอใจ
อิ้นเหยาเฟิงมองดูอยู่ด้านข้างตลอด รู้สึกอิจฉามาก "จิ้งจอกแสงจันทร์ม่วงตัวนี้ช่างมีสติปัญญาจริงๆ"
สิ่งที่พวกเขาไม่รู้คือ บางแห่งบนภูเขา เวลานี้มีคนกลุ่มหนึ่งกำลังดักซุ่มอยู่ แต่ละคนสวมชุดคล่องตัวสีเขียวที่กลมกลืนกับสีของภูเขา ผ้าคลุมศีรษะปิดหน้าตา เผยออกมาแค่เพียงดวงตาคู่เดียวเท่านั้น ในมือของทุกคนล้วนจับดาบเอาไว้ เก็บไอสังหารเอาไว้อย่างดี สามารถรู้สึกได้ว่าขาดอีกเพียงเล็กน้อยก็จะพุ่งทะลักออกมา
ที่อยู่ข้างหน้าสุดมีสามคน คนที่เป็นผู้นำคนนั้นวางมือไว้บนหน้าผากแล้วมองลงไปทางเชิงเขา สายตาแหลมคม
ด้านข้างของเขามีคนที่ค่อนข้างตัวเล็กคนหนึ่งกล่าวขึ้นมาด้วยน้ำเสียงแผ่วเบา: "พี่ใหญ่ โหลชีนั่นพาราชันอินทรีเขาหิมะกับจิ้งจอกแสงจันทร์ม่วงมาด้วย หากสามารถชิงสองตัวนั้นมาได้ เช่นนั้นครั้งนี้เราก็ร่ำรวยกันแล้ว" ฟังจากเสียงนี้เห็นได้ชัดว่าเป็นผู้หญิงคนหนึ่ง
ผู้ชายที่เป็นผู้นำที่ถูกเรียกว่าพี่ใหญ่คนนั้นกล่าวเสียงแหบแห้งขึ้นมา: "เจ้าก็อย่าคิดเพ้อฝันนักเลย ข้ากำลังกลัดกลุ้มอยู่นี่ เดิมทีพวกเขาก็มีคนมากมายขนาดนี้แล้ว จะจับตัวโหลชีก็ไม่ใช่เรื่องง่ายอยู่แล้ว ตอนนี้มีราชันอินทรีเขาหิมะนั่นมาด้วย ภารกิจจะสำเร็จหรือไม่ยังพูดได้ยากมาก!"
"พี่ใหญ่ อย่าส่งเสริมพลังอำนาจของคนอื่นแล้วดูถูกความสามารถของตัวเอง การยิงธนูของท่านราวกับเทพ เราวางยาสลบเอาไว้บนหัวของลูกธนู อินทรีตัวนั้นใหญ่ขนาดนั้น เป็นไปไม่ได้ที่จะยิงไม่ถูก! ส่วนเจ้าจิ้งจอกแสงจันทร์ม่วงตัวนั้น ได้ยินมาว่ามันมีสติปัญญามากเป็นพิเศษ ขอแค่เราจับตัวโหลชีเอาไว้ได้ มันจะต้องตามมาแน่ ถึงเวลาเราค่อยคิดหาทางจับเอาไว้ก็พอแล้ว"
"คนที่โหลชีพามาสามสิบกว่าคนนั้นล้วนไม่ใช่ปัญหา ออกมาจากค่ายทหาร มีวรยุทธเล็กน้อย ไม่ใช่คู่ต่อสู้ของเราพี่น้องแน่" คนที่อยู่อีกด้านหนึ่งของผู้ชายก็เอ่ยปากขึ้นมา "เรามีกันห้าสิบคน สามสิบกว่าสู้กับเขาสามสิบกว่าโดยตรง ที่เหลือก็แบ่งออกเป็นสองส่วนสู้กับองครักษ์สองคนของโหลชี ข้ากับเสี่ยวซูรับผิดชอบโหลชี พี่ใหญ่ท่านแค่ยิงราชันอินทรีหิมะนั่นก็พอ! บวกกับกับดักที่เราวางเอาไว้ข้างหน้า ภารกิจในครั้งนี้จะต้องสำเร็จแน่"
"เซินจื่อพูดถูก เตรียมการเช่นนี้ดีที่สุดแล้ว" ผู้หญิงที่ชื่อเสี่ยวซูรีบเห็นด้วยทันที
"ไม่ถูก พวกเขาจะขึ้นมา!" คนที่ถูกเรียกว่าพี่ใหญ่ขมวดคิ้วขึ้นมากะทันหัน
แผนการของพวกเขาก่อนหน้านี้คือรอให้กลุ่มของโหลชีเดินอ้อมไป พวกเขาจะรีบลงจากเขาแล้วแอบตามไป รอจนกว่าจะถึงบริเวณกับดักที่พวกเขาวางเอาไว้ล่วงหน้าแล้ว ก็จะรีบลงมือโดยไม่ให้พวกเขาได้ตั้งตัว ถึงแม้โหลชีจะมีวรยุทธดีมาก ก็หนีไม่พ้นการโจมตีในครั้งนี้อย่างแน่นอน!
แต่ว่าตอนนี้กลับพบว่าพวกเขาขึ้นเขาแล้ว!
สถานการณ์ไม่ถูกต้อง! ไหนบอกว่าพวกเขาจะเดินไปตามทางเส้นนั้นอ้อมภูเขาลูกนี้ไปไม่ใช่หรือ?
"บ้าชิบ เช่นนั้นแผนการของเราต้องเปลี่ยนแปลงแล้ว" ผู้ชายที่ชื่อเซินจื่อกล่าวออกมาอย่างรวดเร็ว: "พี่ใหญ่ ข้าพาคนไปวางกลไกสองสามที่ในบริเวณนี้ก่อน!"
"ได้ รีบไป การกระทำต้องรวดเร็ว!"
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ใต้ร่มยาใจ