เฮ่อเหลียนเจี๋ยพลิกมือคว้าจับไปทางนาง แต่เขาก็คิดไม่ถึงว่าการแสดงออกของโหลชีก่อนหน้านี้ทั้งหมดไม่ได้เป็นศักยภาพที่แท้จริงของนาง ประเมินความเร็วของนางต่ำไปโดยสิ้นเชิง! ก่อนที่เขาจะเอื้อมมือออกไป โหลชีก็ได้ผ่านออกจากทางเดินเถาวัลย์ราวกับควันเบาๆสายหนึ่งแล้ว หายตัวไอย่างไร้ร่องรอยไปในพริบตา
เขาตะลึงอยู่ครู่หนึ่ง ดวงตาของเขาลึกล้ำลง
คิดไม่ถึงว่าจะมีกำลังภายในและวิชาตัวเบาที่แข็งแกร่งเพียงนี้! เขาประเมินนางต่ำไปแล้วจริงๆ วิทยายุทธดีขนาดนั้น ก่อนหน้านี้นางกลับแกล้งทำเป็นขี้ขลาดแกล้งทำเป็นหวาดกลัว เสแสร้งทุกอย่างมาโดยตลอด
เดิมทีเฮ่อเหลียนเจี๋ยควรจะโกรธมาก แต่ไม่รู้ว่าทำไม ในสมองของเขากลับปรากฏท่าทางแต่ละอย่างของนาง ดวงตาที่สดใสมีชีวิตชีวาคู่นั้นของนาง ท่าทางปลิ้นปล้อนที่นางนั่งอยู่บนพื้นนั่น นางเรียกชื่อเขาตรงๆตามอำเภอใจ จากนั้นเขาก็พบว่าตัวเองก็ไม่ได้โกรธผู้หญิงคนนี้เท่าไหร่
โหลชีใช่หรือไม่?
ข้ายังจะสนใจเจ้าขึ้นมาจริงๆแล้วสิ
อารมณ์จิตใจของเฮ่อเหลียนเจี๋ย เหลือบมองชายผู้นั้นที่จู่ๆก็พุ่งออกมาอย่างฉับพลัน ชายผู้นั้นสบตากับเขา ขาไร้เรี่ยวแรงล้มลงบนพื้นทันที "คุณชายคุณชาย ปล่อยข้าไปเถิด ข้าเป็นเพียงแค่นายพรานที่ตกลงมาในนี้โดยไม่ได้ระวัง......" คำพูดของเขายังไม่จบ กระบี่บางๆก็แนบไปที่คอของเขาวนรอบหนึ่งเบาๆ คอของคนผู้นั้นก็เกิดรอยเลือดเป็นวงทันที ดาวตาทั้งคู่ของเขาเบิกโพลงด้วยความสะพรึงกลัว แต่คนกลับไร้ลมหายใจแล้ว ปึงเสียงหนึ่งล้มลงไป
"คิดว่าข้าเป็นคนโง่หรือ? นายพราน?"
เฮ่อเหลียนเจี๋ยหัวเราะอย่างเย็นชาเสียงหนึ่ง กวาดมองกระเป๋าใบหนึ่งที่ช่วงเอวของคนผู้นั้นช้าๆ เอื้อมมือไปดึงมา เมื่อเปิดดู ด้านในมีสมุนไพรล้ำค่าสองสามต้น แต่เขาดูออกว่า สมุนไพรสองสามต้นนั้นสามารถปรุงกลั่นจนเป็นยาพิษได้
ไม่ว่าชายผู้นี้จะซ่อนตัวอยู่ที่นี่ด้วยเหตุผลอะไร ก็จะต้องมีความลับอะไรที่บอกแก่ผู้คนไม่ได้แน่ อาจจะไม่ได้เกี่ยวข้องกับพวกขา แต่เขาได้เห็นสถานที่ที่พวกเขาอยู่แล้ว เฮ่อเหลียนเจี๋ยก็จะไม่ไว้ชีวิตเขา
เขาไม่กลัวเฉินซ่า แต่เขาก็ไม่อยากสร้างปัญหา ดีที่สุดคือสามารถพาโหลชีออกจากพั่วอวี้ไปอย่างเงียบๆได้ แม้ว่าโหลชีจะเป็นสาวรับใช้ของเฉินซ่า แต่เขามักจะรู้สึกว่านิสัยของนางพิเศษขนาดนี้ เฉินซ่าอาจจะไม่ได้ทำเหมือนนางเป็นเพียงแค่สาวรับใช้ธรรมดาเท่านั้น
เฮ่อเหลียนเจี๋ยมาที่พั่วอวี้ ก็ไม่ได้สืบข้อมูลมากมาย รู้จักเพียงแค่เฉินซ่าเท่านั้น ก่อนหน้านี้ที่ดำเนินการไล่ตามพระสนมอะไร และเขาได้เสาะหากุญแจโอสถน้ำพุในภูเขาลึกอื่นๆทุกที่ เกี่ยวกับข่าวลืออะไรภายนอกก็ล้วนไม่กระจ่าง ไม่เช่นนั้นเพียงแค่ได้ยินชื่อของโหลชีก็ควรรู้ตัวตนของนางแล้ว
เขาถือโอกาสโยนสมุนไพรนั่นทิ้งไป ย้อนไล่ตามไป การเคลื่อนไหวของเขาดูแล้วเชื่องช้า แต่ชั่วพริบตากลับไปได้ไกลเป็นอย่างมากแล้ว
โหลชีในเวลานี้กำลังวิ่งด้วยความเร็วอย่างบ้าคลั่ง เงาร่างดุจดั่งกระแสควัน ก่อนหน้านี้เฮ่อเหลียนเจี๋ยถูกนางทำให้สับสน ดังนั้นในขณะที่ต้องการจะลงมือดึงนางในตอนแรกจึงเชื่องช้า แต่เมื่อรอให้นางแฉลบตัวจากไป เขาก็น่าจะพอสังเกตเห็นศักยภาพที่หลบซ่อนของนางได้แล้ว ถึงเวลาที่เขาต้องการจะไล่ตามมาก็คงทำสุดความสามารถแล้ว กำลังภายในของเฮ่อเหลียนเจี๋ยสูงกว่านางเล็กน้อย นางหวังเพียงแค่คนผู้นั้นจะสามารถแข็งแกร่งได้สักนิด ถ่วงเวลาเขาได้มากสักหน่อย
นางทุ่มเทสุดความสามารถเหาะผ่านเส้นทางที่มา ในที่สุดก็ถึงสถานที่ที่เจ้าขาวอยู่ก่อนหน้านี้ แต่ที่นั่นกลับว่างเปล่าโดยไม่คาดคิด!
เจ้าขาวล่ะ?
"วู๊วู!"
โหลชีร้องขึ้นมา วู๊วูก็ไม่รู้ว่าวิ่งไปที่ไหนแล้ว! นี่ทำให้โหลชีทั้งร้อนใจทั้งดีใจจริงๆ เป็นธรรมดาที่จะร้อนใจเพราะตอนนี้พวกมันล้วนหายไปแล้ว ดีใจก็เพราะแสดงให้เห็นว่าเจ้าขาวฟื้นแล้ว สามารถบินได้แล้ว
โหลชีวิ่งพุ่งไปทางด้านหน้าอย่างต่อเนื่อง พลางส่งเสียงร้องเลียนแบบเสียงเจ้าขาวที่เปล่งออกมาสองสามทีอย่างชัดเจน
และเวลานี้ นางได้ยินเสียงของชายเสื้ออยู่ด้านหลัง เฮ่อเหลียนเจี๋ยไล่ตามมาแล้ว!
.......
"ฝ่าบาท รู้สึกว่าผิดปกติเล็กน้อยพ่ะย่ะค่ะ!" เสียงเบาๆของเทียนยีดังขึ้น
ค่ำคืนอันมืดมิด ในทุ่งได้ยินเพียงเสียงลมอ่อนๆยามค่ำคืน มีเสียงร้องของสัตว์และแมลงเบาๆ ดูเหมือนว่าจะเงียบเหงามาก แต่ในขณะเดียวกันในใจของพวกเขากลับรู้สึกว่ามีอะไรบางอย่างไม่ถูกต้อง
เพราะว่าในช่วงสองสามเดือนนี้มีผู้คนที่สัญจรไปมาระหว่างเมืองชีและเมืองพั่วอวี้อยู่ตลอด มีม้ามีรถไปๆมาๆ เส้นทางหลักได้รับการซ่อมแซมแล้ว แต่ยังซ่อมแซมไม่เสร็จสมบูรณ์ พวกเขาได้ผ่านเส้นทางช่วงที่ซ่อมแซมเสร็จมาแล้ว
แม้ว่าส่วนด้านหน้าจะยังซ่อมแซมไม่เสร็จ แต่ก็ถูกรถม้าที่สัญจรไปมากดทับจนออกมาเป็นเส้นทางที่ราบเรียบและกว้างขวางเส้นหนึ่ง สองข้างทางมีหญ้าหางหมาที่สูงครึ่งตัวคน พลิ้วไหวในสายลมยามค่ำคืน เวลานี้ดวงจันทร์เคลื่อนตัวออกจากเมฆพอดี พริบตานั้น สว่างไสวไปทั้งผืนดินใหญ่
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ใต้ร่มยาใจ