"นี่มัน...ไม่ใช่โดนของ นี่คือบุคลิกที่แตกแยก"
โหลชีพูดกับเฉินซ่า "ช่วยเฉิงสิบพาพวกเขาเข้ามา อีกบุคลิกหนึ่งของหยุนเฟิงดูท่าไม่ค่อยดี"
นางได้เห็นคนเช่นนี้ในยุคปัจจุบันคนหนึ่ง บุคลิกแตกต่างกันอย่างสิ้นเชิง สองบุคลิกเป็นปรากฏการณ์ทางจิตเวชแบบหนึ่ง จะพูดว่าเป็นความผิดปกติทางจิตก็ได้ แต่นั่นเป็นเพียงคำอธิบายทางการแพทย์
ที่เธอเคยพบคนแบบนั้นมาก่อน ทั้งสองบุคลิกอิสระออกจากกันโดยสิ้นเชิง เป็นสองบุคลิกสุดขั้วที่แตกต่างกัน และทั้งคู่ต่างไม่รู้ถึงการมีอยู่ของกันและกัน อีกทั้งทั้งสองบุคลิกยังมีบัตรประชาชนสองใบ ซื้อบ้านสองหลัง และมีชีวิตที่ต่างกันทั้งสองชีวิต คนหนึ่งแต่งงานกับภรรยาที่อ่อนโยน เขายังเป็นอาจารย์มหาวิทยาลัยด้วย สามีภรรยาก็รักกันดี แต่เมื่ออีกบุคลิกหนึ่งปรากฏตัวขึ้น เขาก็จะกลับบ้านอีกหลังหนึ่ง บุคลิกนี้เขาเป็นคนเสเพลที่เคล้าสุรานารี ไม่เพียงแต่ทำร้ายหัวใจหญิงสาวมากมาย ยังทำเรื่องเลวร้ายอีกด้วย
จนมีอยู่วันหนึ่ง คนเสเพลไปฆ่าคน ตำรวจตรวจสอบเป็นเวลานานในที่สุดก็ตรวจสอบไปถึงทางอาจารย์มหาวิทยาลัย ทุกคนต่างก็ตกตะลึง ภรรยาที่อ่อนโยนของเขาเป็นตายอย่างไรก็ไม่ยอมเชื่อว่าสามีของนางจะมีผู้หญิงมากมายอยู่ข้างนอก และยังเสพยา ตอนนี้ก็ฆ่าคน ต่างจากสามีของนางที่ทั้งรอบรู้ สุภาพ อ่อนโยน และซื่อสัตย์ ราวกับเป็นคนละคน
ภรรยาแทบจะเป็นบ้าเมื่อรู้ว่าเขามีสองบุคลิก
โหลชีรู้จักคนคนนั้น และรู้เรื่องนี้ เป็นเพราะนางบังเอิญได้รับภารกิจที่จะต้องตามหาคลิปเสียงที่เมื่อก่อนชายคนนั้นแอบบันทึกไว้ นางไปหาที่บ้านของเขา หาอย่างไรก็หาไม่เจอ ต่อมานางแอบตามเขามาตลอด จึงพบว่าเขามีบ้านอีกหลังหนึ่ง และไปหาเจอที่บ้านหลังนั้น
ไม่นานนักเขาก็มีเรื่อง
ตอนนี้นางขอให้เฉินซ่าพาหลินเสิ้งเวยเข้ามา ห่างจากหยุนเฟิงไปนิดหน่อย ก็ไม่แน่ใจเหมือนกันว่าเมื่อเขาตื่นมาจะเป็นบุคลิกไหน และมีนิสัยอย่างไร แต่ดุจากท่าทางที่เปลี่ยนทางอารมณ์ในตอนนี้ นางก็รู้สึกว่าอีกบุคลิกหนึ่งก็คงไม่ดีมากนัก
เมื่อเฉินซ่าจับเขา ดูดหลินเสิ้งเวยมากลางอากาศ เฉิงสิบก็พาหวูเสี้ยวหยู่ไปอยุ่ข้างๆพวกเขา
"เจ้าอย่าคิดจะออกมา..."
เสียงของหยุนเฟิงสั่นเทาและเกือบจะแตกสลาย
"ฮ่าฮ่า ช่วงนี้เจ้าออกมานานพอแล้ว ถึงเวลาที่ข้าต้องออกไปผ่อนคลายแล้ว"
"ฝันไปเถิด ก่อนหน้านี้เจ้าออกมาครั้งหนึ่งก็ทำความผิดครั้งใหญ่..."
โหลชีและคนอื่นๆ มองหน้ากัน ความรู้สึกนี้แปลกมาก เหมือนดูการแสดงคนเดียว แต่รังสีอาฆาตของเฉินซ่าปล่อยออกมาโดยไม่มีการยับยั้ง "ก่อนหน้านี้เขาก็มาแทรก..."
เขาอยากฆ่าหยุนเฟิง จับตัวเขาไปอุกอาจ คนที่เคยเห็นสภาพที่ไม่มีกำลังต้านทานของเขาไปแล้ว เขาจะยั้งมือไม่ฆ่าได้หรือ?
โหลชีถอนหายใจ พี่ชาย ไว้หน้าหน่อยสิ อย่าเอาแต่เดี๋ยวก็ว่าจะฆ่าเขาได้ไหม? มากน้อยนางก็ยังติดค้างน้ำใจหยุนเฟิงเลยนะ แถมนางก็อยากรู้นิดหนึ่งด้วย บุคลิกที่สองของหยุนเฟิงจะเป็นใคร
อาจเป็นเพราะเสียงของผลนี้จึงทำให้เกิดอานุภาพประสาทหลอน ดังนั้นบุคลิกทั้งสองของหยุนเฟิงจึงถูกบังคับให้ออกมา
ในขณะนั้นเอง เฉิงสิบก็พ่นลมหายใจออกมา สายตาของเขาเริ่มสับสน โหลชีเพียงแค่มองผ่านไป แต่ก็เห็นว่ามีบางอย่างผิดปกติ นางรีบจี้จุดของเขาก่อน
ทางนั้น หยุนเฟิงสงบลงแล้ว เขาก้มศีรษะแล้วเงยหน้าขึ้นช้าๆ มองไปยังโหลชี
"ไม่พบกันนานเลยนะคุณชายเจ็ด"
เรียกนางว่าคุณชายเจ็ด...
เมื่อโหลชีได้ยิน นางก็เลิกคิ้วทันที "นายน้อยจ้าว?"
นายน้อยจ้าวที่สวมหน้ากากของโรงพรรณยา ณ เมืองลั่วหยาง จ้าวหยุน
มิน่าเขาถึงต้องสวมหน้ากาก มิน่าในตอนนั้นนางถึงได้รู้สึกคุ้นเคยกับเขานิดหน่อย มิน่าแปลกใจเลยว่าทำไมเขาถึงไม่ดูเหมือนคนแปลกหน้าสำหรับตัวเองเลย ที่แท้ เขากับหยุนเฟิงเป็นคนคนเดียวกัน อีกอย่าง บุคลิกทั้งสองของหยุนเฟิงยังรับรู้ถึงการมีอยู่ของกันและกัน
แต่ว่าหยุนเฟิงถูกกดเอาไว้ และจ้าวหยุนก็ปรากฏตัวขึ้น ในชั่วขณะหนึ่งนางก็ไม่รู้ว่าเป็นเรื่องดีหรือร้าย
"คุณชายเจ็ดสามารถเรียกข้าว่าจ้าวหยุนได้โดยตรงก็ได้" จ้าวหยุนยกมุมปาก แล้วมองไปที่เฉินซ่าอีกครั้งโดยไม่มีความจริงใจมากนัก "ฝ่าบาท ก่อนหน้านี้จ้าวหยุนล่วงเกินไปมาก หวังว่าฝ่าบาทจะมีพระกรุณา ประทานอภัยให้จ้าวหยุนสักหนนะพ่ะย่ะค่ะ"
โหลชีถอนหายใจ จ้าวหยุนสามารถยืดหยุ่นได้ดีกว่าหยุนเฟิงอยู่มาก
นางกำลังจะพูด จู่ๆจ้าวหยุนก็ตะโกนออกมา "เฮ้อ แย่แล้ว! คุณชายเจ็ดก็เป็นคนที่เข้าใจเรื่องยา ทำลายสิ่งของให้เสียหายตามอำเภอใจได้อย่างไร! ผลมุกแก้ว ผลมุกแก้วนะ! "
ขณะที่เขาพูด เขาก็ไม่สนใจพวกเขา เขาพุ่งไปด้านหน้า เขายื่นมือออกไปฉุดเสื้อตัวนอก แล้วไถลออกไปทันที พื้นรองเท้าลื่นไถลข้ามน้ำแข็ง ถือเสื้อผ้าไปเก็บผลไม้เหล่านั้น
แต่เมื่อโหลชีเห็น เดิมทีต้นไม้นั้นสี่ต้นที่กิ่งก้านก็เติบโตอย่างหนาแน่น ผลไม้จำนวนมากที่น่าตกใจเหล่านั้นก็ได้ร่วงหล่นเกือบหมดในช่วงเวลาสั้นๆ มีเพียงไม่กี่ลูกเท่านั้นที่แขวนอยู่บนกิ่ง
ที่แปลกไปกว่านั้นคือตอนนี้ผลไม้ที่ตกลงมาในทะเลสาบนั้นมองไม่เห็นเลย!
หรือว่าผลไม้พวกนี้ละลายได้?
เฉินซ่าถามเสียงขรึม "เป็นของดี?"
"คงจะใช่มั้ง..." ที่จริงโหลชีก็ไม่รู้ว่ามันคืออะไร แต่เมื่อเห็นปฏิกิริยาของจ้าวหยุน นางก็พูดทันที "ใช่!"
เฉินซ่าเชอะเสียงหนึ่งแล้วพูดว่า"ของดีจะให้ไอ้หน้าขาวนั่นได้อย่างไร"ว่าแล้วเขาก็พุ่งออกไปทั้งตัว เห็นเจ้าหยุดรับผลไม้อยู่ข้างล่างต้นไม่ได้ กำลังจะกระโดดไปเก็บสองสามลูกนั้นที่เหลืออยู่บนต้นไม้ เขายกเท้าหนึ่ง แตะพื้นเสียงหนึ่งแล้วถีบถูกท้องของเจ้าหยุน พริบตาก็ถีบเขากระเด็นออกไป
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ใต้ร่มยาใจ