ใต้ร่มยาใจ นิยาย บท 433

"พรืด!"

โหลชีทนไม่ไหลสำลักเนื้อย่างที่กำลังกัดในปากออกมาพรวด

อะ ลวกจนแดงอะไร บวมแดง...

ไอ้สารเลวเฉินซ่า!

จุมพิตเดิมเป็นเรื่องที่โรแมนติกอบอุ่น เขากลับทำราวกับเป็นการโจมตีที่แข็งแกร่งยิ่ง ทำเอาริมฝีปากนางบวมแดงไปหมด

แต่ความเข้าใจผิดนี้นางจะอธิบายกับอิงได้อย่างไร?

"อ๋อ อืม" นางรีบเปลี่ยนเรื่อง "เมื่อครู่เจ้าคิดจะใช้วิชาตัวเบากระโดดขึ้นไปดูเหนือหลุมใหญ่ใช่หรือไม่?"

"ใช่ไง หลุมใหญ่นี่แปลกเยี่ยงนี้ แสงด้านในยังเปลี่ยนแปลงไปมา ไม่แน่ด้านในจะมีสมบัติล้ำค่า ในเมื่อพวกเรามาถึงที่นี่แล้ว ไม่ลงไปดูสักหน่อยหรือไร?" อิงบอก "ข้าว่า เจ้าคงมิได้มาถึงที่นี่ทั้งทีจะไม่ยอมกลับไปมือเปล่าหรอกนะ? ข้าไม่เชื่อว่าเจ้าจะไม่สนใจ"

เพราะเขาไม่ได้เห็นสภาพเฉินซ่าก่อนหน้านี้ ถึงจะได้ยินคำบอกเล่าของหลินเสิ้งเวย แต่พอมาแล้วก็ไม่เห็นโหลชีมีท่าทีแปลกอะไรเลยไม่ได้ใส่ใจ หนึ่งเดิมเขาก็เป็นพวกไม่มีเล่ห์เพทุบายอยู่แล้ว สองก็คือเชื่อมั่นในฝีมือโหลชีจนชินแล้ว เลยไม่เคยคิดว่านางจะรักษาไม่หาย

โหลชีเหล่เขาหนึ่งที "พูดอะไรน่ะ? ข้าเป็นคนโลภอย่างนั้นรึ? มาถึงที่ไหนย่อมไม่เหลือของไว้งั้นรึ?"

"ฮะฮะ" อิงสนุกขึ้นมาละ "นี่เจ้าพูดเองนะ ไม่ใช่ข้าพูดนะ เจ้าว่ามาสิ ทำไมไม่ให้ข้าขึ้นไปดูล่ะ?"

"ใจกลางหลุมใหญ่มีแรงดึงดูด ด้วยวิทยายุทธ์ของเจ้า ทานไม่ไหว"

"เจ้าหมายความว่ายังไง? ดูถูกฝีมือข้า?" อิงไม่สบอารมณ์ขึ้นมาทันที "ต่อให้ข้าเป็นยังไง ก็...ยิ่งกว่าเจ้า"

พออารมณ์ขึ้นเขาก็อยากเถียงกับนางอีก แต่พูดไปได้ครึ่งเดียว เขาก็หยุดชะงักลง เขาอยากพูดว่าไม่ว่ายังไงก็แกร่งกว่านาง แต่พอคำพูดมาถึงริมฝีปากก็นึกขึ้นได้ว่า วิทยายุทธ์ครึ่งปีก่อนของนางอาจจะเทียบเขาไม่ได้ ตอนนั้นนางดูแล้วอ่อนแอจริงๆ แต่ตอนนี้เขาสู้นางไม่ได้หรอก

อิงรู้สึกพ่ายแพ้อย่างมาก

"หือ? ทำไมไม่พูดต่อล่ะ?"

"ข้าไม่อยากพูดก็จะไม่พูด!" เขาแค่นเสียงหึ

โหลชีทนไม่ไหวหัวเราะออกมา "ได้ได้ได้ ใต้เท้าองครักษ์อิงเก่งที่สุด ได้แล้วใช่ไหม?"

อิงชี้นิ้วไปที่นาง "นี่ เจ้าอย่าทำเหมือนกล่อมเด็กมากล่อมข้านะ!"

"พอได้แล้วน่า" โหลชีปัดมือเขาออก "ข้ายังไม่อยากมีลูกอย่างเจ้าหรอกนะ"

"เจ้า!" ใครอยากเป็นลูกนางกัน!

ระหว่างที่ทั้งสองคนกำลังถกเถียงกัน พลันได้ยินเสียงร้องเรียกดังจากที่ห่างไกลสะท้อนออกมา ทั้งสองหุบปากพร้อมกัน หันไปมองทางหลุมใหญ่ทันที

"เสียงอะไร?"

"ดูเหมือนจะออกมาจากในหลุมใหญ่นะ"

แต่เสียงนั้นสั้นกระชั้นมากเกินไป และห่างไปลึกนัก เมื่อครู่พวกเขาฟังไม่ถนัดว่าเป็นเสียงคนหรือเสียงสัตว์

"ไม่ว่ายังไง เห็นได้ชัดว่าในหลุมใหญ่มีสิ่งมีชีวิตอยู่" โหลชีทำท่าครุ่นคิด ถ้าเป็นอย่างนี้จริง จางมิ่งตกลงไป ไม่แน่อาจจะเจออะไรบางอย่างและไม่ตายก็ได้?

"ถ้าพวกเรามาถึงที่นี่แล้วยังไม่ลงมือ ต่อไปได้ยินว่ามีใครได้ของดีไปจากที่นี่ และเอาของสิ่งนั้นมาต่อกรกับพวกเรา ไม่คับแค้นใจตายรึ?" อิงมองนาง

โหลชีพยักหน้า "เจ้าพูดอย่างนี้ก็มีเหตุผล...." อย่างอื่นค่อยว่ากัน ถ้าจางมิ่งไม่ตายจริงๆ และยังได้สมบัติด้านล่างนั่น ต่อไปก็จะกลายเป็นหอกข้างแคร่ตัวหนึ่ง เพราะวิทยายุทธ์ของเขามันกล้าแกร่งเกินไป

"กลับไปเรียนนายท่าน..."

พอพูดถึงเฉินซ่า โหลชีได้สติกลับมา "ตอนนี้ยังลงไปไม่ได้ เจ้าหาคนมาจับตาดูที่นี่ไว้ อีกสามวันพวกเราค่อยหาทางลงไปใต้หลุมใหญ่"

"ทำไมต้องรอสามวัน?" อิงถามอย่างสงสัย "นายท่าน..."

"กลับไปค่อยว่ากัน" โหลชีหันไปมองหลุมใหญ่นั่นอีกครั้ง และหมุนตัวจากไป

อิงตามไปทันที "เจ้าพูดให้ชัดเจนสิ นายท่านเกิดเรื่องแล้วใช่หรือไม่..."

"เจ้าช่างหนวกหูนัก"

โหลชีเดินกลับไปพลางกัดกินน่องไก่ไปพลาง อิงเดินตามนางมาแล้วบ่นพร่ำไม่หยุด เฉิงสิบยืนอยู่หน้าถ้ำมองดูพวกเขากลับมา รีบก้าวเท้ายาวเข้าไปหา ทำให้ไม่เห็นอิ้นเหยาเฟิงที่กำลังถือเนื้อย่างหลายไม้เข้ามา

"พี่เฉิง..."

อิ้นเหยาเฟิงกลืนคำพูดลงไป เห็นเฉิงสิบเดินไปทางโหลชี ถอยหลังไปหนึ่งก้าว พอดีขวางกั้นระหว่างองครักษ์อิงและพระสนม

ไม่รู้ทำไม การกระทำเล็กๆนี่ทำให้อิ้นเหยาเฟิงรู้สึกแปลกๆ

"พี่เหยาเฟิง เป็นกระไรรึ?" เสี่ยวหนิวดึงชายเสื้อนาง

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ใต้ร่มยาใจ