ใต้ร่มยาใจ นิยาย บท 440

ถึงโหลชีจะหลีกหนีการล้มลงพื้นได้ แต่ก็ไม่เห็นนางจะขอบคุณ กลับพยุงแผงอกเขายืนตรงจากนั้นถอยหลังไปหนึ่งก้าว จากนั้นถลึงตาใส่เฉินซ่าอย่างหนัก

พวกเฉิงสิบรู้สึกว่าบรรยากาศในถ้ำดูแปลกพิกลนัก ไม่เพียงแค่ฝ่าบาทของพวกเขา ต่อให้เป็นลมปราณที่ออกมาจากตัวแม่นางของพวกเขาเองก็เย็นเยือกมากเช่นกัน ทำให้คนอดสะท้านเยือกไม่ได้

นี่มันทำไมรึ?

ทำไมกัน?

โหลชีอยากบอกว่า นางอยากฆ่าคน!

"ท่านอย่าบอกข้านะว่า ท่านยืนอยู่ตรงนี้สองชั่วยามแล้ว?" พวกเขาต่อสู้กับคำสาป วางค่ายกลกันอยู่ข้างนอก เวลาไม่สั้นเลย อย่างน้อยต้องมีสองชั่วยาม เวลากว่าครึ่งค่อนวันแบบนี้ นางคิดว่าเฉินซ่าจะกลับเข้าถ้ำมานอนพักผ่อน ตอนนี้ร่างกายเขามีแค่ค่ายกลเลือดที่หน้าอกสกัดไว้อยู่ มันอ่อนแอมากนะ อย่าว่าแต่ยืนอยู่สองชั่วยาม ต่อให้ยืนครู่หนึ่งแล้วเดินสองก้าว คาดว่าร่างกายคงประท้วงเขาแน่ๆ

แต่ดูสีหน้าซีดเผือดราวกระดาษของเขาตอนนี้ เห็นได้ชัดว่าฝืนจนถึงขีดสุดแล้ว!

"พระสนม" อิงเห็นสถานการณ์ไม่สู้ดี ทนไม่ไหวจะอธิบายแทนเฉินซ่าสักหน่อย "เพราะนายท่านเป็นห่วงท่าน..."

พูดยังไม่ทันจบ โหลชีบอกเสียงเย็นว่า "ข้าขอบใจมากเลย! เขากำลังเอาความโง่ของเขาลงโทษข้า! แม่งเอ๊ย! นักพรตเลวเจ้าเฮงซวย...ไม่สิ คำพูดนี้คือมีให้เมียด่าสามี" นางสะบัดมืออย่างแรง และขากถุยออกมาสองครั้งก่อนเริ่มต้นด่าใหม่ "นักพรตเลวเจ้าบ้านั่น นี่คือจงใจขุดหลุมดักลูกสาวดักลูกศิษย์เลยกระมัง ตอนแรกไม่น่าจะให้ข้าตกมาหาเจ้าบ้านี่เลย ว่ากันว่าเลือกที่เกิดเป็นวิชาแขนงหนึ่ง ใครจะรู้ทะลุมิติก็เป็นวิชาแขนงหนึ่งเช่นกัน ตอนแรกถ้าข้าหาที่ทะลุมิติมาดีๆ ไม่แน่วันนี้ก็อยู่ดีกินดีท่องเที่ยวอิสรเสรีไปแล้ว มีหรือจะต้องมาเสียเลือดทุกๆวัน..."

ทุกคน รวมถึงจางมิ่งยังอ้าปากค้างมองนางอย่างตกตะลึง นี่นางกำลังด่าอะไรกัน? เลือกที่เกิดเป็นวิชาแขนงหนึ่งคำนี้พวกเขายังพอฟังเข้าใจ ทะลุมิติคือสิ่งใดกัน? มันไปเกี่ยวอะไรกับการเลือกที่เกิดด้วยล่ะเนี่ย?

มีเพียงเฉินซ่าที่พอเข้าใจความหมายของนาง แต่เขาก็สับสนเหมือนกัน นางบอกว่าหาที่ทะลุมิติมาดีๆ "ความหมายของเจ้าคือเจ้ายังจะตกลงมาในอ้อมกอดชายอื่นอย่างนั้นรึ?"

ตอนนั้นนางตกลงมาในอ้อมกอดเขา ในเมื่อเป็นเยี่ยงนี้งั้นย่อมเป็นคนของเขา หรือว่านางยังอยากตกลงไปในอ้อมกอดชายอื่นอีก?"

พอคิดถึงความเป็นไปได้เรื่องนี้ ไอเย็นของเฉินซ่าก็เพิ่มจนกลายเป็นแข็งเย็นยะเยือก ทำให้ทุกคนฟันสั่นกึกๆ ต่างถอยหลังไปอย่างควบคุมตัวเองไม่อยู่ เฉิงสิบยังดึงจางมิ่งถอยออกไปด้วย

ถ้ำนี้ยกให้พวกเขาสองคนเลยดีกว่า...

"พระสนม ท่าน..." อิงเริ่มไม่อยากออกไป ยังอยากรอเกลี้ยกล่อมอีกหน่อย แต่ก็โดนโหลวซิ่นลากออกไป

สองสามีภรรยาสองคนนี้เขากำลังเป็นห่วงซึ่งกันและกันน่ะเข้าใจไหม? คือสองคนนี้ไม่ใช่คนอารมณ์ดีอะไรมากนัก เวลาเป็นห่วงก็ไม่ได้พูดออกมาอย่างอ่อนโยน สุดท้ายเลยกลายเป็นดื้อด้านใส่กัน ในสายตาโหลวซิ่นแล้ว เวลานี้ขอแค่ฝ่าบาทไม่สนใจอย่างอื่นจับแม่นางจุมพิตลงไปก็สิ้นเรื่องแล้ว เพียงแต่ไม่รู้ว่าฝ่าบาทจะเข้าใจหรือไม่

เขาไม่มีความกล้าพอที่จะไปสอนเรื่องนี้

"ข้าพูดเมื่อไหร่ว่าอยากตกลงมาในอ้อมกอดชายอื่น?" โหลชีโกรธขึ้ง ไม่เปลี่ยนคำพูดนางได้ไหม? หรือการที่นางทะลุมิติมานอกจากจะตกลงในอ้อมกอดผู้ชายแล้วจะไม่มีทางอื่นเลยหรือไง?

"งั้นข้าเปลี่ยนวิธีถาม เจอข้ามันทำให้เจ้ารังเกียจเพียงนี้?" สีหน้าซีดเผือดของเฉินซ่ามีแววฟ้าแซม สายตากลับมีประกายเพลิงรุ่งโรจน์ พอคำพูดนี้ถามออกมา หน้าอกเขาบีบแน่นจนหายใจไม่ออก เขาจ้องมองนาง ราวกับถ้านางกล้าพยักหน้ารับคำเขาจะกล้าจับนางมากัดคำโตให้นางรับรู้ทันทีว่าอะไรเรียกว่าความเจ็บปวด

"ข้า.."

โหลชีพึ่งจะพูดได้คำเดียว ก็รู้สึกถึงอุณหภูมิที่ลดลงอย่างรวดเร็ว นางเหลือบตาขึ้นสบกับดวงตาคู่นั้นที่ลุกโพลงด้วยเปลวเพลิง หัวใจพลันอ่อนยวบ

"ข้าไม่ได้คิดอย่างนี้" น้ำเสียงของนางพลันอ่อนยวบลงไปอย่างไม่รู้ตัว และพูดอย่างอ่อนลงเล็กน้อยว่า "เอาล่ะไม่เถียงละ ก็ไม่ใช่เพราะการไม่รักตัวเองของท่านหรือไงที่ทำข้าโมโห? ท่านรู้ทั้งรู้ว่าการใช้เลือดวาดค่ายกลเลือดนั่นข้าต้องเสียพลังมากแค่ไหน"

"ข้ามิต้องการจะฟังว่าเจ้าเหน็ดเหนื่อยตรากตรำเพียงใดข้างนอกนั่น แล้วตัวเองกลับนอนพักผ่อนอยู่ภายใน"

โหลชีอ้าปากค้างครู่หนึ่ง

ทันใดนั้นหัวใจราวกับโดนชนเบาๆ นางเข้าใจความรู้สึกของเขาในทันที ผู้ชายคนนี้มันช่าง....

และเพราะนางสู้รบตบมืออยู่ด้านนอก ต่อให้เขาไม่อาจออกไปได้ เขาก็ต้องยอมทนความเจ็บปวดทรมานเป็นเพื่อนแบบนี้?

"ถึงตอนสุดท้ายก็มาเหนื่อยข้าอีกอยู่ดี"

นางพึมพำออกมาหนึ่งคำ ยื่นมือไปประคองไหล่เขา "เข้าไปพักผ่อน"

นางในตอนนี้ก็เหนื่อยสายตัวแทบขาด เมื่อคืนเสียพลังและเลือดไปมากโขในการช่วยเขาวาดค่ายกลเลือด วันนี้ยังร่ายคำสาปนานขนาดนี้ สอนคนไปมากมายขนาดนั้น นางไม่ได้ทำจากเหล็กนะ

ทั้งสองคนเรียกได้ว่าพยุงประคองซึ่งกันและกัน ประหนึ่งอยู่ห้องพักคนป่วยเดียวกัน

ไม่ง่ายเลยกว่าจะกลับมาถึงเตียงหญ้าที่เรียบง่ายเมื่อคืน แทบจะนอนลงไม่ขยับตัวพร้อมกัน โหลชีนอนไปสักพัก ก็หยิบขวดยาออกมา ยัดใส่ปากตัวเองไปหลายเม็ด และยัดให้เขาอีกหลายเม็ด ถึงนางจะทิ้งของดีมากมายไว้ให้กับหมอเทวดา แต่ยาพวกรักษาอาการบาดเจ็บทางจิตนี่นางเก็บไว้กับตัวไม่น้อย

ยาดีจะเห็นฤทธิ์ไว ไม่นานนางเลยฟื้นฟูแรงกายแรงใจได้กว่าครึ่ง แต่สถานการณ์ของเฉินซ่าไม่ใช่อะไรที่ยาพวกนี้จะรักษาได้ เลยต้องวาดค่ายกลเลือดต่อไปถึงจะได้

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ใต้ร่มยาใจ