โหลชีรู้สึกผิดเล็กน้อย เพราะเขาเร่งเดินทางกลับไปจากเมืองนั่วราของเป่ยชางอย่างรีบร้อน จากนั้นก็รีบร้อนมายังพั่วอวี้ ตอนนี้เพิ่งจะพักผ่อนไปได้แค่วันเดียว ก็ต้องเร่งเดินทางกลับไปตระกูลโหลอีกแล้ว
"หลังจากที่ท่านพี่กลับไปแล้ว ลองถาม...ท่านแม่ เรื่องวันเดือนปีเกิดของข้า" ความจริงนางคิดเกี่ยวกับเรื่องนี้หลังจากที่เอ่ยถึงเรื่องวันเกิดกับเฉินซ่าตั้งแต่เมื่อครั้งที่แล้ว เมื่อวานพูดถึงเรื่องใบบันทึกวันเดือนปีเกิด นางก็นึกขึ้นมาได้อีกครั้ง อย่างน้อยก็ต้องคำนวณดูว่าวันเกิดของนางจะใช่ยามหยินวันหยินเดือนหยินปีหยินหรือไม่ ถึงแม้ว่าความเป็นไปได้นี้จะไม่สูงมากนัก แต่ว่า ถ้าหากล่ะ?
เฉินซ่าอยู่ด้านข้างได้ยินคำพูดนี้ของนาง สายตาล้ำลึก เริ่มสร้างภาพจินตนาการในหัวอย่างควบคุมไม่อยู่
ถ้าหากว่าชีชีเป็นหญิงธาตุหยินพอดี เช่นนั้นเขาก็สามารถกดทับนางลงไปอย่างแรง ทาบทับนางเอาไว้บนเตียง ถอดเสื้อผ้าทั้งหมดของนางทิ้งไป ดื่มด่ำอยู่บนเนินเนื้ออิ่มของนาง จากนั้นก็บิดเร่าไปตามท่วงท่าต่างๆ......เสียงครางอ่อนโยนไร้ที่เปรียบในตอนที่นางมีสัมผัสสวาท เวลานั้นนางจะอ่อนระทวยไปกับการเล้าโลมของเขา หรือจะสู้กับเขาอย่างร้อนแรงโดยไม่ยอมแพ้......
"ฝ่าบาท เลือดกำเดาท่านไหลแล้ว!"
จู่ๆเสียงร้องตกใจของเสี่ยวโฉวก็ดังขึ้นมากะทันหัน
โหลชีกับโหลฮ่วนเทียนหันกลับมาอย่างมึนงง มองเห็นเฉินซ่าปิดจมูกเอาไว้อย่างทุลักทุเลพอดี แต่ก็ยังมีเลือดสีแดงสดหยดลงมาสองหยด ร่วงหล่นลงไปบนพื้นเบ่งบานเป็นดอกไม้สีเลือดสองดอก
โหลฮ่วนเทียน: "......"
โหลชี: "......"
เสี่ยวโฉวถูกสายตาบูดบึ้งไร้ที่เปรียบถลึงมองครู่หนึ่ง ก็รีบถอยไปหลบหลังโหลชีทันที ซวยแล้วไง ดูเหมือนนางจะพูดผิดไป เรื่องนี้จะตะโกนออกมาได้อย่างไร?
ตัวนางเองอยู่ข้างนอกมานานหลายปี ก็ใช่ว่าจะไม่รู้เรื่องระหว่างชายหญิงเลยแม้แต่น้อย ได้ยินมาว่า ความต้องการของผู้ชายไม่ได้รับการปลดปล่อย ไฟเสน่ห์หาสะสมนานเกินไปก็จะมีเลือดกำเดาไหลออกมา.....
นี่มันเป็นเรื่องน่าอายมากใช่ไหม?
แต่นี่มันไม่ได้เกี่ยวอะไรกับนางนี่นา นางเองก็ไม่ได้รับความเป็นธรรมมากตกลงไหม? ใครจะรู้ว่าฝ่าบาทอยู่ในสวนดอกไม้แห่งนี้ ฟังพระสนมกับนายน้อยโหลพูดเรื่องจริงจังก็ยังสามารถมีเลือดกำเดาไหลออกมากะทันหันได้ล่ะ?
ว่าแต่ว่า ฝ่าบาทเมื่อครู่นี้ท่านคิดอะไรอยู่หรือ?
คำพูดนี้นางย่อมไม่กล้าถามอยู่แล้ว แต่โหลฮ่วนเทียนกลับไม่มีความเกรงกลัวใดๆ เอามือแตะไปที่จมูกเข้าไปใกล้เขาแล้วกล่าวถามเสียงเบา: "น้องเขย เมื่อครู่นี้เจ้าคิดฟุ้งซ่านอะไรน่ะ?"
"เกี่ยวอะไรกับเจ้าด้วย! ! !"
ฝ่าบาทผู้ยิ่งใหญ่ตื่นตระหนกลนลาน พ่นออกมาคำหนึ่งอย่างบูดบึ้ง แถมยังใช้น้ำเสียงของโหลชีอีกด้วย
ทุกคนมองดูเขาหันหลังก้าวเท้าจากไปอย่างหน้าดำคร่ำเครียด มุมปากก็ยังกระตุกอยู่เลย
โหลฮ่วนเทียนกระแอมไอ ดึงโหลชีไปด้านหนึ่ง กล่าวด้วยน้ำเสียงที่ได้ยินกันเฉพาะสองคนเท่านั้น: "เสี่ยวชี เจ้าอายุยังน้อย ไม่รู้ถึงความสำคัญของเรื่องบางอย่าง เจ้าต้องคิดดูให้ดี จะมองแค่รูปลักษณ์ภายนอกของคนบางคนไม่ได้......"
ห๊า?
พูดถึงเรื่องอะไรเนี่ย!
โหลชีอดที่จะอยากหยิกเขาไม่ได้ "ท่านพี่ พี่ใหญ่ พี่ชายแท้ๆ ท่านรู้ว่าเรื่องบางเรื่องมีความสำคัญ พูดมาตามตรง ตั้งแต่อายุสิบสองก็มีเด็กสาวฝึกสอนแล้วใช่ไหม? เริ่มไปเที่ยวหอนางโลมตั้งแต่แรกๆแล้วใช่ไหม?"
โหลฮ่วนเทียนหน้าดำมืด "เจ้ารู้แต่เรื่องเลอะเทอะอะไรบ้างเนี่ย!"
ใครเลอะเทอะก่อน! นางกำลังพูดเรื่องจริงจังอยู่แท้ๆ จู่ๆก็คุยเรื่องเลอะเทอะกันขึ้นมา!
"อะแฮ่มๆ" โหลฮ่วนเทียนก็รู้ว่าพูดเรื่องนี้ไม่ค่อยเหมาะสมเท่าไหร่ ถึงแม้ในใจของเขาจะรู้สึกเป็นห่วงเล็กน้อย อะแฮ่มๆ เป็นห่วงสุขภาพของเฉินซ่า แต่เห็นว่าโหลชีไม่ได้แสดงอารมณ์พิเศษใดๆ เขาก็ไม่ถามต่อไปอีก เขาเองก็รู้สึกอายเป็นเหมือนกันนะ
โหลชีไม่ได้เอาปิ่นระย้าหงส์เจ็ดสีให้เขานำกลับไป เพราะของชิ้นนี้ซวนหยวนจ้านไม่ได้บอกว่าต้องมอบให้กับหยุนโยว แต่ว่าผลไม้สาวงามเม็ดนั้น นางจะต้องมอบให้กับหยุนโยว
ยื่นกล่องให้กับโหลฮ่วนเทียน "นี่คือความต้องการของซวนหยวนจ้าน มอบผลไม้สาวงามเม็ดนี้ให้กับ...ท่านแม่" นางก็ยังไม่ค่อยชินที่จะเรียกหยุนโยว
แต่โหลฮ่วนเทียนก็สังเกตเห็นว่านางเรียกซวนหยวนจ้านก็เรียกด้วยชื่อจริงเช่นกัน ไหนบอกว่า นั่นคือพ่อของพวกเขาไม่ใช่หรือ? แต่เขาก็ไม่รู้ว่าจะแก้ไขนางอย่างไร นางกับพ่อแม่คงจะไม่มีความผูกพันต่อกันมั้ง แล้วครั้งนี้ท่านแม่ก็......
ทั้งสองคุยกันต่ออีกครู่หนึ่ง อธิบายสิ่งที่ต้องบอกกันให้เรียบร้อย โหลฮ่วนเทียนทิ้งหลงเอี๋ยนองครักษ์ลับของเขาเอาไว้ให้โหลชีคนหนึ่ง เดิมทีโหลชีกำลังจะปฏิเสธ แต่โหลฮ่วนเทียนกลับกล่าวว่า: "เขารู้จักช่องทางในการสื่อสารกับหอบังคับกฎของฝั่งโน้น มีเรื่องอะไรสามารถส่งจดหมายให้พี่ได้ อีกอย่าง ถ้าหากพี่ยังไม่กลับมา แล้วเจ้าจะไปตระกูลโหล ก็ให้หลงเอี๋ยนนำทางได้เลย"
โหลชีคิดดูแล้วก็เลยรับเอาไว้
นางไปที่ห้องครัวใหญ่ ชี้แนะให้พ่อครัวทำพายที่เก็บได้นานแล้วก็อร่อยหลายอย่างให้กับโหลฮ่วนเทียน ที่ยัดไส้เนื้อ ซอสผลไม้ ผัก แล้วก็น้ำตาลหั่นสี่เหลี่ยมลูกเต๋า เพราะเมื่อก่อนเพื่อนสนิทที่ทำอาหารเก่งของนางคนนั้นทำให้นางพิถีพิถันในความอยากอาหารมากขึ้น เงื่อนไขก็สูงมากขึ้นเช่นกัน ดังนั้นนางจึงต้องทำพายพวกนั้นให้มีรูปร่างต่างๆที่ประณีตและน่ารัก บ้างก็เป็นรูปทรงหัวใจ บ้างก็เป็นรูปทรงดอกเหมย บ้างก็เป็นดาว ประณีตและวิจิตรบรรจง ยังใช้กล่องไม้ไผ่ที่แกะสลักรูปดอกไม้เรียงกันอย่างเป็นระเบียบเรียบร้อย ดูแล้วก็รู้สึกมีความอยากอาหารขึ้นมา
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ใต้ร่มยาใจ