เจ้าขาวช่างเป็นอุปกรณ์คมนาคมแข็งแกร่งที่สุดในยุคโบราณ แล้วยังลอกเลียนแบบไม่ได้อีกด้วย คนอื่นใช้เงินก็ซื้อไม่ได้ ระยะนี้ความรู้ใจระหว่างมันกับโหลชีมีมากขึ้นทุกที แถมโหลชียังทำของดีให้มันกิน ร่างกายกับจิตวิญญาณเต็มเปี่ยมกว่าเดิม แน่นอน ความฉลาดทางสติปัญญายังเทียบกับวู๊วูไม่ได้
โหลชีอุ้มจิ้งจอกม่วงพูดกับมันพลางลูบขน หลงเอี๋ยนนั่งอยู่ข้างนาง เฉิงสิบกับอิ้นเหยาเฟิงติดตามอยู่ด้านข้าง
เฉินซ่า เทียนอิ่ง องครักษ์อวิ๋นและอามู่นั่งอยู่อีกทางหนึ่ง มีความรู้สึกเหมือนแบ่งฝักแบ่งฝ่ายอยู่เล็กน้อย
คนมากมายขนาดนี้ เป็นขีดสุดที่เจ้าขาวจะรับได้แล้ว แต่คนจะน้อยเกินไปก็ไม่ได้ เทียนอิ่งต้องติดตามเฉินซ่าอยู่แล้ว สามองครักษ์หากไม่ตามมาก็ไม่วางใจ สุดท้ายหลังจากปรึกษากันจึงให้องครักษ์อวิ๋นที่ฝีมือดีที่สุดติดตาม ส่วนอามู่กลับวิงวอนขอตามมาในตอนท้าย ไม่มีใครอนุญาต แต่เป็นโหลชีที่พยักหน้าให้
ส่วนหลงเอี๋ยนอ้างคำสั่งของโหลฮ่วนเทียน เตรียมอยู่กับโหลชีไม่ห่างแม้แต่เงา เฉิงสิบก็ต้องตามมา ข้างตัวนางไม่มีสาวใช้ก็ไม่สะดวก แต่เสี่ยวโฉวกับเอ้อร์หลิงไม่มีวรยุทธ์ สุดท้ายจะโยกย้ายให้อิ้นเหยาเฟิงมาแทน
ตั้งแต่เก็บตัวในวันนั้นโหลชีก็ไม่ได้พบเฉินซ่าอีกจริง กระทั่งใกล้ออกเดินทางแล้วถึงส่งหลงเอี๋ยนมาบอกกล่าวกับเฉินซ่า จากนั้นก็ขี่เจ้าขาวไป กลายเป็นสถานการณ์อย่างตอนนี้ วันแรก ไม่ได้พูดกันสักคำ
วันที่สอง เฉินซ่ากระแซะเข้าไปพูดกับนาง แต่ถูกเมิน
วันนี้เป็นวันที่สาม อยู่ไม่ไกลจากเขาเวิ่นเทียนแล้ว
นอกจากโหลชีกับหลงเอี๋ยน คนอื่นรวมถึงวู๊วูต่างนั่งไม่ติดเล็กน้อย
สีหน้าองค์จักรพรรดิหงิกจนไม่รู้จะหงิกอย่างไรแล้ว รู้สึกขอเพียงมีแสงนิดๆ ก็สามารถก่อให้เกิดพายุฝนฟ้าคะนองได้ เปรี้ยงปร้างจนพวกเขาตายสิ้นซาก ความกดอากาศต่ำเกินไปแล้ว พวกเขาต่างไม่กล้าเอ่ยปาก
นอกจากเสียงลมวู่ๆ ขนาดวู๊วูยังขดตัวอยู่ในอ้อมแขนโหลชี ไม่กล้าโผล่หัว
จะตายอยู่แล้ว จะตายจริงๆ...
หากเป็นเช่นนี้ต่อไป พวกเขาก็ไม่ต้องไปถูกคนอื่นทรมาทรกรรมที่เขาเวิ่นเทียนแล้ว ถูกองค์จักรพรรดิทำตายไปเสียเลย
อามู่นึกเสียใจเล็กน้อยที่ตามมา เดิมนางคิดว่าองค์จักรพรรดิกับพระสนมจะจู๋จี๋ตลอดทาง ไม่สนใจนาง ส่วนนางก็จะพยายามถามความคิดในใจของพี่หวิ๋นสักหน่อย ใครจะรู้ว่าตลอดทางแม้แต่ลมก็ไม่กล้าหอบ จะอึดอัดตายอยู่แล้ว
อวิ๋นมองทางโหลชี กะพริบตาสองสามหน ในใจขื่นขมทรมานอย่างมากได้อยู่แล้ว เขาไม่อยากทำเช่นนี้เลยจริงๆ ให้เขาที่เป็นผู้ชายทั้งแท่งมาทำท่าแบบนี้ เขารับไม่ได้อยู่หน่อยๆ แต่ถ้ายังไม่ทำลายความกดอากาศต่ำนี้ เขาก็จะทนไม่ไหวแล้ว
"พระสนม ทรงส่งเสียงหน่อยได้ไหมพ่ะย่ะค่ะ?"
เขาส่งกระแสจิตไปถึงโหลชี
โหลชีเหลือบลอยๆ เขาสายตาหนึ่ง ครู่หนึ่ง "เสียง"
ส่ง 'เสียง' ให้เขาแล้ว
หวิ๋นผงะ เกือบกลิ้งตกจากตัวเจ้าขาว รีบนั่งให้มั่นคง มุมหน้าผากผุดเหงื่อกาฬออกมาปื้นหนึ่งอย่างห้ามไม่อยู่
ไม่มีใครบอกเขาว่าพระสนมเป็นอย่างนี้!
เขารู้จักกับโหลชีไม่นาน แถมตอนหลังโหลชีตามไปเขาซงซาน กลับมาก็เก็บตัว ก่อนหน้านี้เขายังไม่มีโอกาสรับรู้ถึงความเอาแต่ใจด้านนี้ของโหลชี ดังนั้นเมื่อครู่ถึงอดไม่ได้เกือบเป็นเรื่อง
ครั้นมองโหลชีอีก นางถึงกับยังใบหน้าไร้อารมณ์!
อวิ๋นแพ้ราบคาบ ถอยห่างไกล
ส่งกระแสจิตกับเฉิงสิบอีกกับเฉิงสิบอีก "เฉิงสิบ เจ้าติดตามพระสนมนานหน่อย อย่างน้อยก็เกลี้ยกล่อมนาง..."
"เกลี้ยกล่อมอย่างไร?"
"ให้นางพูดกับนายท่านสักประโยค ถึงจะแค่สองคำก็ตาม" เขาอยากพูดจริงๆ ส่งเสียงกับนายท่านหน่อยก็ได้! ในที่สุดเขาก็เข้าใจสักที ตอนนี้โหลชีควบคุมอารมณ์ของนายท่านโดยสมบูรณ์แล้ว เมื่อก่อนถ้าใครบอกเขาว่ามีผู้หญิงสามารถชักสีหน้าใส่นายตนได้ เขาต้องรู้สึกว่าคนนั้นบ้าแน่ ไม่อยากอยู่ต่อแล้ว แต่ตอนนี้...
กลับเป็นนายท่านที่ด่าทอไม่ลง ลงมือไม่ลง แม้แต่จะเขยิบไปหาก็ไม่กล้า นี่มันเกิดอะไรขึ้น?
เฉิงสิบส่ายหน้า ยาก เรื่องนี้ยากเกินไป เขาเป็นองครักษ์ ทั้งยังเป็นบุรุษเพศ ไม่เหมาะเกลี้ยกล่อมเรื่องนี้ แถมยังมีอีกสาเหตุหนึ่ง หากตอนนี้เขาเอ่ยปากกับแม่นาง เพลิงพิโรธขององค์จักรพรรดิต้องถาโถมใส่เขาทางนี้เป็นแน่ องค์จักรพรรดิพูดกับนางไม่ได้ แล้วเขาจะได้หรือ?
รนหาที่ตายหรือ?
อดทนไว้!
พวกเขากลับไม่พบว่ามุมปากของเฉินซ่ากระตุก กำลังภายในของเขาในตอนนี้ ส่งกระแสจิตข้างตัวเขายังสามารถได้ยินแว่วๆ แม้ไม่ครบถ้วน แต่โดยรวมฟังบวกเดายังรู้ความได้
เขาอยากระบายโทสะอยู่บ้าง แต่ก็ยังอดกลั้น เขาไม่มีประสบการณ์เช่นนี้มาก่อน เมื่อก่อนโหลชีแสร้งโง่ทำตัวน่ารัก หรือปฏิเสธอยากแนบเนียนอยากผลักเขาออก กระทั่งอาศัยโอกาสไปหุบเทพมารกับผู้อาวุโสสามฟ่านคิดไปจากคนอย่างเด็ดขาด แต่ไม่ว่าอย่างไรก็ไม่เคยมีช่วงสงครามเย็น ไม่พูดกับเขาแบบนี้
ใจเขาระส่ำอยู่บ้าง ทั้งจะด่าจะตีก็ไม่ได้ เมื่อก่อนเขายังเคยลองบีบคอนาง พูดแรงกับนาง แต่ตอนนี้กลับทำไม่ได้แล้ว ไม่ว่าเขาจะทำอะไร ก็กลัวว่านางจะโกรธหนักกว่าเดิม เขาไม่กล้าลองส่งเดช
แต่ตอนนี้ได้ยินอวิ๋นกับเฉิงสิบส่งกระแสจิตกัน เขาถึงนึกขึ้นมาได้ เขาก็ส่งกระแสจิตกับโหลชีได้นี่! ถึงนางจะไม่ตอบ แฮ่มๆ เขาก็ไม่ถึงกับเสียหน้าต่อหน้าลูกน้องใช่ไหม?
"ชีชี ยังโกรธข้าหรือ?"
น้ำเสียงนี้ขององค์จักรพรรดิผู้ยิ่งใหญ่เป็นการระมัดระวังอย่างแน่นอน อยู่ๆ เขาก็รู้สึกว่าตัวเองปวดใจเล็กน้อย สายตาที่มองโหลชีน่าสงสารนิดๆ ชัดเจน
โหลชีก้มหน้ามองวู๊วู ลูบขนสลวยเงาเป็นประกาย แสร้งเป็นไม่ได้ยิน
นี่เป็นการโจมตีอย่างหนัก
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ใต้ร่มยาใจ