ใต้ร่มยาใจ นิยาย บท 559

"เจ้าคือ---องค์หญิงฉาง" ซวนหยวนจื้อมองสำรวจนาง ร่างปราดเข้ามายืนข้างกายนางรวดเร็วดุจเงา ยื่นมือไปจับข้อมือนาง และแตะจุดชีพจรดู

สตรีผู้นั้นเพียงยิ้มน้อยๆ ไม่ได้ขัดขืนอะไร

"หญิงธาตุหยินรู้ได้จากการจับชีพจรด้วยรึ?" โหลฮ่วนเทียนบ่นพึมพำ

"เจ้าจะรู้อะไร หญิงธาตุหยินมีชีพจรเย็น" ซวนหยวนจื้อพูดพลางเหล่มองเขา แต่วินาทีต่อมาก็พลิกมือจับจุดประตูชีวิตของเฮ่อเหลียนฉางอย่างแรง

เรื่องเกิดขึ้นฉับพลัน ทำเอาทุกคนงุนงง

"ข้าเชื่อว่าเจ้าคือองค์หญิงฉาง แต่ก็เป็นองค์หญิงฉางที่โดนเลี้ยงมาผิดๆแน่" ซวนหยวนจื้อพูดพลางจี้จุดหลักๆของนาง จากนั้นผลักนางมาทางเฉินซ่า

"พานางไป ตอนนี้ออกไปหาสถานที่แก้กู่ซะ อี้เอ๋อร์ เจ้าพาคนไปเฝ้าให้เขา" สายตาซวนหยวนจื้อปรายตามองทุกคน และบอกกับโหลฮ่วนเทียนอีกว่า "ตระกูลซวนหยวนต้องเชื่อมั่นในคำสัญญา อย่ามัวแต่ห่วงสัมพันธ์พี่น้อง บัดนี้สิ่งที่เจ้าควรทำคือ คุ้มครองเจ้าหนูตระกูลเฉิน ตระกูลเราติดค้างตระกูลเฉิน"

นี่เรียกอะไร?

โหลชียิ้มเย็น หรือว่าเขาไม่รู้ว่าคนพวกนี้ล้วนเป็นคนของนางงั้นรึ? ขนาดเฉินซ่ายังไม่แน่จะสามารถสั่งการทุกคนที่นี่ได้

องค์หญิงฉางนั่นโดนผลักมาใกล้ถึงเฉินซ่าแล้ว เฉินซ่ากลับหน้าทะมึน จะซัดฝ่ามือไปหานาง "หญิงอัปลักษณ์ที่ไหนกัน ไสหัวไปซะ!"

แต่ในเวลานี้เอง ผ้าไหมพลันยิงเข้ามา พันรัดเอวเฮ่อเหลียนฉางไว้ และดึงนางเข้าไป มีชายผู้หนึ่งออกมาจากประตูลับ ดึงนางเข้าอ้อมกอด

"ใครอนุญาตให้พวกเจ้ารังแกองค์หญิงน้อยของข้ากัน?"

คนที่มาอยู่ในชุดเสื้อคลุมแดง ใส่มงกุฎดิ้นทอง ดูแล้วอายุราวสามสิบกว่าปี แต่พอดูดีๆ กลับพบว่าหางตาเขามีตีนกาเล็กๆขึ้นมาไม่น้อยแล้ว

ชุดคลุมสีแดงของเขางดงามหรูหราจนแทบจะทำดวงตาทุกคนมืดบอด ราศีเขาดูแปลกพิกล มีความเป็นสตรีบางๆท่ามกลางความเข้มแข็ง

หลังจากเฮ่อเหลียนฉางเข้าสู่อ้อมกอดเขาก็เอนกายพิงอย่างลูกนกขอการปกป้อง และมีสีหน้ายินดีปรีดาออกมา

ทุกคนเห็นเขาคลายจุดของเฮ่อเหลียนฉางได้อย่างง่ายดาย ในใจอดกระตุกไม่ได้ วิทยายุทธ์ชายผู้นี้ดูจะล้ำลึกไม่อาจคาดเดา....

"พ่อบุญธรรม ฉางเอ๋อร์คิดว่าท่านไม่ต้องการข้าแล้วจริงๆเสียอีก" เฮ่อเหลียนฉางเอนซบหน้าอกชายผู้นั้นอย่างกระเง้ากระงอด

"เดิมอยากจะยื่นน้ำใจให้เฉินซ่า ยังไงซะก็เคยมีวาสนาเป็นศิษย์อาจารย์กันมาระยะหนึ่ง ใครจะรู้ว่าเขาไม่ไยดี ฉางเอ๋อร์ เช่นนั้นข้าได้แต่รักใคร่เจ้าเองแล้วล่ะ..."

ชายผู้นั้นพูดพลาง เชิดคางเฮ่อเหลียนฉางขึ้นอย่างไม่สนสายตาใคร่ และก้มหน้าลงต่ำ แลบลิ้นเลียริมฝีปากนาง

ฉากนี้ทุกคนไม่ชอบใจกันนัก

มือของโหลชีส่งสัญญาณมือหลายอันด้านหลังอย่างรวดเร็ว ทุกคนเห็นแล้ว เริ่มค่อยๆถอยหลังไปทางประตูอย่างเงียบเชียบ

อีกด้านที่ยืนเงียบอยู่ เฉินซ่าพลันพูดขึ้นเนิบช้าว่า "ผู้ครองเขาเฉินอวิ๋นซู่ฝ่าง?"

พอคำพูดนี้ออกมา ขนาดโหลชีเองยังแปลกใจ ผู้ครองเขาเฉินอวิ๋นยังมีชีวิตอยู่ ผู้ครองเขาเฉินอวิ๋นซู่ฝ่างตอนนั้น?

ชายชุดคลุมสีแดงชะงักเล็กน้อย จากนั้นเงยหน้าหัวเราะเสียวร่วนออกมา เสียงหัวเราะนั่นมีแววเย้ายวนเล็กน้อย "ไม่คิดว่าข้าเปลี่ยนหน้าไปแล้ว เจ้ายังจำข้าได้อีก นี่คือจดจำสัมพันธ์ฉันศิษย์อาจารย์เมื่อครานั้นได้เหมือนข้าใช่หรือไม่?"

เปลี่ยนหน้าไปแล้ว?

เวลานี้เอง ข่งซิวพลันขึ้นหน้าถามขึ้น "เจ้าคือคนที่ขังข้าไว้ในเขาหมอกน้ำเมื่อตอนนั้น?" เสียงหัวเราะเมื่อครู่เขารู้สึกคุ้นหูมาก ตอนนั้นเขาไม่เห็นใคร แต่จำเสียงหัวเราะนี้ได้

ซู่ฝ่างเหล่มองเขา ยกนิ้วชี้มือหนึ่งกดที่ขมับของตนเบาๆ ก่อนจะนึกออก "อ้อ เจ้าคือคนนั้น...ที่สนิทสนมกับซวนหยวนคง คนตระกูลข่งรึ? เอ๋ เจ้ามิได้ตายที่นั่น และยังออกมาได้รึ?"

คำพูดนี้ฟังแล้ว หมายความว่าเขาจับข่งซิวขังไว้ที่นั่นแล้วลืมทิ้งไปเลย

ข่งซิวสีหน้าโกรธขึ้ง "ข้าคิดว่าข้าไม่เคยเกี่ยวข้องอันใดกับเจ้ามาก่อน"

"อืม ก็ไม่มีไง" ซู่ฝ่างลูบไล้ใบหน้าเฮ่อเหลียนฉางในอ้อมกอดแผ่วเบา คิดๆก่อนบอกว่า "ข้าจำได้ละ ตอนนั้น อืม ข้าอยากใช้เจ้ามาล่อซวนหยวนคง ใครจะรู้ว่าเขากลับไม่มา ซวนหยวนคงอยู่ที่ไหนกัน?"

พอถามว่าซวนหยวนคงอยู่ที่ไหน ดวงตาซู่ฝ่างปรากฏประกายแรงกล้าวูบหนึ่ง แต่ไม่นานก็หายไป

โหลชีเห็นเข้า รู้สึกแปลกพิกล หรือว่านักพรตเลวต่างหากที่ซู่ฝ่างสนใจ?

"ไม่รู้" ข่งซิวสีหน้าเย็นชา มีประกายอาฆาตวาบผ่านในตาเขา

ซู่ฝ่างไม่ได้พูดเรื่องซวนหยวนคงต่อ แต่โหลชีจำเรื่องนี้ไว้ละ

"เชอะเชอะ เฉินซ่า กู่ของเจ้ากำเริบแล้วกระมัง?" ซู่ฝ่างมองเฉินซ่า มีแววสาแก่ใจอย่างยากจะปิดได้มิด "ฮะฮะ เดิมอยากให้ฉางเอ๋อร์ช่วยเจ้าแก้กู่ ใครจะรู้ว่าเจ้าดันทำอย่างพ่อผู้รักเดียวใจเดียวของเจ้า จะรักนวลสงวนตัวไว้ให้สตรีเพียงนางเดียวเท่านั้น! ตายก็สมควรแล้ว!"

ข้อมูลที่คำพูดนี้เผยออกมาทำให้เฉินซ่าแผ่ไอเย็นทันที "เจ้ารู้จักพ่อข้า?"

"ทำไมจะไม่รู้จัก? แต่ว่า เจ้าอย่าคิดถามอะไรเลย ข้าไม่บอกเจ้าหรอก!"

ซวนหยวนจื้อกลับขมวดคิ้วบอก "ข้านึกออกแล้ว เจ้าคือโม่หลี องครักษ์ลับคนนั้นของฮองเฮาตระกูลเฉินในตอนนั้นเองรึ?"

เหมือนไม่คิดว่าจะซวนหยวนจื้อจะรู้ฐานะที่แท้จริงของเขาได้ ซู่ฝ่างสีหน้าเปลี่ยนทันที โกรธขึ้งขึ้นมา สะบัดชายเสื้อตะคอกว่า "ข้าคือเจ้าลัทธิแห่งลัทธิสิ้นโลกีย์! ข้าคือผู้ครองเขาเฉินอวิ๋น! ข้าเป็นหนึ่งในเทียนซือที่ฝ่าบาทคัดเลือกเอง! ข้าฐานะสูงส่ง พวกเจ้ามิมีใครเทียบได้!"

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ใต้ร่มยาใจ