ใต้ร่มยาใจ นิยาย บท 586

"ไม่มีทาง!" นางส่ายหน้าทันที

จ้าวหยุนเฟิงเลิกคิ้วถามอย่างชั่วร้ายว่า "ไม่มีทาง?"

ไฟด้านนอกเริ่มแรงขึ้น เทียนยีได้เลิกผ้าม่านรถขึ้นแล้ว ให้พวกเขาได้เห็นสภาพด้านนอกรถ อีกฝ่ายแสดงชัดถึงการรู้ว่าพวกเขายืมผ่านทางเมืองจิ่นหยาง ต้องออกจากประตูตะวันตกออกไป ดังนั้นเลยมารวมพลกันอยู่ด้านนี้ ธนูลอยเข้ามาไม่ขาด จุดไฟไม่หยุด แค่เพียงเวลาไม่นานนี้ ประตูตะวันตกก็แทบจะจมลงไปในกองเพลิงแล้ว

พวกเขาถอยหลังไม่หยุด

"นอกจากผ่านเมืองจิ่นหยางแล้ว ไม่มีทางอื่นไปวังศุทธิเซียนรึ?" โหลชีถามจ้าวหยุนเฟิง

จ้าวหยุนเฟิงเลิกคิ้ว เขาไม่รู้ว่าพวกเขาจะไปวังศุทธิเซียน ลองคิดๆดูก่อนบอก "ทางน่ะมี แต่ที่ใกล้ที่สุดคือเส้นนี้ ถ้าอ้อมก็ต้องใช้เวลาเดินทางอีกหลายวัน"

พวกเขาไม่มีเวลามากขนาดนั้น

ดังนั้นในสถานการณ์แบบนี้ ได้แต่บุกทะลวงประตูเมืองออกไปแล้วล่ะ

โหลชีหันมองหยุนรั่วหวา

"มดพันหมื่นบุกทำลาย?"

หยุนรั่วหวาสีหน้าซีดเผือด กัดฟันบอก "ข้าไม่มีทางใช้มนต์นี้แน่"

"ไม่ว่าที่ไหนก็ต้องมีพวกมด อย่าดูถูกเจ้าสิ่งเล็กๆเหล่านี้ ตัวเดียวไม่ได้ ร้อยตัวพันตัวไม่ได้ ถ้าเป็นทั้งเมือง พวกมดทั้งหมดในแถบนี้ก็ต้องมาหมดแล้วกระมัง? ประตูเมืองหนาเพียงใดก็ทานไม่ไหวหรอก" จ้าวหยุนเฟิงยิ้มมุมปากไป มองหยุนรั่วหวาไป "เพียงแต่ว่า หลังจากใช้มนต์นี้แล้ว คุณหนูผู้งดงามจะผมขาวหมดหัวเท่านั้นเอง"

มนต์แบบนี้ เดิมก็เสียเลือดเนื้อมากแล้ว แค่ผมขาวโพลนทั้งหัวเท่านั้นเรียกได้ว่าโชคดีมากแล้ว

แต่สำหรับหญิงสาววัยเยาว์แล้ว ค่อนข้างจะโหดร้ายไปหน่อย

หยุนรั่วหวากำลังจะถอย ลมอันน่ากลัวกระแสหนึ่งพุ่งเข้ามาพอดี นางไม่ทันตั้งตัว โดนสะบัดลอยออกไป ตกอยู่ห่างจากประตูตะวันตกไม่ไกลนัก

ด้านข้างมีไฟกำลังลุกโหมอยู่ เหลือพื้นที่ที่นางมาตกอยู่เท่านั้นที่ไม่โดนเผา แต่พอมายืนตรงนี้ก็รับรู้ได้ถึงไอร้อนทะลุฟ้านั่น ผิวพรรณแทบจะโดนเผาจนไฟลุกแล้ว

นางหันกลับมามองอย่างตกใจ ในรถม้า ชายผู้นั้นที่ลงมือกำลังมองมาทางนางอย่างเย็นชาไร้หัวใจ ผ่านแสงไฟ สายตาคู่นั้นเย็นชาจนทำนางสั่นสะท้าน

"บุกทะลวงออกไป ไม่เช่นนั้น ข้าจะเด็ดหัวเจ้าลงมา"

หยุนรั่วหวาสั่นสะท้านไปทั้งตัว นางฟังออกว่าชายผู้นี้ไม่ได้ล้อเล่น ขอเพียงนางไม่ลงมือ เขาจะกล้าเด็ดหัวนางลงมาจริงๆ!

นางไม่อยากตาย

แค่ผมขาวโพลนไปทั้งตัว ดีกว่าตายกระมัง?

หยุนรั่วหวากัดฟันกรอด หันหน้าไปทางประตูเมือง กางแขนสั่นสะท้านทั้งสองข้างออก ใช้มนต์ที่แทบจะเรียกได้ว่าถูกเผ่ามนต์ขาวมองเป็นข้อห้าม ซึ่งก็คือมดพันหมื่นบุกทำลาย

รถม้าขยับเข้ามาใกล้อีกหน่อย เฉินซ่าสั่งเสียงเย็นว่า "ไป คุ้มครองนาง"

หยุนรั่วหวาพบว่ามีทหารสิบนางเข้ามาอารักขานางซ้ายขวา ถือดาบช่วยนางกันธนูที่ยิงเข้ามาเป็นระยะ

เขาซาบซึ้งตนใช่หรือไม่?

อย่างน้อยก็เห็นความงามของตนในสายตาใช่หรือไม่?

อันที่จริงโยนนางออกมาก็เพราะไม่มีหนทางกระมัง? ยังไงพวกเขาก็ต้องออกจากเมือง

หลังจากหยุนรั่วหวาได้ยินคำพูดนั้นของเฉินซ่าหัวใจนางก็พองโต ความหวานล้ำอย่างยากจะกล่าวพลันสูงขึ้นมา การร่ายมนต์นี้กลายเป็นทำด้วยความเต็มใจ

ถ้านางทะลวงฝ่าประตูเมืองได้ เท่ากับว่านางช่วยเขาไว้นะ เขาจะไม่ซาบซึ้งน้ำใจนางได้หรือ?

ถ้าเป็นเพราะเยี่ยงนี้แล้วผมขาวโพลนหมดหัว แต่กลับสามารถแลกความสงสารของเขาได้ เช่นนั้นก็คุ้มค่าแล้วกระมัง?

ใครก็ไม่คิดว่า เพราะคำพูดเดียวของเฉินซ่าจะทำให้หยุนรั่วหวาคิดเลยเถิดไปไกลเพียงนี้

ถ้าโหลชีรู้ ต้องถุยน้ำลายใส่หน้านางแน่

เวลานี้นางจะร่ายมนต์ช่วยพวกเขาฝ่าทะลุเมือง ก็ต้องไม่อาจให้นางโดนธนูยิงตายกลางคันได้กระมัง? เหตุผลง่ายดายเพียงนี้ พี่สาวเจ้าคิดอะไรเนี่ย? รูสมองใหญ่ขนาดนี้ ทำไมไม่ขึ้นสวรรค์ไปเนี่ย!

ขั้นตอนก่อนร่ายมนต์นี้ค่อนข้างยาว พวกโหลชีเดิมอยากรอเงียบๆ ใครจะรู้ว่าธนูกลับยิงเข้ามาจากด้านนอกตลอดราวกับมันไม่มีราคา ไฟยิ่งลุกเหิมมากขึ้น จุดที่หยุนรั่วหวายืนอยู่ในรัศมีธนูพอดี ดังนั้นไม่นาน เฉินซ่าก็ส่งทหารกองราชาอสูรเทพอีกสิบนายไปอารักขานาง

หยุนรั่วหวาหันหลังให้พวกเขา ดังนั้นใครเลยไม่เห็นรอยยิ้มดีใจซาบซึ้งที่ริมฝีปากของนางยามได้ยินคำสั่งนี้ของเฉินซ่า

ธนูยังมีจำกัดจริงๆ พวกเขาสามารถถอยไปได้เรื่อย ๆ แต่เฉินซ่ากับโหลชีมีหรือจะเป็นคนประเภทยอมโดนบีบให้ถอยร่นไปตลอดแบบนี้?

ในตอนที่ธนูกลุ่มใหม่ถูกยิงเข้ามา โหลชีกับเฉินซ่าพุ่งออกจากรถม้าพร้อมกัน

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ใต้ร่มยาใจ