ใต้ร่มยาใจ นิยาย บท 61

ที่จริงตอนแรกเฉินซ่าไม่เข้าใจตัวเองเหมือนกัน เพราะอะไรได้ยินนางพูดคำพวกนั้นแล้ว เขาก็โมโหจากก้นบึ้งของหัวใจทะลุเหนือหัว จากนั้นมองใบหน้ายิ้มระรื่นไม่สนใจสิ่งใดของนางแล้ว ก็รู้สึกแทบกระอักเลือด

สตรีเหล่านั้นยังมิได้เข้าตำหนักจิ่วเซียวอย่างแท้จริง ยังมิได้รับการแต่งตั้งเป็นพระสนมจริงๆ หลายวันนี้ก็ทำการประมือกันในที่แจ้งที่ลับไม่หยุดไม่หย่อนแล้ว การกระทำของพวกนางล้วนแต่อยู่ในสายตาเขา แต่ไม่ว่าพวกนางจะทำอะไร เขากลับรู้สึกเบื่อหน่าย ไม่มีอารมณ์จัดการแม้แต่น้อย

"มานี่" เฉินซ่าสูดลมหายใจเข้าปอดลึก ถึงสะกดความโกรธที่แทบจะเผาไหม้เขาเป็นจุณลงไปได้

โหลชีแอบตกใจ เขาโกรธถึงขนาดนี้แล้ว จนทำลายสวนดอกไม้ไป แต่แค่ครู่เดียวก็สะกดไฟโกรธลงไปได้ เป็นผู้ชายที่ควบคุมตัวเองได้เก่งจริงๆ

เทียนอิ่งที่ซ่อนตัวอยู่อยากมองบนยิ่งนัก ฝ่าบาทเดิมร้ายกาจในเรื่องการควบคุมตัวเองอยู่แล้ว นี่เป็นครั้งแรกที่โกรธจนเป็นแบบนี้ เพราะใครกัน? เพราะใคร!

โหลชีค่อยๆขยับเข้าใกล้เขาอย่างเนิบช้าราวกับหอยทาก เฉินซ่ายิ่งโมโหหนักขึ้นเมื่อเห็นนางทำเยี่ยงนี้ เขาปราดเข้าใกล้นาง ยื่นมือไปบีบคางนางเอาไว้ จากนั้นแนบร่างลงไป ประทับริมฝีปากรุ่มร้อนกัดลงบนริมฝีปากนางอย่างแรง

อาจเพราะเขาสูงใหญ่กว่า เลยบังแสงจากนางไป!

อาจเพราะเขาร้อนผ่าว เลยเผาไหม้อากาศนางจนหมด!

อาจเพราะท่าทางเขาดูดุร้าย แย่งลมหายใจนางไปจนหมด!

โหลชีรู้สึกเหมือนตัวเองใกล้จะจมน้ำตายแล้ว

ความรู้สึกทั้งหมดหายไป แต่ก็เหมือนขยายตัวใหญ่ขึ้น โดยเฉพาะสัมผัสของริมฝีปากเขาและลมหายใจร้อนระอุนั่น

เทียนอิ่งหลับตาทั้งสองข้าง

เอ้อร์หลิงดึงหน้าที่แอบมองกลับไป นางเพียงรู้สึกใบหน้าร้อนผ่าวใจเต้นแรง

ความเงียบงันกระจายไปทั่วตำหนักสาม

แต่โหลชีกลับรู้สึกมีเสียงหัวใจเต้นสะท้อนดังอยู่ในหูตัวเอง และไม่รู้ว่าเป็นของนางหรือของเขา

ผ่านไปอยู่นาน เขาถึงยอมปล่อยนาง

ดวงตาดำมืดคู่นั้นจับจ้องมายังดวงตานางอย่างแน่วแน่ และไม่ยอมให้นางหลบหลีกอย่างบ้าอำนาจ

"จะเปิดป้ายคัดเลือกแทนข้า? จะให้ข้าแบ่งปันให้ทั่วถึง?" น้ำเสียงเขาแหบพร่าเล็กน้อยอย่างสุขสมอารมณ์หมาย

ใช่ เขาโกรธ โกรธเรื่องนี้ เหตุใดนางจึงมิริษยา เหตุใดจึงไม่โกรธ เหตุใดจึงไม่หึงหวง มันมิถูก ในฐานะสตรีของเขา ควรจะอยากครอบครองตัวเขาสิ! มิควรใจกว้างเยี่ยงนี้! เขาไม่อนุญาต!

ยากมากกว่าโหลชีจะดึงสติกลับมาได้ พอสติกลับมายังสมอง ลำดับเรื่องราวได้ว่าเกิดอะไรขึ้นเมื่อกี้ นางก็โกรธจัดทันที ชกหนึ่งหมัดไปที่หน้าอกเขาทันที แรงมากจนทำให้เฉินซ่ายังต้องถอยไปหนึ่งก้าว และนั่นทำให้เกิดเป็นช่องว่างระยะห่างของทั้งคู่

"เฉินซ่า! ไอ้สารเลว! รู้ไหมว่านี่มันจูบแรกของข้า! แม่งเอ๊ย! กล้าดียังไงมาขโมยจูบแรกของข้าหะ? อ๊า! กล้าดียังไง!" นางกัดเขี้ยวเคี้ยวฟัน โกรธจนหน้าแดงก่ำ มองเขาด้วยสายตากินเลือดกินเนื้อ แทบอยากจะจับเขามาสับเป็นชิ้นๆแล้วเอาไปเลี้ยงงูในคุก!

ทำอย่างนี้ได้ยังไง ทำอย่างนี้ได้ยังไง! จูบแรกของนางนะนั่น!

ในยุคปัจจุบันนางก็ถือเป็นราชินีครองพื้นที่หนึ่ง มีหนุ่มหล่อมากมายมาจีบ ทั้งเย้ายวนต่างๆนานา นางรักนวลสงวนตัวอย่างดี พอมาถึงที่นี่ กลับมาโดนไอ้บ้านี่แต๊ะอั๋งเอาแบบนี้ แต๊ะอั๋งไปหมดเลย!

มันรู้สึกเหมือนโดนบุกรุกถิ่นและเข้ามากอดรัดฟัดเหวี่ยงยังงั้นน่ะ!

ไอ้สารเลวเอ๊ย!

ด่าไปด่าไป นางก็กระโจนเข้าไปคว้าคอเสื้อเขาหมับ "ว่ามา! พูดมาให้ชัดเจน ฝีมือดีขนาดนี้ไปฝึกกับผู้หญิงเท่าไหร่มา?"

บนต้นไม้ เทียนอิ่งเสียหลัก พลัดตกลงพื้น ล้มหัวคะมำ ห่างไปไม่ไกล เทียนยีกุมขมับอย่างพูดไม่ออก กวาดฝ่ามือออกไป ปิดประตูใหญ่ลง ปิดกั้นสายตามากมายของนางกำนัลบางคนและเหล่าองครักษ์ด้านนอกที่เบิกตากว้างมองอย่างไม่เกรงใจ

เกิดเสียงปึ้งดังขึ้น โหลชีโดนจับกระแทกลงบนเตียงใหญ่ เพราะแรงในการเหวี่ยงเยอะมาก นางถึงกับกลิ้งหลุนๆ แต่นางได้สติกลับมาอย่างไว สองฝ่ามือตบพื้นเตียงหวังลุกขึ้นมา แต่ร่างสูงใหญ่ของใครบางคนโน้มตัวมากดทับนางไว้พอดี

สองร่างแนบติดกัน ใบหน้าทั้งสองห่างกันแค่คืบ ดวงตาจับจ้องดวงตา ปลายจมูกแทบจะชนกัน ใช้ลมหายใจร่วมกันอย่างแยกกันไม่ออก

"ในฝัน เจ้า"

"อะไรนะ?" ความโกรธที่โหลชีแทบจะสาดออกไปกลับโดนสามคำนี้เบรคชะงัดไว้ และถามกลับอย่างงงๆ

เฉินซ่าบอก "ข้าบอกว่า ฝึกกับเจ้าในฝัน"

โหลชีตะลึงอยู่นานกว่าจะรู้ว่าเขากำลังตอบคำถามก่อนหน้านี้ของนาง และคำตอบกลับเป็นอย่างนี้ ทำเอานางใบหน้าร้อนผ่าว ถลึงตาใส่เขาว่า "ท่านหมายถึงท่านฝันถึงข้าตลอด!"

อืม ก็ได้ นางอนุญาต อนุญาตให้เขาฝัน

เพียงแต่ว่า เขาฝันว่าจูบกับนาง แต่นางกลับไม่เคยฝันแบบนี้เลยนะ เชอะ ขาดทุนล่ะ

"ข้าโอบเจ้าเข้านอนทุกคืน ฝันถึงเจ้าก็มิแปลกนี่" เฉินซ่าตอบหน้าตาเฉย "ข้าเป็นผู้ชายปกติ"

"เชอะ ผู้ชายปกติ ตอนนี้มีสาวงามมากมายมาให้ท่านทดลองฝึกปรือฝีมือละ ทำไมไม่หาพวกนางล่ะ?" สติกลับมา อารมณ์เริ่มควบคุมได้ โหลชีมองบน ชี้นิ้วไปที่หน้าอกเขา พูดเน้นย้ำทีละคำว่า "ลืมเรื่องวันนี้ไปซะ ข้าจะใจกว้างทำเหมือนมิเคยมีอันใดเกิดขึ้น!"

"เจ้าช่างบังอาจนัก" สายตาเฉินซ่าทะมึนลงอีกครั้ง "ความรักเมตตาของข้า เจ้ากล้าทำเหมือนมิมีอันใดเกิดขึ้นมาก่อน?"

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ใต้ร่มยาใจ