ใต้ร่มยาใจ นิยาย บท 77

ดวงตาของซีฉางอี้เบิกกว้างขึ้นมาทันที เขาเดาว่าโหลชีกับเฉินซ่าจะต้องมีความสัมพันธ์ที่ดีต่อกันเป็นแน่ แต่ถึงอย่างไรเขาก็คิดไม่ถึงเช่นกันว่าพวกเขาจะมีความสัมพันธ์ที่สนิทสนมกันขนาดนี้ อีกอย่าง ไม่ใช่ว่าเฉินซ่าเป็นคนเย็นชา อารมณ์ขึ้นๆลงๆ ไม่ชอบให้ใครเข้าใกล้ และยิ่งไม่ชอบให้ผู้หญิงเกาะติดแบบนี้หรอกหรือ? นี่นี่นี่ นี่มันเกิดอะไรขึ้นเนี่ย? โหลชีกำลังกอดแขนของเขาเอาไว้ คิดไม่ถึงเลยว่าเขาจะไม่สะบัดมันออกเลย!

"องค์ชายเก้า เจ้ามองไปที่ไหนน่ะ" โหลชีเตือนเขาอย่างใจดีว่าอย่าเอาแต่จ้องคนอื่นตลอดเวลานะ ทั้งนี้จะได้ไม่ทำให้ผู้ชายคนนี้อารมณ์ไม่ดี แล้วตบเข้าไปที่หัวของเขาจนเละเหมือนลูกแตงโม

ซีฉางอี้ยับยั้งจิตใจเอาไว้ แล้วจึงไอแล้วไออีกและพูดว่า "แม่นางโหลสัญญากับข้าแล้ว ขอเพียงแค่ข้าพูดสิ่งที่นางอยากรู้ออกมา นางก็จะปล่อยข้าไป" เขาชี้แจงอีกครั้ง แล้วดึงโหลชีออกมา

ตอนนี้หวังเพียงว่าโหลชีจะมีความสำคัญในใจของเฉินซ่า จริงๆ เพราะคำพูดของนางช่างมีบทบาทจริงๆ

"ว่ามา" เฉินซ่าพูดเพียงสองคำนี้เท่านั้น

ซีฉางอี้ตกตะลึงอยู่พักหนึ่งและคิดที่จะตอบโต้กลับมา นี่เขารับปากแล้วหรือ?

โหลชีเบ้ปากไปมา และคิดอยู่เสมอว่าองค์ชายเก้าคนนี้ช่างโง่เขลาอยู่บ้างจริงๆ ตกลงเขารอดตายมาจนถึงทุกวันนี้ได้อย่างไรกันแน่นะ? แต่ทว่า บางทีถ้าไม่ใช่เพราะว่าเขาเคยโดนวางยาพิษที่มีผลต่อระบบประสาทมาก่อน เขาก็คงถูกคนอื่นๆในราชวงศ์แทะจนไม่เหลือแม้แต่กระดูกมาตั้งนานแล้ว

"ตอนนี้ยาของฝ่าบาทน่าจะยังหาไม่ครบสินะ แต่ข้ารู้ที่อยู่ของตัวยาหนึ่งในนั้นพอดีเลย"

"อย่าอุบเอาไว้"

"ไขหินพันปี"

โหลชีกับเฉินซ่ามองหน้ากัน มันคือไขหินพันปีอีกแล้วงั้นหรือ? ในคืนนั้นมีคนเจตนาสร้างอุบายที่เร้นลับซับซ้อนขึ้นมา เพื่อต้องการล่อให้เฉินซ่าออกไป ต่อมาในขณะที่โหลชีกำลังจะออกไปไล่ตามชายคนนั้น เธอก็ตระหนักว่ามีบางอย่างผิดปกติ และเมื่อไปถึงตำหนักยานางจึงตรวจดูให้ละเอียดสักพัก คิดไม่ถึงเลยว่า ยอดฝีมือที่มีกำลังภายในล้ำลึกนั้นเป็นตัวปลอม ลูกน้องดูแลยาคนนั้นที่เป็นหนอนบ่อนไส้ต่างหากจึงจะเป็นตัวจริง เขาใช้มีดพกกรีดเป็นรอยเล็กๆไว้บนเสาก่อน จากนั้นจึงค่อยๆเสียบใบไม้นั่นเข้าไป

หลังจากที่ตรวจพบสิ่งนี้ โหลชีก็ปลอมตัวเป็นเฉินซ่า แสดงใบหน้าออกมาต่อหน้าคนที่เฝ้าติดตามนางเพื่อแสดงให้เห็นว่าเฉินซ่าได้ออกไปคนเดียวจริงๆ หลังจากนั้นก็กลับไปที่ตำหนักจิ่วเซียวในทันที

แต่ทว่าไขหินพันปีที่ลูกน้องดูแลยาพูดถึงนั้นในภายหลังพวกเขาก็ได้เข้าใจว่ามันเป็นเพียงที่เขาเขียนออกมาอย่างสะเปะสะปะเพื่อหลอกสายตาให้สับสนเท่านั้น

ในตอนนี้คิดไม่ถึงเลยว่าจะได้ยินคำนี้จากปากของซีฉางอี้อีกครั้ง แล้วจะไม่ให้พวกเขารู้สึกประหลาดใจได้อย่างไร

เฉินซ่าพูดอย่างเย็นชาว่า "การถอนพิษของข้าไม่จำเป็นต้องใช้ไขหินพันปีหรอก"

"เรื่องนี้ข้ารู้ดี ข้าหมายความว่าจิ้งจกน้ำแข็งที่ฝ่าบาทต้องการ มีเพียงสถานที่ที่ไขหินพันปีก่อรูปขึ้นมาเท่านั้นจึงจะหาพบ!" ดูเหมือนซีฉางอี้จะกลัวว่าพวกเขาจะไม่เชื่อตัวเอง เขาก็เลยรีบพูดขึ้นมาว่า "และได้มีคนทราบตำแหน่งคร่าวๆของไขหินพันปีแล้ว ซึ่งข่าวนี้เป็นข่าวที่แพร่ออกมาจากซีเจียงเชียวนะ ดังนั้นมันก็ไม่แปลกหรอกที่พวกเจ้าจะยังไม่เคยได้ยิน!"

"อยู่ที่ไหน?" เมื่อโหลชีมองจากแววตาของเฉินซ่าก็รู้ว่าในยาของเขามีจิ้งจกน้ำแข็งอะไรนั่นรวมอยู่ด้วยจริงๆ "ไขหินพันปีนั่นอยู่ที่ไหน?"

สำหรับจิ้งจกน้ำแข็งนั้นจะต้องได้มาอย่างแน่นอน ถ้าหากไขหินพันปีนั่นมีอยู่จริงๆ แล้วเขาจะปล่อยให้คนอื่นยึดเอาผลประโยชน์ไปได้อย่างไร หลังจากฟังการแนะนำของเยว่แล้ว นั่นคือของล้ำค่าทีเดียวล่ะ ซึ่งมันสามารถเพิ่มพลังหนึ่งเจี่ยจื่อได้ เฉินซ่าจะไม่อยากได้ได้รึ?

"สิบแปดถ้ำแห่งทุ่งน้ำแข็ง"

ขณะที่ออกมาจากคุก เฉินซ่าก็เงียบมาตลอดทาง และสาวเท้าก้าวไปข้างหน้าอย่างรวดเร็ว ในตอนแรกโหลชีก็เดินตามเขาไปติดๆ ต่อมาพอเห็นเขาเดินเร็วขึ้นเรื่อยๆ นางจึงถือโอกาสหยุดฝีเท้าลงไปเสียเลย แล้วเตรียมตัวจะหันหลังเดินจากไป เขาทารุณเขา นางจะไปหาอิงและลองถามเรื่องสิบแปดถ้ำแห่งทุ่งน้ำแข็งยังไม่ได้หรือ?

คิดไม่ถึงว่า ทันทีที่นางหันหลังไป เอวที่เพรียวบางก็ถูกแขนเหล็กหนีบเอาไว้เสียแล้ว

เฉินซ่า:"......"

"เจ้าจะไปไหน?"

"ข้าว่าท่านกำลังโมโหอยู่ไม่ใช่หรือเจ้าคะ?"

"เจ้ารู้ด้วยหรือว่าข้าโมโหเรื่องอะไร?"

"ใครจะไปรู้เล่าเจ้าคะ" โหลชีกลอกตามองบน ใครจะไปรู้เล่าว่าทำไมเขาถึงโมโหขึ้นมาโดยไม่มีเหตุผลแบบนี้

"ข้าบอกแล้วใช่ไหมว่าไม่อนุญาตให้อยู่ตามลำพังในห้องเดียวกับผู้ชายคนอื่น ลืมไปแล้วรึ?" ในน้ำเสียงของเฉินซ่ามีความโมโหที่เบาบางอยู่ในนั้นด้วย

โหลชี "......"

อย่าเป็นแบบนี้สิ นางอาจจะเข้าใจผิดคิดว่าความรู้สึกของเขาที่มีต่อเธอนั้นลึกซึ้งมาเพียงใดขึ้นมาจริงๆก็ได้ แล้วอีกอย่าง ถ้าไม่คิดอะไรจะหึงอย่างไม่มีมูลไปมั่วๆเพื่ออะไรกัน!

"นายท่าน มาเถอะ มาหารือเรื่องสิบแปดถ้ำแห่งทุ่งน้ำแข็งนั่นกับข้าหน่อยจะได้ไหม?"

ไม่ใช่ว่าเขากล่าวหาว่านางไม่เชื่อฟังและอยู่ในห้องกับผู้ชายคนอื่นตามลำพังอยู่หรอกหรือ? จะอธิบายก็ไม่อธิบายเลยสักคำ จะยอมรับผิดก็ไม่มี แล้วตั้งใจเปลี่ยนเรื่องคุยอย่างนั้นหรือ?

เขาพูดไม่ออกบอกไม่ถูกเล็กน้อยไปชั่วขณะหนึ่ง แล้วสุดท้ายก็เอาแต่จ้องเขม็งมองนาง

โหลชีกอดแขนของเขาเอาไว้ราวกับหมาปักกิ่งตัวเล็กๆตัวหนึ่ง น้ำหนักตัวทั้งหมดแขวนอยู่บนตัวเขา แล้วเปิดโหมดน่ารักขึ้นมาอีกครั้ง "มาเถอะ มาหารือกัน ท้ายที่สุดยังไงท่านก็ต้องพาข้าไปด้วยอยู่ดี หารือกับข้าสักหน่อยถึงเวลานั้นจะได้ไม่ทำอะไรสะเปะสะปะไง"

นางอิงแอบแนบชิดเฉินซ่ามาตลอดทางแบบนี้จนกระทั่งเดินผ่านตำหนักสองไปแล้ว โดยไม่สนใจขากรรไกรล่างที่ลดต่ำลงของบรรดาองครักษ์และสาวใช้เหล่านั้นที่อยู่ระหว่างทางเลย หากเป็นเช่นนี้ จะต้องทำลายภาพลักษณ์อันเยือกเย็นที่อยู่ในใจพวกเขาของเฉินซ่าแน่ๆ

"อะไรนะ? มีไขหินพันปีอยู่จริงๆรึ?"

ณ วันนั้น ในตำหนักสามหลังจากที่เยว่ เสวี่ย อิงและหมอเทวดาได้ฟังคำพูดของโหลชีแล้วก็ตะโกนขึ้นมาด้วยความตกใจพร้อมๆกัน

ไขหินพันปีนั้นเป็นเพียงสมบัติล้ำค้าที่อยู่ในคำเล่าลือเท่านั้น ซึ่งเล่าลือกันว่า เมื่อหลายร้อยปีก่อนมีคนเคยครอบครองมาแล้ว หลังจากนั้นกังฟูของเขาก็ก้าวหน้าอย่ารวดเร็ว แต่ทว่า เรื่องที่เกิดขึ้นเมื่อหลายร้อยปีก่อน ใครจะไปรู้ว่าเป็นเรื่องจริงหรือไม่? เรื่องที่เล่าลือกันมานี้ ที่สุดแล้วอาจจะเล่าลือกันมาอย่างบิดเบือนก็ได้

แต่นึกไม่ถึงเลยว่าตอนนี้จะมีข่าวแบบนี้ล้ำลือออกมาแล้วจริงๆ แม้แต่สถานที่ก็ยังมีเลย ข่าวนี้ทำให้พวกเขาตื่นตระหนกตกใจ และนอกจากจะตื่นตระหนกตกใจแล้วก็พวกเขาก็ยังรู้สึกประหลาดใจและตื่นเต้นอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ใต้ร่มยาใจ