“ในเมื่อมีหน้าที่ก็ต้องทำตามหน้าที่ ถ้าเอาแต่กลัวนั่นกลัวนี่ แล้วจะเป็นบอดี้การ์ดที่ดีได้ยังไง?” หลินฮ่าวมองอวี้หยูเฉินแวบหนึ่งด้วยสีหน้าเรียบเฉยพลางเอ่ยตอบ
“เอ่อ......”
อวี้หยูเฉินอึ้งชะงัก ก่อนจะเผยรอยยิ้มน่าหลงใหลนั่นอีกครั้ง “งั้นนายหมายความว่า ไม่ว่าจะเรื่องอะไรนายก็ยอมทำเพื่อฉันงั้นเหรอ?”
คำพูดนี้ฟังดูแล้วเหมือนจะคลุมเครือเล็กน้อย ถ้าเป็นผู้ชายคนอื่นอยู่ต่อหน้าคนสวยอย่างอวี้หยูเฉินแบบนี้ ก็คงจะรีบยกมือขึ้นเอ่ยคำสาบานต่างๆนานา แสดงถึงความอาจหาญของตัวเอง
แต่น่าเสียดาย ที่คนที่อวี้หยูเฉินเผชิญด้วย คือหลินฮ่าว
“ผมคือบอดี้การ์ดของคุณ ผมทำได้ทุกอย่างเพื่อความปลอดภัยของคุณ แต่นั่นไม่ได้หมายความว่าผมจะยอมทำทุกอย่างเพื่อคุณ” หลินฮ่าวเอ่ยตอบเสียงเรียบอีกครั้ง
อวี้หยูเฉินแทบอยากจะกระอักเลือด หมอนี่ เฉยชาเกินไปแล้วหรือเปล่า? พูดจาแบบนี้กับคนสวยแบบเธอได้ยังไงกัน?
แต่ถึงจะอย่างไร ถิงหยูโหลวก็ทำงานได้ค่อนข้างไว ไม่นาน อาหารก็ถูกเสิร์ฟเต็มโต๊ะ อวี้หยูเฉินกำลังจะอ้าปากพูด หลินฮ่าวกลับพูดขัดเธอก่อนว่า “เอาล่ะ อาหารมาเสิร์ฟแล้ว กินข้าวเถอะครับ”
พูดเสร็จ ก็เอาตะเกียบขึ้น รินเหล้าจนเต็มแก้ว แล้วเริ่มกินเองทีเดียวโดยไม่เกรงใจ ไม่มีท่าทีหักห้ามตัวเองเมื่ออยู่ต่อหน้าคนสวยอย่างอวี้หยูเฉินเลยสักนิด
อวี้หยูเฉินรู้สึกหมดคำพูดเล็กน้อย หมอนี่ไม่มีความเป็นสภาพบุรุษเลยหรือไง?
แต่ถึงจะอย่างไร ท่าทางเย็นชาของหมอนี่ ก็น่าดึงดูดใจจริงๆด้วย
ไม่รู้ว่านึกถึงอะไร ทว่าใบหน้าสะสวยของอวี้หยูเฉิน กลับเผยรอยยิ้มที่มีเสน่ห์มากขึ้นกว่าเดิม
ราวกับว่าสองวันนี้ การได้อยู่ต่อหน้าผู้ชายเย็นชาคนนี้ ทำให้รอยยิ้มของเธอที่ขาดหายไปเป็นเวลาเนิ่นนาน ค่อยๆกลับมาถูกเติมเต็มอีกครั้ง
“จริงสิ ที่จะเข้าบริษัทมาสัมภาษณ์วันนี้ ชื่อเหยาซือหย่าอะไร ต้องให้ฉันช่วยไหม?” หลังจากที่กินอาหารไปเล็กน้อย อวี้หยูเฉินก็วางตะเกียบในมือลงพลางเอ่ยถาม
ขณะที่พูด ใบหน้าเธอก็แต้มยิ้มเบาๆ
เธอเคยสืบมาก่อน รู้ว่าหลิยฮ่าวแคร์เหยาซือหย่ามากๆ เรื่องนี้ หมอนี่น่าจะมีอะไรมากมายต้องพูด อย่างน้อยก็น่าจะขอให้เธอช่วย
“ไม่จำเป็น ถ้าเธอไม่อาจเข้าไปได้ด้วยความสามารถตัวเอง งั้นถึงเข้าไปแล้ว ก็ต้องถูกไล่ออกไม่ช้าก็เร็วแน่ ๆ ผมเชื่อมั่นในตัวเธอ” หลินฮ่าวเอ่ยอย่างหนักแน่น
พูดเสร็จ ก็ยกเหล้าขาวขึ้นดื่มจนหมด
“เอ่อ นายมั่นใจขนาดนั้นเลยเหรอ?” อวี้หยูเฉินอึ้งตะลึงอีกครั้ง
ต่อหน้าโอกาสที่จะได้รับความช่วยเหลือแบบนี้ ไม่ว่าจะยังไงเธอก็คิดไม่ถึงเลยจริงๆ ว่าหมอนี่จะไม่หวั่นไหวเลยสักนิด
“เอาล่ะ ผมกินเสร็จแล้ว คุณกินเถอะครับ” หลินฮ่าวไม่อยากคุยเรื่องนี้ต่อ เขาวางตะเกียบลง ใช้ทิชชูเช็ดปาก ก่อนจะตัดบททีเดียว
อวี้ยหยู่เฉินหมดคำพูด หมอนี่ แค่พูดไม่กี่คำกับเธอมันยากขนาดนั้นเลยหรือไง?
ทว่าพอเห็นท่าทีแบบนั้นของหลินฮ่าว เธอยังอยากจะพูดอะไรสักอย่าง แต่กลับไม่มีเรื่องอะไรให้คุยอีกแล้ว
เธอส่ายหัวเล็กน้อย ทำได้เพียงจดจ่อกับการทานอาหารต่อ
หลินฮ่าวนั่งมองเงียบๆอยู่ข้างๆ ไม่ว่าจะยังไง คนสวยก็คือคนสวย แม้จะเป็นตอนกินข้าว ก็ยังคงดูสง่างาม จนหลินฮ่าวเผลอจ้องมองโดยไม่รู้ตัว
“เป็นไง มองคนสวยกินข้าว มีรสชาติมากเลยใช่ไหมล่ะ?” อวี้หยูเฉินใช้ทิชชูเช็ดปากแล้วยิ้มเอ่ย
“กินอิ่มหรือยัง?” หลินฮ่าวไม่ตอบแต่ถามกลับ
“อิ่มแล้ว!” อวี้หยูเฉินเอ่ยตอบด้วยรอยยิ้มชวนมอง
“งั้นก็ไปกันเถอะ” หลินฮ่าวเอ่ยอีกครั้ง
“ทำไม ได้นั่งกับคนสวยอย่างฉัน นายก็ไม่ยอมงั้นเหรอ?” อวี้หยูเฉินเบะปากอย่างหมดคำพูด หมอนี่ ไม่เห็นหัวเธอเกินไปแล้วหรือเปล่า?
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: บอดี้การ์ดเนื้อหอม ออกโรง!