“ก็แค่ไอ้เด็กกระจอก ถึงกับต้องให้เราลงมือพร้อมกันเลยหรือไง? แค่มือเดียวฉันก็เอามันตายได้!” ชายร่างกำยำคนหนึ่งเดินมา พลางยิ้มเอ่ยด้วยสีหน้าโหดเหี้ยม
คำพูดของเขานั้นแสนจะหยาบคาย สิ้นเสียง เขาก็พุ่งตัวเข้ามา พร้อมหมัดรุนแรง พลันต่อยไปยังหลินฮ่าวทีเดียวโดยไม่ออมแรง
ไม่อาจไม่พูดได้ว่า คนที่มีร่างกายกำยำนั้นมักได้เปรียบ แค่ขยับมือก้าวเท้าทำอะไรบางอย่าง ก็มักให้ความรู้สึกชวนตกตะลึง
เมื่อเห็นว่าเขาพุ่งหมัดใส่หลินฮ่าว ผู้คนรอบข้างมากมายก็เปล่งเสียงอุทาน ราวกับว่าได้เห็นสภาพของหลินฮ่าวที่ถูกต่อยจนเอ็นขาดกระดูกหักแล้ว
“หลินฮ่าว ระวัง......” อวี้หยูเฉินเองก็ลั่นเสียงเอ่ยอย่างตกใจ
แม้เธอจะมีตำแหน่งสูงศักดิ์เพียงใด ทว่า ต่อหน้าการล้อมโจมตีของชายร่างกำยำเหล่านี้ ในใจเธอเองก็หวาดกลัวถึงขีดสุด
ตอนนี้หลินฮ่าวคือเทพคุ้มครองเพียงหนึ่งเดียวของเธอ เธอย่อมกังวลว่าหลินฮ่าวจะเสียเปรียบและบาดเจ็บเป็นธรรมดา
“อ๊าก......”
เป็นไปตามที่ทุกคนคาด ที่มีเสียงกรีดร้องขึ้นอย่างเจ็บปวด
ผู้คนต่างหลับตากันโดยอัตโนมัติ ราวกับว่าทนมองดูหลินฮ่าวถูกต่อยจนเอ็นขาดกระดูหักไม่ได้
“แกรก.....”เสียงกระดูกหักดังขึ้นกรอบแกรบ ทำให้คนรู้สึกเสียวสันหลัง
เสียงนี่ ประกอบกับเสียงกรีดร้องที่หยาบกร้านนั่น ทำให้คนฟังรู้สึกเหมือนถูกบีบหัวใจ
“ปัง......”
จากนั้น ก็ตามมาด้วยเสียงทุ้มสนั่น ก่อนจะจบลงด้วยเสียงแตกกระแทก
ผู้คนค่อยๆลืมตาขึ้น ทว่ากลับยังเห็นหลินฮ่าวยืนอยู่ตรงที่เดิมด้วยสภาพสมบูรณ์
ทุกคนต่างอึ้งชะงัก ก่อนที่พวกเขาจะสังเกตเห็น ว่าบนพื้นที่อยู่ไม่ไกล มีร่างชายกำยำที่พุ่งตัวเข้าไปเมื่อกี้นี้กำลังโค้งตัวนอนประหนึ่งกุ้งล็อบสเตอร์ตัวใหญ่
แขนข้างที่พุ่งหมัดออกไปเมื่อครู่นี้ อยู่ในองศาโค้งงอผิดแปลกไปจากปกติ พอจะดูออก ว่าแขนข้างนั้นของเขา ใช้งานไม่ได้โดยสิ้นเชิงแล้ว
“ซี๊ด......”
ภาพตรงหน้า ทำให้ผู้คนอดสูดปากกันอย่างหวาดเสียวไม่ได้
“อย่าออมแรงกันจะดีกว่านะ ฝีมืออ่อนหัดแบบนี้ยังกล้ามาทำร้ายคนต่อหน้าฉัน เข้ามาพร้อมกันเถอะ อย่าทำให้ฉันเสียเวลา!”
หลินฮ่าวจับมือของอวี้หยูเฉินที่อยู่ด้านหลัง พลางเอ่ยเสียงเรียบกับชายร่างกำยำเหล่านั้นอย่างไม่ทุกข์ร้อน ราวกับว่าไม่แยแสคนเหล่านี้เลยแม้แต่น้อย
ชายเหล่านั้นเองก็ต่างตะลึงงั้น พวกเขาเองก็คิดไม่ถึงว่าภาพตรงหน้าจะกลายเป็นแบบนี้
“นายไม่เป็นไรใช่ไหม?” ไม่ว่าจะยังไงอวี้หยูเฉินก็เป็นผู้หญิงคนหนึ่ง เธอเอ่ยถามหลินฮ่าวอย่างตระหนกเล็กน้อย
“วางใจเถอะ ตราบใดที่มีผมอยู่ แม้จะเป็นยมบาลที่ขึ้นมาพรากชีวิตจากขุมนรก ผมเองก็สามารถต่อยมันลงไปได้เหมือนกัน!” หลินฮ่าวเอามือไขว้หลัง พลางเอ่ยเสียงหนักแน่น
น้ำเสียงของเขาฟังดูราบเรียบ ทว่าคำพูดนั้นกลับเหิมเกริมถึงขีดสุด
สายลมพัดผ่านไปอย่างแผ่วเบา ทำให้ผมสั้นของเขาพลิ้วไหว แม้การแต่งตัวจะดูธรรมดา ทว่า ณ วินาทีนี้ เขากลับเสมือนบุคคลไร้เทียมทานที่ยืนมือไขว้หลังบนยอดเขาสูงสุด ดุจปรมาจารย์ ดุจจอมยุทธ ดุจแม่ทัพใหญ่ ดุจราชา
น่าเกรงขามและอาจหาญจนน่าทึ่ง
ผู้คนรอบข้างต่างมองเขาด้วยสีหน้าหวาดผวา แต่ละคนขยี้ตาตัวเองโดยไม่รู้ตัว ประหนึ่งว่ากำลังตาฝาด
อวี้หยูเฉินเองก็ลอบอึ้งในใจ ทว่าหลังจากนั้น ความรู้สึกเบาใจก็ก่อตัวขึ้น
ณ วินาทีนี้ สำหรับเธอแล้ว หลินฮ่าวก็คือภูเขาลูกใหญ่ หากฟ้าถล่มลงมา ก็มีเขาแบกไว้ หรือแม้ผืนดินพังทลาย ตราบใดที่เขายังไม่ล้ม เธอก็จะปลอดภัยเสมอ
“ไอ้เด็กไม่สิ้นกลิ่นน้ำนม น่าจะเก๊กพอแล้ว พี่น้อง ขย้ำมันพร้อมกันซะ!” ชายร่างกำยำที่เป็นหัวหน้าตอบสนองก่อนใคร เขาตวาดเสียงด่า ก่อนจะเรียกพวกที่เหลือนับสิบ พุ่งไปยังหลินฮ่าวทันที
ตั้งแต่ต้นจนจบ หลินฮ่าวก็ไม่ได้เป็นฝ่ายเริ่มโจมตี เขายืนนิ่งอยู่ตรงนั้นเงียบๆ ปกป้องอวี้หยูเฉินเอาไว้
ชายนับสิบพุ่งตัวเข้ามาในพริบตา ชั่วขณะหนึ่ง ใบมีดและแท่งเหล็กต่างโจมตีใส่หลินฮ่าวทีเดียวโดยไม่ยั้ง
“อ๊าก......” ผู้คนรอบข้างส่งเสียงอุทานขึ้นอีกครั้ง
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: บอดี้การ์ดเนื้อหอม ออกโรง!