“เอาล่ะ ตอนนี้พวกนายบอกฉันได้แล้ว ว่าใครกันแน่ที่ส่งพวกนายมาฆ่าฉัน” หลินฮ่าวเอ่ยเสียงเรียบ
“อย่าคิดว่าเอาชนะฉันได้แล้ว ก็จะล้วงความลับอะไรได้ ชื่อของนายจ้างต้องถูกเก็บเป็นความลับ” เสว่อิงเอ่ยอย่างเยือกเย็น
หลินฮ่าวผุดยิ้มมุมปาก ยิ้มเอ่ยว่า “เก็บเป็นความลับงั้นเหรอ ฉันว่าพวกนายน่าจะเป็นนักฆ่าขององค์กรเสว่หวินสินะ นายว่าถ้าฉันขจัดองค์กรพวกนายทิ้ง ฉันจะสามารถหาข้อมูลมาได้ไหม?”
“ขจัดองค์กรพวกเรางั้นเหรอ แกคิดมากไปแล้ว!” เสว่จือเอ่ยอย่างดุแคลน เสว่อิงเองก็เหยียดยิ้มเสียดสี
หลินฮ่าวดูแล้วแข็งแกร่งมาก ทว่าเสว่หวินคือองค์กรอะไร นั่นคือองค์กรนักฆ่าอันดับห้าของโลกเชียวนะ จะขจัดองค์กรแบบนี้ด้วยตัวคนเดียวนั้นเป็นเรื่องที่เพ้อฝันชะมัด
“บางที ถ้าพวกนายได้เห็นของสิ่งหนึ่งแล้วจะเข้าใจ” หลินฮ่าวเอ่ยเสียงเรียบ ก่อนจะเผยบางอย่างบนแขนตัวเอง
อีกฝ่ายเห็นรอยสักบนแขนหลินฮ่าวก็พลันอึ้งชะงัก ก่อนจะชี้ไปที่หลินฮ่าว เอ่ยว่า “นาย นาย นายคือ......”
“พวกเราไม่ได้แพ้อย่างสูญเปล่า!” ทั้งสองคนถอนหายใจ คิดไม่ถึงว่าเป้าหมายในครั้งนี้จะเป็นบุคคลในตำนาน ถึงแพ้ก็จะไม่ใช่เรื่องแปลกอะไร
หลินฮ่าวพูดถูก ตราบใดที่เขาต้องการขจัดองค์กร แม้เสว่หวินจะเก่งกาจขนาดไหน ทว่าก็ไม่อาจต้านทานพวกของหลินฮ่าวได้เลยด้วยซ้ำ
“ตอนนี้บอกฉันได้หรือยัง?” หลินฮ่าวถามอย่างราบเรียบ
“ฉันรู้สึกอนาถใจแทนคนคนนั้นที่มาหาเรื่องนายจริงๆ เกรงว่าตอนนี้เขาก็คงยังไม่รู้ว่าตัวเองมีเรื่องบาดหมางกับใคร” เสว่อิงเอ่ยเสียงขรึม
“นายจ้างคือฮุนหยู เขาจ่ายสามพันล้านเพื่อเอาหัวนาย ดังนั้นพวกฉันก็เลยรับภารกิจนี้ เสว่จือเองก็มากับฉัน” เสว่อิงเอ่ย
“สามพันล้าน ฉันมีค่าแค่สามพันล้านได้ยังไงกัน นี่มันดูถูกฉันเกินไปแล้วหรือเปล่า” หลินฮ่าวเอ่ยอย่างไม่พอใจ
ทั้งสองคนกลอกตาบน นี่มันเป็นคนยังไงกัน ตอนนี้ยังมาคิดเรื่องค่าตัวตัวเองอีก น่าหมั่นไส้เกินไปแล้ว ทว่าทั้งคู่เองก็รู้ว่าคนตรงหน้านี้คือใคร ฐานะของเขา ประเมินค่าได้ยากมากจริงๆ
“เอาล่ะ เรื่องที่ฉันอยากรู้พวกนายก็บอกฉันแล้ว ถึงเวลาที่พวกนายต้องลาโลกแล้วล่ะ” หลินฮ่าวเอ่ยขึ้นอย่างราบเรียบ
ทั้งคู่สบตากันครู่หนึ่ง แม้ตั้งแต่ที่เริ่มเหยียบเข้ามาในวงการนี้ ก็รู้แล้วว่าสักวันหนึ่งพวกเขาก็ย่อมต้องมีวันที่พ่ายแพ้ เพียงแต่คิดไม่ถึงว่าความพ่ายแพ้จะมาถึงเร็วขนาดนี้
“จะฆ่าก็ฆ่าซะ ไม่ต้องยืดเยื้อ!” เสว่อิงเอ่ยเสียงขรึม
หลินฮ่าวถือกริชเอาไว้ ก่อนจะแทงไปยังหัวใจของเสว่อิง เสว่อิงหลับตาลงด้วยสีหน้านิ่งเฉย เสว่จือที่อยู่ข้างๆเองก็หลับตาลงเช่นกัน
ทว่าผ่านไปหลายนาที ทั้งคู่ก็ยังไม่รู้สึกอะไรสักที ลืมตาขึ้นก็เห็นหลินฮ่าวนั่งอยู่ตรงหน้ากำลังมองดูพวกเขา
“ฉันคิดมาสักพัก ฉันตัดสินใจจะให้โอกาสกับพวกนายสักครั้ง ถือว่าช่วยชีวิตพวกนายด้วย พวกนายจะเอาไหม?” หลินฮ่าวถามเสียงเรียบ
ทั้งคู่ได้ยินว่ายังมีชีวิตต่อไปได้ ดวงตาพลันเผยประกายแห่งความหวัง จ้องมองหลินฮ่าวอย่างไม่อยากเชื่อ
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: บอดี้การ์ดเนื้อหอม ออกโรง!