บัลลังก์ชายาหมอเทวดา นิยาย บท 184

ซุ่นหยวนชิ่งได้ยินเช่นนั้นแล้ว ทำเยี่ยงนี้ได้รึ?

เพราะไม่ตอบรักแล้วเคียดแค้นจนมาหาเรื่องเช่นนี้ ยังทำร้ายแม่ของสุดที่รักของเขาสาหัสถึงเพียงนี้ ถ้าน้องหยูรู้เข้าต้องโกรธเป็นฟืนไฟแน่?

“ท่านหัวหน้าองครักษ์ยามเมือง ครอบครัวนี้อยู่ภายใต้การดูแลของตระกูลซุน ซึ่งอยู่ภายใต้การดูแลปกป้องขององครักษ์ยามเมือง คนพวกนี้มาหาเรื่องทำร้ายผู้คน ข้าจะเอาเรื่องพวกมันให้ถึงที่สุด!”

ซุนหยวนชิ่งพูดกับเหล่าคณะองครักษ์ยามเมือง ความหมายก็คือจะต้องจับพวกเซี่ยซือหาวให้รับผิดให้ได้ มิฉะนั้นเขาจะไม่ยอมรามือง่ายๆ

องครักษ์ยามเมืองย่อมต้องเข้าข้างพลเมืองของเฉินตู ผู้อาศัยหรือพลเมืองของเฉินตูนั้น ต้องจ่ายภาษีเป็นหินทิพย์จำนวนไม่น้อยให้กับทางการทุกปี ก็เพื่อที่จะแลกกับการดูแลปกป้องจากองครักษ์เหล่านี้

“จับตัวพวกมันเอาไว้! ใครที่กล้าก่อเรื่องในเมืองเฉินตู ไม่มีใครเจอจุดจบที่ดี!”

“ช้าก่อน!”

เซี่ยซือหาวยิ้มแล้วพูดขึ้น:

“ข้าเป็นลูกเขยคนรองของสามีภรรยาคู่นี้ พวกเขาได้รับสินสอดข้าไปแล้ว พวกข้าเป็นครอบครัวเดียวกันไปแล้ว ถ้าไม่เป็นเพราะก่อนเข้าหอหนึ่งวัน พวกเขาได้หอบสมบัติหนีไป แม้แต่มารดาของพวกเขายังถูกทิ้งไว้ที่บ้าน มิฉะนั้นวันนี้เย่เจียหยูคงมีลูกข้าอยู่ในท้องแล้ว! แบบนี้เรียกว่าข้าหาเรื่องรึ! มันเรียกว่าเรื่องของผัวเมีย!”

เย่เจ๋อหย่งพูดขึ้น:

“เจ้าพูดจาไร้สาระ! รู้อยู่ว่าเจ้านั้นหลงรักลูกหยูของพวกข้า ไม่สมหวังแล้วเจ้ามาหาเรื่อง ลูกหยูของพวกข้ายังคงบริสุทธิ์อยู่ ไม่ใช่หญิงอย่างที่เจ้ากล่าวหา นางเป็นคนที่มีความสามารถ ตอนนี้เป็นถึงอาจารย์กลั่นยาของสมาคมแล้ว เจ้ายิ่งไม่คู่ควรกับนาง ข้าขอเตือนให้เจ้ากลับไปแคว้นเล็กๆของเจ้า ไปหาหญิงที่คู่ควรและใช้ชีวิตของพวกเจ้าไป อย่ามาทำเรื่องที่เกินความสามารถของตัวเองเยี่ยงนี้!”

“นั่นนะสิ! ไม่ชะโงกดูเงาตัวเองว่าอัปลักษณ์แค่ไหน ยังกล้าบังอาจมาใฝ่ฝันครอบครองน้องหยู? มันช่างน่าขำยิ่งนัก!”

ซุนหยวนชิ่งยิ้มอย่างหยิ่งผยอง

เซี่ยซือหาวจ้องหน้าซุนหยวนชิ่งด้วยสายตาดุดัน:

“เจ้าก็คือพ่อบุญทุ่มคนใหม่ที่เย่เจียหยูหาได้ใช่ไหม? หรือว่าเจ้าคิดว่านางอยากอยู่กับเจ้าจริงๆรึ? ดูแล้วน่าจะเป็นตาโง่ที่ถูกหลอกเหมือนกัน! คนที่นางจะแต่งงานด้วยนั้นต้องเป็นตระกูลขุนนางใหญ่ ที่ใหญ่คับฟ้า อย่างเจ้าแค่ระดับไหนเชียว?”

“ไร้สาระ!”

นางเสิ่นรีบตะโกนด่าออกมาโดยไม่สนใจความเจ็บปวดบนใบหน้า

ตอนนี้ทั้งครอบครัวของพวกเขาอาศัยอยู่ใต้การดูแลของซุนหยวนชิ่ง จะให้เขารู้ธาตุแท้ของลูกหยูไม่ได้ พวกเขาหนีมาเฉินตูต้องทนอยู่บ้านเก่าที่ผุพังที่รอบๆทั้งสกปรกทั้งเหม็น เพื่อนบ้านมีแต่พวกชั้นต่ำยากจน พวกข้าทนอยู่แบบนั้นมามากเกินพอแล้ว

บ้านที่ซุนหยวนชิ่งให้อยู่นั้นดีกว่าบ้านเดิมหลายพันเท่า พวกเขาคงไม่อยากย้ายกลับไปอยู่แบบสภาพเดิมอีกต่อไป

ไม่ว่าอย่างไรก็ตาม พวกเขาต้องรักษาซุนหยวนชิ่งไว้ให้ได้

“เจ้าหลานรัก เจ้าห้ามไปเชื่อสิ่งที่มันพูดเด็ดขาด ลูกหยูของพวกข้านั้นมีจิตใจดีเมตตา จะทำเรื่องยกเลิกงานหมั้นเช่นนี้ได้อย่างไรกัน? ท่านหัวหน้าองครักษ์ รีบจับตัวพวกมันไป!”

ชาวบ้านที่ฟังอยู่นั้นต่างไม่รู้จะเชื่อใคร เพราะต่างพูดกันอย่างหนังคนละม้วน

องครักษ์ยามเมืองมองดูเซี่ยซือหาวแล้วพูดอย่างจริงจัง: “ถ้าเจ้าคิดว่าคำพูดเจ้านั้นเป็นจริง เอาหลักฐานออกมาแล้วไปร้องเรียนกับทางการได้ ทางการย่อมตัดสินว่าใครถูกผิด ถึงเวลานั้นถ้าสิ่งที่เจ้าพูดนั้นเป็นเท็จ เจ้าต้องชดใช้ในสิ่งที่เจ้าทำไปทั้งหมด!”

“ทำไมข้าจะไม่กล้า! ข้าเกรงว่าเป็นพวกมันที่ไม่กล้า! เป็นพวกสันหลังหวะกันทั้งบ้าน!”

เซี่ยซือหาวชี้หน้านางเสิ่นและพวกด้วยสายตาดั่งงูพิษ

นางเสิ่นกับเย่เจ๋อหย่งมีท่าทีลุกลี้ลุกลน ไม่รู้ว่าจะตอบรับดีหรือไม่

“รับปากมัน วันเปิดศาลพวกข้ามีหนทางไม่ให้มันไปถึงศาลกลาง”

เย่เจียหรงที่สวมหมวกปกปิดใบหน้าที่ซ่อนตัวท่ามกลางฝูงชนส่งข่าวให้บิดา

ได้ยินบุตรสาวคนโตพูดเช่นนั้นแล้ว เย่เจ๋อหย่งนั้นคิดไตร่ตรองหลายรอบ รีบพูดขึ้น:

“ทำไมพวกข้าจะไม่กล้า! วัวสันหลังหวะรึ? น่าขำชะมัด! เห็นอยู่แล้วว่าเจ้าเป็นคนกุเรื่องทั้งหมด ยังทำทำลายชื่อเสียงของลูกสาวข้า!”

เซี่ยซือหาวขยิบตาหลายรอย

ซุนหยวนชิ่งเห็นเช่นนั้น ในใจเขาเชื่อทุกอย่างที่นางเสิ่นพูดออกมา ถึงแม้ต้องขึ้นศาลกลางก็ไม่กลัว น้องหยูไม่ได้กระทำตามที่ถูกกล่าวหาเป็นแน่

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: บัลลังก์ชายาหมอเทวดา