เมื่อเห็นลั่วกุหยุนมีท่าทางไม่อยากจะเชื่อเช่นนั้น
เย่จายซิงจึงอมยิ้มบางๆ แล้วกล่าวเรียบๆ ว่า
“ใช่ของจริงหรือไม่ ท่านก็แค่ไปลองกลั่นดูก็รู้แล้ว สูตรยานี้ถือเป็นของตอบแทนที่ท่านช่วยตรวจชีพจรให้ข้ากับน้องชาย”
“จับชีพจรจำเป็นต้องตอบแทนมากมายขนาดนี้เชียวหรือ เจ้าใจกว้างเกินไปหรือไม่ ข้าไม่อยากพูดกับเจ้าต่ออีกแล้ว ตอนนี้ข้าอยากจะทดลองกลั่นจะแย่แล้ว หากสูตรยาของเจ้าคือของจริง นับว่าเจ้าช่วยข้าได้มากมายนัก และข้าจะกลับมาขอบคุณเจ้าอีกแน่!”
พอกล่าวจบเขาก็วิ่งทะยานออกไปจนไม่เห็นแม้แต่เงา
ตอนที่เขากลับไป แม้แต่เจอจวินหยวนที่มาหาเย่จายซิงพอดี เขาก็ไม่ทักทายซักคำ
จวินหยวนหันไปมองตามด้วยสีหน้าเหลือเชื่อ จากนั้นจึงสั่งการพ่อบ้านว่า “คราวหน้าไม่ว่าใครมาเข้าพบพระชายาล้วนต้องรายงานให้ข้ารู้ทุกครั้ง”
“ขอรับ!”
พ่อบ้านรีบตอบรับคำ
“พระชายา ท่านอ๋องมาพบเจ้าค่ะ”
ซิ่งเอ๋อร์อ เอ้ยไม่ใช่ เจ้าแดงที่คอยเฝ้าอยู่ตรงบันไดของโรงเตี๊ยมตลอด เมื่อเห็นอ๋องเซ่อเจิ้งเดินมาก็รีบกล่าวรายงายด้วยน้ำเสียงอ่อนหวาน
นางถูกเปลี่ยนชื่อแล้ว ในใจของนางเต็มไปด้วยความไม่พอใจและอึกอัดใจ
เดิมทีนางตั้งใจว่าจะหาโอกาสหลอกล่ออ๋องเซ่อเจิ้ง แต่คิดไม่ถึงว่ามื้ออาหารลางวันและมื้อเย็น อ๋องเซ่อเจิ้งจะไม่มา อีกอย่างเย่จายซิงก็ไม่ชอบพานางไปด้วย
จะต้องเป็นเพราะเย่จายซิงอิจฉาที่นางเกิดมาสวยกว่านางแน่!
เจ้าแดงคิดไม่ถึงว่าอ๋องเซ่อเจิ้งจะมาหาเย่จายซิงดึกดื่นขนาดนี้ นางจึงแอบดึงคอเสื้อลงต่ำอย่างแนบเนียน จากนั้นตอนที่อ๋องเซ่อเจิ้งเดินมาถึงก็ตั้งใจก้มตัวลงทำความเคารพด้วยท่วงท่าอ่อนช้อย
แต่ที่เหนือความคาดหมายคืออ๋องเซ่อเจิ้งไม่แม้แต่จะปรายตามองนาง เพียงก้าวเดินอาดๆ เข้าไป
นางรีบตามเข้าไป หวังจะดูแลอ๋องเซ่อเจิ้งให้ดี เพื่อให้เขาเปลี่ยนมุมมองที่มีต่อนาง จะดีที่สุดถ้าเขายอมรับในตัวนาง
ทว่าขณะที่อ๋องเซ่อเจิ้งเพิ่งก้าวเข้าไปด้านใน เขาก็ใส่กลอนประตูทันที เป็นการบอกให้รู้ทางอ้อมว่าไม่ต้องการให้ใครเข้าไปรับใช้
เจ้าแดงถูกกั้นเอาไว้ด้านนอกก็รู้สึกทำอะไรไม่ถูก และนางก็รู้สึกว่าสาวใช้สองสามคนกำลังแอบหัวเราะนางอยู่ นางจึงหันไปมองอย่างเกลียดชังพลางคิดในใจว่า พวกหญิงชั้นต่ำอย่างพวกเจ้ารอข้าก่อนเถิด รอให้ข้าเป็นพระชายาอ๋องเซ่อเจิ้งก่อน ข้าจะไม่ปล่อยให้พวกเจ้ามีปากได้พูดอีกต่อไป และพวกเจ้าจะต้องนั่งคุกเข่าเช็ดรองเท้าให้ข้าทุกวัน!
“เสด็จอา ทำไมถึงมาได้ล่ะเจ้าคะ ดึกขนาดนี้แล้ว ไม่เหมาะเท่าไหร่ที่ท่านจะมา”
เย่จายซิงเห็นจวินหยวนมาก็ได้แต่ขมวดคิ้วโดยสัญชาตญาณ และนึกถึงเรื่องราวที่เขาเคยทำกับนางก่อนหน้านั้น
“ข้ามาเพื่อทำความคุ้นเคยกับเจ้า”
จวินหยวนกล่าวอย่างวางอำนาจแล้วนั่งลงบนเก้าอี้นอนยาว “มานี่ มานั่งข้างๆ ข้า”
เย่จายซิงส่ายหน้าแบบขัดขืน “ไม่ว่าอย่างไรข้าก็ไม่ไป เสด็จอา พฤติกรรมของท่านคราวก่อนไม่ใช่สุภาพชนเอาเสียเลย ข้าไม่ชอบเจ้าค่ะ”
“เจ้าคิดไปถึงไหนแล้ว ข้าบอกว่าจะทำอะไรเจ้างั้นหรือ อีกอย่างเจ้าจะปากกับใจไม่ตรงกันไม่ได้ ก่อนหน้านี้เจ้าเองก็ไม่ได้ขัดขืนอะไร”
น้ำเสียงของเขาทุ้มต่ำ พลางมองไปที่นางอย่างลึกล้ำ การกล่าวอย่างเย็นชาเพื่อเป็นการเน้นย้ำว่านางคิดมากเกินไป
เย่จายซิงหน้าแดง นางสู้ไม่ได้ นางก็ต้องดื่มด่ำไม่ใช่หรือ
แต่เขากลับกล้าเอามาพูด น่ารังเกียจยิ่ง!
“เวลาก็ดึกมากแล้ว เสด็จอารีบกลับไปพักผ่อนเถิดเจ้าค่ะ”
นางยืนนิ่งพลางกล่าวออกมา
จวินหยวนหันมามองนางแล้วกล่าวอย่างลึกซึ้งว่า “มานี่ เป็นเด็กดีหน่อย ข้าไม่ทำอะไรเจ้าหรอก”
ความหมายที่นอกเหนือจากคำพูดคือ หากนางไม่เชื่อฟังก็อาจจะไม่เป็นไปตามนั้น
เย่จายซิงขบฟันแน่น คนเราเมื่ออยู่ใต้คนมีอำนาจก็จำเป็นต้องก้มหัว นางก้าวอาดๆ เข้าไป แล้วนั่งลงด้านข้างเขา
เขาพอใจมากที่นางเชื่อฟัง ริมฝีปากบางๆ ของเขาจึงหยักยิ้มขึ้นและกล่าวกับนางต่อไปว่า “คราวก่อนเจ้าบอกใช่ไหมว่าอยากเห็นใบหน้าที่แท้จริงของข้า ข้าจะให้โอกาสเจ้าสักครั้ง”
เย่จายซิงเบิกตากว้าง เขาหมายความว่าอย่างไร เตรียมจะเปิดหน้าให้นางดูงั้นหรือ
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: บัลลังก์ชายาหมอเทวดา
มาอ่านเรื่องนี้ต่อค่ะ หวังว่าจะลงเนื้อหาจนจบ...
115จนถึงถึง159ไม่มีเลยค่ะลงต่อให้ครบได้มั้ยค่ะ😂...
ตอนที่ 115-159 หายไปค่ะ อ่านต่อไม่ได้อ่ะค่ะ...
115-159หายไปไหนอ่าคะ...
อัพวันละหลายๆตอนได้มั้ยค่ะ ขอบคุณค่ะ...