เย่จายซิงประหลาดใจมาก
นางคิดว่าแหวนโบราณที่สืบทอดมาจากบรรพบุรุษของนางจะมีแค่วงเดียวเท่านั้น แต่ใครเลยจะรู้ว่าอีกวงหนึ่งอยู่ที่จวินหยวน
และเหมือนกันไม่มีผิด
จวินหยวนน้ำแหวนใส่ไปที่นิ้วก้อยของตัวเอง แหวนขยายขนาดใหญ่ขึ้นเมื่อใส่เข้าไปแล้วจึงมีขนาดพอดี
คุณสมบัตินี้เหมือนกับแหวนที่นางมีอยู่ไม่ผิดเพี้ยน มันสามารถขยายขนาดใหญ่เล็กได้ นางจึงสามารถใส่ไว้ที่นิ้วใดก็ได้
จากนั้นจวินหยวนจึงจับมือของนางเอาไว้
“อย่าขยับ”
เขากล่าวเสียงต่ำพลางจับนิ้วของนางไว้แน่นและเอามือประสานเข้ากับนิ้วของนาง
ความรู้สึกร้อนผ่าวที่นิ้วกลับมาอีกครั้ง เย่จายซิงนึกถึงตอนที่จวินหยวนปรากฏตัวเมื่อหลายสองวันก่อน แหวนของนางก็ร้อนขึ้นมาเช่นนี้เหมือนกัน
นางอ้าปากค้าง แล้วมองไปทางจวินหยวน “ที่แท้วันนั้นที่แหวนของข้าร้อนจี๋ขึ้นมาเป็นเพราะการปรากฏตัวของท่าน ดังนั้น ท่านเองก็เลยคิดว่าข้าคือคนที่ท่านตามหาเพราะแหวนวงนี้เช่นกันหรือเจ้าคะ”
เมื่อเห็นเขาพยักหน้า นางก็กล่าวอย่างประหลาดใจ “ท่านได้แหวนวงนี้มาได้อย่างไร”
“เมื่อเจ็ดปีก่อน ในแดนปริศนาที่เต็มไปด้วยอันตราย แหวนวงนี้ยอมรับข้าเป็นเจ้าของด้วยตัวมันเอง หลังจากนั้นทุกคืน ในหัวของข้าจะปรากฏภาพของผู้หญิงคนหนึ่งไม่ว่าจะสลัดอย่างไรก็สลัดไม่ออก ทำให้ข้าทรมานมากจนกินข้าวกินน้ำไม่ได้ คนคนนั้นก็คือเจ้า”
จวินหยวนมองนางอย่างลึกซึ้ง ดวงตาสีดำคู่นั้นราวกับดวงดาราหนาวเหน็บยามราตรี ล้ำลึกเสียจนมองไม่เห็นก้นบึ้ง
แต่เย่จายซิงรู้สึกว่าเขาโกหก หรือมีบางอย่างปิดบังนางอยู่
“เจ้ากับข้าคือคนที่โชคชะตากำหนดให้มีความข้องเกี่ยวกัน ข้าตามหาเจ้าเจอแล้ว ข้าจะไม่มีวันปล่อยมือ น้องซิงอย่าได้คิดหนีข้าไปอีก เพราะเจ้าจะไม่มีโอกาสนั้น เมื่อเจ้าเข้าพิธีปักปิ่นแล้ว ข้าจะไปสู่ขอเจ้า”
น้ำเสียงของเขาเต็มไปด้วยความน่าหลงใหล ใบหน้าที่สมบูรณ์แบบเช่นนี้เมื่อพูดคำพูดเผด็จการเช่นนี้ออกมา ทำให้สตรียากที่จะตอบปฏิเสธ
แต่เย่จายซิงกลับรู้สึกได้ถึงความอันตรายของผู้ชายคนนี้ นางรู้สึกว่าเขาจะต้องมีวัตถุประสงค์อื่นอย่างแน่นอน
แต่เขาพูดถูก เพราะจากความแข็งแกร่งของเขา ต่อให้นางคิดหนี โอกาสที่นางจะหนีพ้นมีเพียงศูนย์เท่านั้น
ที่นี่ไม่ใช่โลกที่นางคุ้นเคย แต่เป็นโลกแห่งการฝึกตนที่เต็มไปด้วยพลังทิพย์
ส่วนนางในตอนนี้ไม่ต่างอะไรกับคนพิการ
ดูท่าตอนนี้คงได้แต่เดินไปคิดไปเท่านั้น อย่างแรกคือต้องทำให้เขาเชื่อนางก่อน นางถึงจะพอหาช่องทางไปวางแผนต่อได้
สตรีบนแผ่นดินเทียนเหย้าจะเข้าพิธีปักปิ่นเมื่ออายุสิบหกปี หรือกล่าวได้ว่าตอนนี้ยังเหลือเวลาอีกครึ่งปี ก่อนที่จวินหยวนจะมาสู่ขอนาง
“เสด็จอา ท่านเคยคิดหรือไม่ว่าบางทีคนที่ท่านเห็นในความฝันอาจจะไม่ใช่ข้าก็ได้”
นางลองหยั่งเชิงถาม
จวินหยวนเอามือเชยคางนางขึ้นมาแล้วเข้าไปใกล้ ลมหายใจอันร้อนแรงกระจายลดใบหน้าของนาง ในตอนที่นางรู้สึกว่าเขากำลังจะจูบนางนั้น เขาก็กล่าวว่า “เจ้าคิดว่าข้าจำไม่ได้แม้กระทั่งผู้หญิงของตัวเองเชียวหรือ”
มั่นใจจริงๆ หากท่านจำคนผิดขึ้นมาเล่า ถึงตอนนั้นจะทำอย่างไรต่อไป?
เย่จายซิงไร้คำพูด แต่นางรู้ว่าต่อให้พูดอะไรก็ไม่มีประโยชน์ เขาปักใจแล้ว เกรงว่าคงจะไม่สามารถเปลี่ยนแปลงได้ง่ายๆ
ในเมื่อเป็นเช่นนี้……
ดวงตาสีดำของนางเคลื่อนไหวอย่างมีแผนการ
ตนเกิดมาอัปลักษณ์ นางสามารถใช้จุดนี้เป็นข้อดีได้ ทำให้เขารังเกียจตน ผ่านไปครึ่งปีเขาคงไม่อยากแต่งงานกับนางอีกแล้ว
นางเอามือทั้งสองข้างของนางจับมือของเขาที่เชยคางนางเอาไว้และมองเขาอย่างลึกซึ้ง “เสด็จอา ท่านพร้อมทั้งรูปและทรัพย์ ซิงเอ๋อร์ย่อมอยากแต่งงานกับท่าน แต่วันข้างหน้าท่านจะไม่ทิ้งซิงเอ๋อร์ใช่หรือไม่”
นางตั้งใจเอาใบหน้าด้านที่มีปานแดงเข้าไปใกล้เขา เพื่อให้เขารังเกียจนาง
จวินหยวนยิ้มและจูบลงที่ปานแดงของนางก่อนจะเอ่ยว่า “น้องซิงอยากให้ข้าทำแบบนี้ใช่หรือไม่”
เย่จายซิง : ……ท่านจูบลงไปได้อย่างไร?! อีกอย่าง ข้าไม่ได้ขอให้ท่านจูบสักหน่อย
“เจ้าวางใจเถิด ข้าจะปฏิบัติกับเจ้าอย่างเสมอต้นเสมอปลาย”
เขามองนางอย่างลึกซึ้ง แล้วกล่าวสัญญาออกมาอย่างจริงใจ
แต่เย่จายซิงกลับไม่เชื่อ แต่นางกลับไม่ได้แสดงออกมา เพียงทำท่าราวกับหญิงสาวที่เขินอายเมื่อถูกบอกรัก
แม้แต่นางยังนับถือตัวเองที่มีความสามารถในการแสดงเช่นนี้
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: บัลลังก์ชายาหมอเทวดา
มาอ่านเรื่องนี้ต่อค่ะ หวังว่าจะลงเนื้อหาจนจบ...
115จนถึงถึง159ไม่มีเลยค่ะลงต่อให้ครบได้มั้ยค่ะ😂...
ตอนที่ 115-159 หายไปค่ะ อ่านต่อไม่ได้อ่ะค่ะ...
115-159หายไปไหนอ่าคะ...
อัพวันละหลายๆตอนได้มั้ยค่ะ ขอบคุณค่ะ...