บัลลังก์ชายาหมอเทวดา นิยาย บท 197

คนมากกว่า 30 คนคุกเข่าลงบนพื้น ฉากนี้ทำให้คนรู้สึกตกตะลึง

“นี่จะเป็นไปได้อย่างไร!พวกเขาสองคนจะช่วยพวกเจ้า 30 กว่าคนได้อย่างไร!”

ชายคนนั้นที่เริ่มยุแยงแต่แรกถามอย่างไม่เชื่อ

ผู้นำในกลุ่มพูดออกมาเสรียงดัง:

“พวกเราตอนนั้นต่อสู้ตลอดทั้งคืน คิดไม่ถึงว่าตอนที่ท้องฟ้าเพิ่งจะสว่าง อสูรปีศาจก็เคลื่อนไหวปรากฏออกมาแล้ว พวกเราถูกล้อมรอบด้วยอสูรปีศาจหลายร้อยตัว ตอนนั้นเหนื่อยล้าเต็มที่ จนใกล้จะทนไม่ไหวแล้ว ในเวลานั้น ผู้มีพระคุณสองท่านนี้อยู่ ๆ ก็ปรากฏตัวมาสังหารอสูรปีศาจ……”

ภาพนั้น วันนี้เขาและคนอื่น ๆ ยังจำได้ขึ้นใจ ล้วนรู้สึกอกสั่นขวัญแขวนอย่างนึกไม่ถึงเลย

อสูรปีศาจที่แข็งแกร่ง ถูกพวกเขาสองคนเก็บกวาดอย่างไร้ปราณี ความรวดเร็วของพวกเขาสองคนเร็วจนถึงขีดสุด มากจนกระทั่งแม้แต่พวกเขาลงมืออย่างไรก็ล้วนมองไม่ชัด อสูรปีศาจได้รับบาดเจ็บสาหัส แล้วล้มลงกับพื้นด้วยเสียงดังสะเทือนเลือนลั่น

อสูรปีศาจหลายร้อยตัว เวลาไม่นานก็ถูกพวกเขาสังหารไปครึ่งหนึ่ง ยังมีอีกครึ่งที่เห็นท่าไม่ดีก็หนีไป

ช่วงเวลามรณะ ก็หายไปเลยเช่นนี้

ทุกคนที่เหลืออยากจะกล่าวคำขอบคุณ ทั้งสองคนกลับหายเข้าไปยังหุบเขามายาที่ลึกขึ้นอีก

จากนั้นเสียงคำรามอันเจ็บปวดของอสูรปีศาจก็ทยอยดังขึ้นมาอย่างไม่ขาดสาย ทุกคนต่างฟังออกว่านั่นคือเสียงของเสือทรายดำ

ในเวลานี้ ทุกคนเพิ่งจะล่าสังหารเสือทรายดำได้ไม่กี่สิบตัว เพิ่งจะได้เพียงสามสิบเขี้ยว ได้ยินการเคลื่อนไหวในบริเวณลึกนั่น แค่ช่วงเวลานี้ ก็มีเสือทรายดำหลายตัวถูกสังหาร ในใจทุกคนต่างรู้ว่าภารกิจนี้ยากที่จะสำเร็จได้แต่กลับเลื่อมใสอย่างหมดใจ

เดิมอยากจะรอจนทั้งสองคนออกมาแล้วค่อยขอบคุณที่ช่วยเหลือ ใครจะรู้ว่าพวกเขาสังหารเสือทรายดำเสร็จก็กระโดดอย่างคล่องแคล่วกลับเมืองแล้ว ทุกคนเลยทำได้เพียงรีบตามกลับมา

“หากไม่ใช่ทั้งสองท่านช่วยเหลือ พวกเราจะต้องตายเกินครึ่งแล้ว!”

เย่จายซิงส่ายมือแล้วพูด “พอแล้วพอแล้ว พวกเจ้าลุกขึ้นเถิด ไม่ต้องคุกเข่าอยู่ตลอด การช่วยพวกเจ้าเป็นเรื่องไม่ยาก”

ล้วนเป็นมนุษย์ เป็นผู้บำเพ็ญเพียรเหมือนกัน คนเหล่านี้ถูกอสูรปีศาจมากมายขนาดนั้นล้อมไว้ ในเมื่อบังเอิญพบเจอ แน่นอนว่าไม่มีเหตุผลที่ไม่ช่วย ในสายตาของนางและเสด็จอา เรื่องนี้ไม่ควรพูดถึงเลย มันเป็นเรื่องง่ายดาย

“เจ้ารองพัน พวกเจ้าไม่ใช่พูดว่าจะเด็ดศีรษะลงมาเป็นลูกบอลให้คนเตะหรือ?ยังไม่รีบเด็ดศีรษะลงมา!”

มีคนเย้ยหยันผู้ชายพวกนั้นที่พูดจาไม่น่าฟัง

เจ้ารองพันและคนอื่น ๆ ใบหน้าเขียวคล้ำ แล้วเดินหางหดจากไป

เวลานี้นางชิวของโรงน้ำชาได้ยินการเคลื่อนไหวก็เดินออกมา ได้รู้ว่าโม่เสิ่นยวนและเย่จายซิงทั้งสองได้ทำภารกิจสำเร็จแล้ว ก็อดไม่ได้ที่จะมองดูพวกเขาอีกสองสามครั้ง

เพียงแค่น่าเสียดายผู้ชายที่สูงศักดิ์สวมหน้ากากเงินไว้ ทำให้มองใบหน้าไม่ชัดเจนและก็ไร้หนทางสำรวจผลบำเพ็ญเพียร ส่วนผู้หญิงสวมเสื้อคลุมและหมวก ใบหน้าซ่อนอยู่ใต้เงาของหมวก คล้ายเป็นสิ่งกีดขวางอีกชั้นหนึ่งที่ทำให้ยากที่จะมองได้ชัด

นางชิวพูดในใจ ครั้งนี้นับว่ามองพลาดไป ต่อไปจะไม่ประเมินคนต่ำไปอีกแล้ว

เมื่อวานที่ทั้งสองมารับภารกิจ เพราะว่าเห็นว่าทั้งสองยังอายุน้อย อีกทั้งมองผลบำเพ็ญเพียรไม่ออก คิดเพียงแค่ว่าสองคนเป็นท่านชายและคุณหนูจากตระกูลร่ำรวยเท่านั้น ที่ออกมาหาประสบการณ์ ปล่อยให้พวกเขาทำภารกิจสำเร็จโดยไม่ทันคาดคิด อีกทั้งผลบำเพ็ญเพียรก็ไม่ธรรมดา

ทำภารกิจสำเร็จแล้ว แน่นอนว่าต้องให้รางวัล

นางชิวเตรียมพาทั้งสองไปห้องลับของโรงน้ำชา

ที่นี่สามารถตัดขาดการแทรกซึมของจิตสำนึกทางจิตวิญญาณได้ คำพูดที่พูดที่นี่ คนอื่นจะไม่ได้ยิน

“สองท่าน ที่นี่ก็คือสถานที่ที่เพลิงพิลึกขั้นเจ็ดปรากฎตัวเมื่อสามวันที่แล้ว”

นางชิวนำแผนที่หนังแกะผืนหนึ่งออกมา ทำเครื่องหมายด้วยจุดสีแดงในสถานที่หนึ่ง แล้วนำแผนที่มอบให้เย่จายซิง

สาเหตุหลักเพราะชายร่างสูงคนนี้มีกลิ่นอายที่เย็นชา ทำให้คนรู้สึกห้ามเข้าใกล้ ในใจของนางรู้สึกว่าไม่สามารถเข้าใกล้ได้ เลยกล้าเพียงที่จะพูดกับเย่จายซิง

“พวกเจ้าก็น่าจะเข้าใจอยู่แล้ว เพลิงพิลึกขั้นเจ็ดเป็นของเพลิงพิลึกระดับสูง มีปัญญาทิพย์ก็จะเคลื่อนย้ายไปซ่อนได้ สามวันก่อนหน้าปรากฏที่นี่ แต่ตอนนี้กลับไม่แน่นอนว่าจะอยู่ที่แห่งนี้แล้ว อยากจะหาเพลิงพิลึกพบ ยังต้องให้พวกท่านไปค้นหาเองเอง”

“อืม ขอบคุณมาก พวกเราเข้าใจแล้ว”

เย่จายซิงมองแผนที่แวบหนึ่ง ก็ไม่ได้หยิบมา แต่ส่งคืนให้นางชิว

ออกมาข้างนอก ยังต้องระวังอยู่บ้าง หากมีอะไรหลงเหลือไว้บนแผนที่นี้ที่จะสามารถติดตามตำแหน่งของผู้คนได้ หยิบแผนที่มาแล้วละก็ ร่องรอยของนางและเสด็จอาจะถูกคนสังเกตเห็นได้

นางไม่ลืม ภูเขาและแม่น้ำบนแผนที่ประทับอยู่สมองของนางเรียบร้อยแล้ว

เมื่อได้รับคำชี้แนะที่ต้องการ โม่เสิ่นยวนก็พาเย่จายซิงออกจากโรงน้ำชาไป

หลังจากออกไป โม่เสิ่นยวนก็หยิบเรือบินทิพย์ออกมาลำหนึ่ง สองคนขึ้นบนเรือทิพย์ด้วยกัน แล้วมุ่งเดินทางไปทางเหนือ

“ตำแหน่งที่เพลิงพิลึกขั้นเจ็ดปรากฎที่ภายในเทือกเขาชื่อยู่ สถานที่ที่พวกเราจะไปก็คือที่นั่นพอดี”

มุมปากเย่จายซิงยกขึ้นพร้อมกับเสียงของเสด็จอาที่ดังมา ดูอารมณ์ดี

การเดินทางครั้งนี้หากพบเจอเพลิงพิลึก อีกทั้งสามารถพบอสูรเทพได้อีก ดีกว่านี้ไม่ได้แล้วจริง ๆ

แต่ถ้าหาได้เพียงอย่างเดียว นางเองก็พอใจแล้ว

ถ้าสักอย่างก็หาไม่พบ อย่างนั้นก็ถือว่าออกมาเที่ยว ก็ไม่ได้เสียหายมากมาย

เรือทิพย์บินได้เพียงครึ่งชั่วยามเท่านั้น เย่จายซิงก็รู้สึกว่าด้านหลังมีคนตามรอยมา มองสีหน้าของเสด็จอา เห็นได้ชัดว่ารู้แล้ว

สีหน้าของนางผ่อนคลาย แล้วนอนอยู่บนแท่นนอนที่นุ่มสบาย ด้านบนปูด้วยหนังสัตว์หลายชั้น ทั้งตัวของนางสอดอยู่ด้านใน อะไรก็ไม่อยากทำ

มองเสด็จอาที่นั่งอยู่ด้านข้าง ใช้กระดาษชาดสีเหลืองวาดบนยันต์วิเศษ ใจก็สงบขึ้น

กรามของเขาค่อนข้างเคร่งขรึม ตอนที่ไม่ยิ้มจะทำให้คนรู้สึกว่ายากที่จะเข้าใกล้ได้ ริมฝีปากบางยังให้ความรู้สึกสิ้นหวัง ก็คือคนเช่นนี้ทำให้นางเจ็บปวดจนเข้าในกระดูก

ความรักของเขาร้อนแรงกว่าใครๆ

นางมองแล้วหลงใหล แม้แต่ตอนที่เขาเปลี่ยนกระดาษสีเหลืองเป็นกระดาษเซวียนจื่อตอนไหนก็ยังไม่รู้

เมื่อเขาหันมามองดูบ่อยๆ นางก็รู้ว่ามีบางอย่างผิดปกติ ก็ลุกขึ้นมอง ยันต์วิเศษวางไว้บนโต๊ะของเขา ตรงกลางเป็นภาพหญิงงามหลับใหลในฤดูหนาว

“เสด็จอา ท่านวาดข้าตั้งแต่เมื่อไหร่?”

นางหยิบมา ดูบุคคลที่เขาวาด ดวงตาก็ค่อยค่อยสว่างขึ้น

ถึงแม้รูปนี้ยังวาดไม่เสร็จ แต่ความสวยงามเหมือนเทพก็ถูกเขาวาดออกมาเรียบร้อยแล้ว เขาวาดสายตาเกียจคร้านในตาของนางออกมาได้อย่างเต็มที่ นางที่อยู่ในภาพวาดดูเหมือนแมวขี้เกียจนอนอาบแดด

“สวยหรือไม่?”

เขาถามแล้วเอื้อมมือออกไป นางก็นั่งเบา ๆ บนตักของเขา

“แน่นอนว่าสวย ข้าจะไม่สวยได้อย่างไร?”

“ใช่ น้องซิงสวยที่สุด น้องซิง เจ้าบอกว่าถ้าที่นี่หละหลวมสักหน่อย จะมีความหมายมากกว่านี้ไหม”

เขาชี้ไปบนภาพตรงตำแหน่งคอเสื้อของนาง

เย่จายซิงใบหน้าแดงเรื่อ จับคอเสื้อ แล้วตอบโต้กลับ “เจ้าคนเฒ่า ที่แท้ตอนที่ท่านวาดรูปข้า ก็ไม่ชอบธรรมขนาดนี้!”

เขาวางพู่กันลง สองมือพันรอบเอวนาง ถามนางด้วยดวงตาที่ลึกล้ำ “ข้าแก่มากเลยหรือ?”

“ไม่แก่ไม่แก่เลย ก็แค่แก่กว่าข้า 5 ปีเท่านั้นเอง”

นางพูดอย่างจงใจ

“อย่างนั้นก็จะให้น้องซิงได้ลองดูว่าดาบล้ำค่าของข้าอันนี้แท้ที่จริงแก่แล้วหรือไม่”

เสียงของเขาอยู่แนบที่คอของนาง มือของเขาเลื่อนขึ้น แตะที่คอเสื้อของนาง

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: บัลลังก์ชายาหมอเทวดา