คนมากกว่า 30 คนคุกเข่าลงบนพื้น ฉากนี้ทำให้คนรู้สึกตกตะลึง
“นี่จะเป็นไปได้อย่างไร!พวกเขาสองคนจะช่วยพวกเจ้า 30 กว่าคนได้อย่างไร!”
ชายคนนั้นที่เริ่มยุแยงแต่แรกถามอย่างไม่เชื่อ
ผู้นำในกลุ่มพูดออกมาเสรียงดัง:
“พวกเราตอนนั้นต่อสู้ตลอดทั้งคืน คิดไม่ถึงว่าตอนที่ท้องฟ้าเพิ่งจะสว่าง อสูรปีศาจก็เคลื่อนไหวปรากฏออกมาแล้ว พวกเราถูกล้อมรอบด้วยอสูรปีศาจหลายร้อยตัว ตอนนั้นเหนื่อยล้าเต็มที่ จนใกล้จะทนไม่ไหวแล้ว ในเวลานั้น ผู้มีพระคุณสองท่านนี้อยู่ ๆ ก็ปรากฏตัวมาสังหารอสูรปีศาจ……”
ภาพนั้น วันนี้เขาและคนอื่น ๆ ยังจำได้ขึ้นใจ ล้วนรู้สึกอกสั่นขวัญแขวนอย่างนึกไม่ถึงเลย
อสูรปีศาจที่แข็งแกร่ง ถูกพวกเขาสองคนเก็บกวาดอย่างไร้ปราณี ความรวดเร็วของพวกเขาสองคนเร็วจนถึงขีดสุด มากจนกระทั่งแม้แต่พวกเขาลงมืออย่างไรก็ล้วนมองไม่ชัด อสูรปีศาจได้รับบาดเจ็บสาหัส แล้วล้มลงกับพื้นด้วยเสียงดังสะเทือนเลือนลั่น
อสูรปีศาจหลายร้อยตัว เวลาไม่นานก็ถูกพวกเขาสังหารไปครึ่งหนึ่ง ยังมีอีกครึ่งที่เห็นท่าไม่ดีก็หนีไป
ช่วงเวลามรณะ ก็หายไปเลยเช่นนี้
ทุกคนที่เหลืออยากจะกล่าวคำขอบคุณ ทั้งสองคนกลับหายเข้าไปยังหุบเขามายาที่ลึกขึ้นอีก
จากนั้นเสียงคำรามอันเจ็บปวดของอสูรปีศาจก็ทยอยดังขึ้นมาอย่างไม่ขาดสาย ทุกคนต่างฟังออกว่านั่นคือเสียงของเสือทรายดำ
ในเวลานี้ ทุกคนเพิ่งจะล่าสังหารเสือทรายดำได้ไม่กี่สิบตัว เพิ่งจะได้เพียงสามสิบเขี้ยว ได้ยินการเคลื่อนไหวในบริเวณลึกนั่น แค่ช่วงเวลานี้ ก็มีเสือทรายดำหลายตัวถูกสังหาร ในใจทุกคนต่างรู้ว่าภารกิจนี้ยากที่จะสำเร็จได้แต่กลับเลื่อมใสอย่างหมดใจ
เดิมอยากจะรอจนทั้งสองคนออกมาแล้วค่อยขอบคุณที่ช่วยเหลือ ใครจะรู้ว่าพวกเขาสังหารเสือทรายดำเสร็จก็กระโดดอย่างคล่องแคล่วกลับเมืองแล้ว ทุกคนเลยทำได้เพียงรีบตามกลับมา
“หากไม่ใช่ทั้งสองท่านช่วยเหลือ พวกเราจะต้องตายเกินครึ่งแล้ว!”
เย่จายซิงส่ายมือแล้วพูด “พอแล้วพอแล้ว พวกเจ้าลุกขึ้นเถิด ไม่ต้องคุกเข่าอยู่ตลอด การช่วยพวกเจ้าเป็นเรื่องไม่ยาก”
ล้วนเป็นมนุษย์ เป็นผู้บำเพ็ญเพียรเหมือนกัน คนเหล่านี้ถูกอสูรปีศาจมากมายขนาดนั้นล้อมไว้ ในเมื่อบังเอิญพบเจอ แน่นอนว่าไม่มีเหตุผลที่ไม่ช่วย ในสายตาของนางและเสด็จอา เรื่องนี้ไม่ควรพูดถึงเลย มันเป็นเรื่องง่ายดาย
“เจ้ารองพัน พวกเจ้าไม่ใช่พูดว่าจะเด็ดศีรษะลงมาเป็นลูกบอลให้คนเตะหรือ?ยังไม่รีบเด็ดศีรษะลงมา!”
มีคนเย้ยหยันผู้ชายพวกนั้นที่พูดจาไม่น่าฟัง
เจ้ารองพันและคนอื่น ๆ ใบหน้าเขียวคล้ำ แล้วเดินหางหดจากไป
เวลานี้นางชิวของโรงน้ำชาได้ยินการเคลื่อนไหวก็เดินออกมา ได้รู้ว่าโม่เสิ่นยวนและเย่จายซิงทั้งสองได้ทำภารกิจสำเร็จแล้ว ก็อดไม่ได้ที่จะมองดูพวกเขาอีกสองสามครั้ง
เพียงแค่น่าเสียดายผู้ชายที่สูงศักดิ์สวมหน้ากากเงินไว้ ทำให้มองใบหน้าไม่ชัดเจนและก็ไร้หนทางสำรวจผลบำเพ็ญเพียร ส่วนผู้หญิงสวมเสื้อคลุมและหมวก ใบหน้าซ่อนอยู่ใต้เงาของหมวก คล้ายเป็นสิ่งกีดขวางอีกชั้นหนึ่งที่ทำให้ยากที่จะมองได้ชัด
นางชิวพูดในใจ ครั้งนี้นับว่ามองพลาดไป ต่อไปจะไม่ประเมินคนต่ำไปอีกแล้ว
เมื่อวานที่ทั้งสองมารับภารกิจ เพราะว่าเห็นว่าทั้งสองยังอายุน้อย อีกทั้งมองผลบำเพ็ญเพียรไม่ออก คิดเพียงแค่ว่าสองคนเป็นท่านชายและคุณหนูจากตระกูลร่ำรวยเท่านั้น ที่ออกมาหาประสบการณ์ ปล่อยให้พวกเขาทำภารกิจสำเร็จโดยไม่ทันคาดคิด อีกทั้งผลบำเพ็ญเพียรก็ไม่ธรรมดา
ทำภารกิจสำเร็จแล้ว แน่นอนว่าต้องให้รางวัล
นางชิวเตรียมพาทั้งสองไปห้องลับของโรงน้ำชา
ที่นี่สามารถตัดขาดการแทรกซึมของจิตสำนึกทางจิตวิญญาณได้ คำพูดที่พูดที่นี่ คนอื่นจะไม่ได้ยิน
“สองท่าน ที่นี่ก็คือสถานที่ที่เพลิงพิลึกขั้นเจ็ดปรากฎตัวเมื่อสามวันที่แล้ว”
นางชิวนำแผนที่หนังแกะผืนหนึ่งออกมา ทำเครื่องหมายด้วยจุดสีแดงในสถานที่หนึ่ง แล้วนำแผนที่มอบให้เย่จายซิง
สาเหตุหลักเพราะชายร่างสูงคนนี้มีกลิ่นอายที่เย็นชา ทำให้คนรู้สึกห้ามเข้าใกล้ ในใจของนางรู้สึกว่าไม่สามารถเข้าใกล้ได้ เลยกล้าเพียงที่จะพูดกับเย่จายซิง
“พวกเจ้าก็น่าจะเข้าใจอยู่แล้ว เพลิงพิลึกขั้นเจ็ดเป็นของเพลิงพิลึกระดับสูง มีปัญญาทิพย์ก็จะเคลื่อนย้ายไปซ่อนได้ สามวันก่อนหน้าปรากฏที่นี่ แต่ตอนนี้กลับไม่แน่นอนว่าจะอยู่ที่แห่งนี้แล้ว อยากจะหาเพลิงพิลึกพบ ยังต้องให้พวกท่านไปค้นหาเองเอง”
“อืม ขอบคุณมาก พวกเราเข้าใจแล้ว”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: บัลลังก์ชายาหมอเทวดา
มาอ่านเรื่องนี้ต่อค่ะ หวังว่าจะลงเนื้อหาจนจบ...
115จนถึงถึง159ไม่มีเลยค่ะลงต่อให้ครบได้มั้ยค่ะ😂...
ตอนที่ 115-159 หายไปค่ะ อ่านต่อไม่ได้อ่ะค่ะ...
115-159หายไปไหนอ่าคะ...
อัพวันละหลายๆตอนได้มั้ยค่ะ ขอบคุณค่ะ...