บัลลังก์ชายาหมอเทวดา นิยาย บท 201

“ที่นี่มีสิ่งที่น่าประหลาด!”

อาจารย์ผู้อาวุโสแห่งแคว้นเทพมังกรมองไปที่รอยแตกที่ด้านล่างของทะเลสาบ แล้วพูดด้วยเสียงต่ำว่า

“บางทีนี่อาจจะเกี่ยวข้องกับอสูรเทพ!เมื่อก่อนพวกเราเคยมาที่นี่ ทะเลสาบที่เต็มไปด้วยน้ำและมีชั้นหนาของน้ำแข็ง ได้ยินมาว่า ทะเลสาบที่นี่มีอายุหลายปีมาก จู่ๆ น้ำก็แห้งขอด จะต้องเป็นเพราะอสูรเทพเป็นแน่!”

องค์หญิงหลิวอิ๋งดวงตาเป็นประกาย น้ำเสียงตื่นเต้น

“อาจจะเป็นไปได้ องค์หญิง พวกเราจะล่วงหน้าไปที่นั่นก่อน ท่านรออยู่ที่นี่”

อาจารย์ผู้อาวุโสกล่าว

ณ ขณะนั้นเอง จู่ๆ ก็มีฝูงชนที่บินเข้ามาใกล้ สีหน้าขององค์หญิงหลิวอิ๋งก็เปลี่ยนสี พูดด้วยความโกรธว่า:

“ข้าเป็นถึงองค์หญิงหลิวอิ๋งแห่งแห่งแคว้นเทพมังกร แล้วข้าก็ค้นพบที่นี่ก่อนด้วย คนอื่นไม่เกี่ยวถอยไป!”

นางกังวลว่าจะมีคนแย่งอสูรเทพของนางไป

นับตั้งแต่ที่นางขี่เสวียนเจ๋อได้รับความอับอายบนถนน นางก็แทบจะยกเลิกข้อตกลงกับเสวียนเจ๋อทีนที

เมื่อรู้เรื่องการปรากฏของอสูรเทพ นางจะไม่มีทางปล่อยให้โอกาสที่ดีในชีวิตนี้หลุดลอยไปเป็นแน่ ไม่มีทางให้ผู้อื่นมาแย่งนางด้วย

อสูรเทพเป็นของนางคนเดียวเท่านั้น!

“เป็นองค์หญิงหลิวอิ๋งแล้วยังไง ที่นี่เป็นถึงเทือกเขาชื่อยู่แห่งแดนเหนือ ไม่ใช่ดิดแดนแคว้นเทพมังกรเสียหน่อย การปรากฏของอสูรเทพ ใครก็สามารถชิงได้ หากองค์หญิงหลิวอิ๋งอยากได้ล่ะก็ ก็ต้องดูว่ามีความสามารถไหม”

หรงจิ่งเฉินด้วยเสียงสูง ใบหน้ามีรอยยิ้ม แต่ดวงตากลับไม่ได้ยิ้มด้วย

“เจ้าคือนายน้อยแห่งตระกูลหรง!”

องค์หญิงหลิวอิ๋งกำหมัดแน่น คิดไม่ถึงเลยว่า จะมีคนรู้ข่าวเรื่องอสูรเทพเร็วขนาดนี้

แถมยังเป็นคนในตระกูลที่เก็บตัวด้วย

เมื่อก่อนตระกูลหรงที่ไม่ออกมาข้างนอก แต่หลังจากที่นายน้อยหรงจิ่งเฉินแห่งตระกูลหรงรับภารกิจแล้ว หลายปีมานี้ตระกูลหรงก็ปรากฏในสายตาของผู้อื่นบ่อยครั้ง แล้วยังแสดงด้านที่แข็งแกร่งด้วย

อสูรเทพนี้ ข้าจะต้องได้ครอบครอง!

องค์หญิงหลิวอิ๋งมองด้วยสายตาที่ต่ำ ไม่อยากเสียเวลาไปมาก จึงสั่งให้อาจารย์ผู้อาวุโสนำทางไป

นางมีลางสังหรณ์ว่า อสูรเทพจะต้องซ่อนตัวอยู่ด้านล่าง

พอองค์หญิงหลิวอิ๋งลงไปก็รับรู้สึกถึงแรงโน้มถ่วงที่แข็งแกร่ง ยากที่จะไม่รู้สึกกลัว เสียงแหลมดังตลอดเวลา

ส่วนหรงจิ่งเฉินไม่ได้รีบร้อนลงไป เมื่อรอให้เสียงหยุดดังนั้น ก็ได้ยินเสียงเล็กๆ ดังมาจากด้านหลัง เขาเป็นคนกระโดดนำลงไป

องค์หญิงหลิวอิ๋งเห็นว่าเขาลงตามมา ก็ทั้งโกรธและร้อนใจ จากนั้นก็รีบสั่งคนให้นำทางไปเร็วขึ้น เพื่อที่จะได้ทิ้งระยะกับพวกเขา

แต่ในระหว่างทางก็มีเรื่องที่คิดไม่ถึงเลยว่า องค์หญิงหลิวอิ๋งจะตกอยู่ในภวังค์ของงูเป็นคนแรก ส่วนอาจารย์ผู้อาวุโสที่เห็นท่าไม่ดี เลยฟันตัวงูไป จากนั้นเรียกสติหลิวอิ๋ง มิเช่นนั้นนางอาจจะถูกเขมือบวิญญาณได้

ภวังค์ของงูนี้ฆ่าเท่าไหร่ก็ไม่หมด จะเจาะผ่านรอยแตกออกมาเรื่อยๆ หากว่ามีคนไปจ้องตาของมัน ก็อาจจะถูกเขมือบวิญญาณได้ และก็กลายเป็นอาหารไป

อาจารย์ผู้อาวุโสได้ฆ่าคนไป ส่วนองค์หญิงหลิวอิ๋งก็ตกใจที่เขาฆ่าคนของตนเอง จากนั้นก็เห็นงูผีสีดำที่โผล่ออกมาจากตรงส่วนหัวของเขา นางตกใจจนหน้าเสีย

โม่เสิ่นยวนได้ทำสัญลักษณ์ทิ้งไว้ จากนั้นพาเย่จายซิงเดินเข้าไปด้านในวัง ขณะที่แปดกรงเล็บมังกรเข้ามา เขาก็จำเอาไว้ในใจ

ส่วนอีกด้าน

ศูนย์กลางของพระราชวัง ต้องเป็นสถานที่ที่จักรพรรดินอน

ด้านในมีสีดำ ผนังดูดซับแสง ที่จะออกก็ออกไม่ได้ คนอื่นก็เข้าไม่ได้เช่นกัน

เย่จายซิงเดินตามมา จากนั้นก็มองไปที่ภาพวาดบนผนัง ทันใดนั้นนางก็หยุดเดิน

“เสด็จอาดูภาพวาดนี่สิ ใช่วิหคเพลิงอสูรเทพหรือไม่?”

นางชี้ไปที่ภาพวาดพร้อมพูด

โม่เสิ่นยวนพยักหน้า นั่นมีความคล้ายวิหคเพลิงจริงๆ ด้วย แต่ไม่ใช่

เขาบอกว่า:“น้องซิง นี่เป็นอสูรเทพอีกชนิด อีกทั้ง เจ้าดูขาของมัน มีเพียงขาเดียว”

เย่จายซิงพยักหน้า:“ทีแรกข้าคิดว่าเป็นเพราะท่ายืนทำให้บดบังขาอีกข้างไป ที่แท้ไม่ใช่ แต่ว่าข้าเคยดูตำราของอสูรเทพทั้งสิบ มีน้อยมากที่จะเขียนบรรยายไว้”

“ใช่ เนื่องจากไม่ค่อยอสูรปรากฏบนแผ่นดินเทียนเหย้า มังกรเขียวอสูรเทพของข้าก็สืบทอดต่อกันมา ส่วนกิเลนอสูรเทพก็ได้ในดินแดนอื่น แผ่นดินเทียนเหย้า จึงบรรยายอสูรเทพได้ไม่ดีนัก”

เขาพยักหน้าแล้วพูดต่อไปว่า:“เจ้าเห็นหัวมันหรือไม่ หัวของมันเหมือนเทพนกเครน สง่างามดั่งเทพเซียน สง่างามราวกับวิหคเพลิง ทั้งสองชนิดมีความสง่างามไม่เหมือนกัน”

จู่ๆ เย่จายซิงก็คิดอะไรออกได้ และพูดด้วยน้ำเสียงตื่นเต้น

“ในสถานที่ที่ปรากฏ อาจจะมีเพลิงใหญ่ เป็นไปได้ว่าเพลิงพิลึกขั้นเจ็ดที่เกิดขึ้นอาจจะเกี่ยวข้องกับเทือกเขาชื่อยู่ เสด็จอา พวกเราจะต้องหาอสูรเทพให้เจอ อาจจะเป็นไปได้ว่าอยู่ที่นี่!”

เมื่อก่อนไม่เคยรู้เกี่ยวกับที่มาการเกิดของอสูรเทพเลย ทว่าตอนนี้ที่คิดถึงเรื่องเพลิงพิลึกขั้นเจ็ด อาจจะเกี่ยวข้องกับอสูรเทพก็เป็นได้

เขาพยักหน้าเล็กน้อย พร้อมกับเดินนำหน้านาง แล้วพูดไปด้วยว่า:

“ตำนานเกี่ยวกับประเทศโบราณ มีสิ่งหนึ่งที่เกี่ยวข้องกับสัตว์ศักดิ์สิทธิ์ เกี่ยวกับการเสียสละของจักรพรรดิในจิตวิญญาณ การเรียกอสูรเทพโบราณ สามารถกวาดล้างอุปสรรคและสังหารรอบทิศแทนเขาได้”

ดังนั้นอสูรเทพที่ปรากฏในเทือกเขาชื่อยู่มีความเป็นไปได้สูงว่าอาจเป็นอสูรเทพของอีกแดนหนึ่ง

ถ้าหากว่าตำนานกล่าวเป็นความจริง อสูรเทพของอีกแดนจะต้องมีการเซ่นวิญญาณ นั่นก็จะน่ากลัวมาก

“ถึงแล้ว หากว่าข้าเดาไม่ผิดล่ะก็ นี่น่าจะเป็นเตียงของจักรพรรดิในอดีต”

ก่อนหน้าที่พวกเขาจะมาถึงห้องวัง เมื่อเปรียบเทียบกับที่เห็นตอนเด็กแล้ว ห้องนี้ถือว่าไม่ใหญ่มาก ไม่มีอะไรที่หรูหรา ไม่มีอะไรแตกต่างจากที่เคยเห็นเมื่อก่อน

แต่ขณะนั้นเอง โม่เสิ่นยวนกับเย่จายซิงก็รู้สึกถึงความแปลกประหลาด

ราวกับว่าในห้องวังแห่งนี้กำลังมีบางสิ่งบางอย่างจับตาดูพวกเขาอยู่ ที่อื่นกลับไม่รู้สึกอะไร แต่พอมาถึงที่นี่เท่านั้น กลับรู้สึกถึงอันตรายอย่างบอกไม่ถูก

“ระวัง”

เขาพูดด้วยเสียงต่ำ

เย่จายซิงหลับตาปี๋ จากนั้นเคาะไปที่ขลุ่ยหยก เหมือนกับความรู้ที่ได้กระจายออกไป

นางมีความสามารถในการเรียกพลังอสูรทิพย์ แล้วก็มีความสามารถในควบคุมพลังอสูรทิพย์ด้วย

ขลุ่ยหยกมีเสียงต่ำ มีความสั่นในอากาศ จู่ๆ นางก็เห็นบางอย่างที่ซ่อนอยู่ในหมอกใต้หลังคา!

นั่นมันเป็นค้างคาวขนาดทารก!

จากนั้นก็เห็นรูปร่างของค้างคาว เย่จายซิงถอยหลังเซไปหลายก้าว ร่างกายเต็มไปด้วยเหงื่อ!

“เสด็จอา ท่านยังจำได้ไหมตอนที่พวกเราเพิ่งมา ท่านเคยเห็นรูปของจักรพรรดิในอดีตบนผนังนั่นไหม?ใบหน้าของค้างคาว เหมือนรูปร่างของจักรพรรดิในอดีต!”

มันเป็นสิ่งที่แปลกที่สุด เหมือนกับหัวคนห้อยลงมาจากด้านบนเลย

นางกลืนน้ำลายไปหลายอึก เสียงเสด็จอาดังมา

“ไม่ต้องกลัว”

โม่เสิ่นยวนจับมือเย็นๆ ของนางไว้แน่น ส่วนอีกมือหนึ่งของเขาก็ชักดาบออกมา

เพียงแค่ค้างคาวพวกเขาขยับเพียงนิดเดียว ดาบของเขาก็จะฟันพวกมันให้ขาดเป็นชิ้นๆ

“แต่ว่าตัวของพวกมันไม่มีพลังจิตเลยแม้แต่น้อย!”

เย่จายซิงก็กล่าวขึ้นมาด้วยความสงสัย ราวกับว่า ค้างคาวหน้าประหลาดพวกนั้นเป็นแค่ค้างคาวธรรมดา

แต่ทว่าหากเป็นแค่ค้างคาวธรรมดาจะเป็นสภาพเช่นนี้ได้เช่นไร?

โม่เสิ่นยวนมีสีหน้าเคร่งขรึม จากนั้นดึงนางไปด้านหลัง:

“น้องซิง หลบหลังพวกข้าเอาไว้ นี่ไม่ใช่หน้าค้างคาว หากแต่ว่าเป็นสิ่งอื่น”

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: บัลลังก์ชายาหมอเทวดา