บัลลังก์ชายาหมอเทวดา นิยาย บท 206

“เทาเที่ย?”

เย่จายซิงรู้สึกประหลาดใจมาก

ตามที่นางคิด ตัวที่ปรากฏขึ้นในเทือกเขาชื่อยู่ คงจะเป็นอสูรเทพอย่างปี้ฟาง ไม่คาดคิดว่าจะเป็นเทาเที่ย

แม้บนโลกใบนี้จะมีอสูรเทพที่ยิ่งใหญ่อยู่สิบตัว แต่มีเพียงเจ็ดตัวเท่านั้นที่เป็นอสูรเทพที่คุ้นเคยกันอย่าง มังกรเขียว วิหคเพลิง หงส์แดงกิเลน

อสูรเทพอีกสามตัวเป็น เทาเที่ย ปี้ฟางและอิงหลง

พวกมันมีความลึกลับมากในสายตาผู้คน เพราะมีหนังสือเกี่ยวกับพวกมันน้อยมาก

ในหมู่พวกมันมี อิงหลง ที่แข็งแกร่งที่สุดทั้งลึกลับและคาดเดาไม่ได้ อสูรเทพตัวนี้สามารถทำพันธะสัญญากับมนุษย์ได้ เพราะว่ากลุ่มอิงหลง มันถือว่าเป็นเทพเจ้า

ปี้ฟางก็เหมือนกัน เมื่อครู่ที่อยู่วังใต้ดิน เย่จายซิงได้เห็นรูปแกะสลักปี้ฟางแล้ว จากการจัดวางสามารถเข้าใจได้คร่าวๆ

แต่สำหรับเทาเที่ย นอกจากนางจะรู้ว่ามันเป็นพวกชอบกินเป็นพิเศษแล้ว แต่แท้จริงแล้วลักษณะของมันเป็นยังไงนั้นไม่มีใครรู้แน่ชัด แต่ในภาพยนต์ของยุคปัจจุบันนั้น เทาเที่ยมันน่าเกลียดอย่างไม่ต้องสงสัย

ยิ่งไปกว่านั้นเทาเที่ยเป็นอสูรเทพที่ดุร้าย ฝึกยากเป็นพิเศษ ว่ากันว่ามันมีกลอุบายที่ร้ายกาจ หน้าซื่อใจเหี้ยม ในประวัติศาสตร์อันยาวนานของแผ่นดินเทียนเหย้าก็ยังไม่เคยได้ยินว่าใครจะทำพันธะสัญญากับอสูรเทพอย่างเทาเที่ยได้

เย่จายซิงดึงเปลือกไข่สีดำออกมาจากใต้เตียง มันแทบจะไม่เหลือสิ่งมีชีวิตอยู่แล้ว เปลือกไข่แตกออกเบาๆ ไม่มีอะไรล่อเลี้ยงอยู่ข้างในเลย

“เปลือกไข่นี่เหมือนจะเล็ก เทาเที่ยในวัยทารกจะตัวใหญ่แค่ไหนกันนะ?”

นางมองเปลือกไข่ในมือทั้งสองข้างและเอาเปรียบเทียบกัน

มันเหมือนกับแตงโมลูกใหญ่สองลูก

ยังไม่เท่ากับจิ้งจอกทิพย์จิ่วอิงเลย

“แท้จริงแล้ววัยทารกอย่างอสูรเทพนั้นไม่ได้ใหญ่มาก แต่ว่าพวกมันเติบโตเร็วและบางตัวใช้เวลาเติบโตแค่ไม่กี่วัน”

โม่เสิ่นยวนกล่าวกับนางอย่างอ่อนโยน

นางเงยหน้าขึ้น “เสด็จอา ท่านรู้ได้อย่างไรว่านี่คือเปลือกไข่ของเทาเที่ย?”

“มังกรเขียวบอกข้า”

โม่เสิ่นยวนหัวเราะเบาๆ มังกรเขียวหดตัวพันอยู่รอบข้อมือ มันเหมือนงูตัวเล็กๆ ถ้ามองดีๆจะรู้ว่ามันคือมังกร

เย่จายซิงชอบมังกรตัวเล็กมาก นางยื่นมือออกไป มังกรน้อยก็ถูศีรษะของมันกับฝ่ามือของนาง มุมแหลมๆบนหัวมันสะกิดโดนฝ่ามือนางเบาๆ

ความรู้สึกของเกล็ดมังกรก็พิเศษมากเช่นกัน แต่ไม่เหมือนกับเกล็ดงู เกล็ดของงูจะมีขนาดเล็กกว่า ให้ความรู้สึกชื้นมีเมือกเหนียว แต่ว่าเกล็ดของมังกรนั้นไม่มี ในทางตรงข้ามกลับให้อุณหภูมิที่อบอุ่นกับฝ่ามือ

นางชอบมาก จึงหยิบมันขึ้นมากอด

บนตัวนางมีกลิ่นอายของอสูรเทพซึ่งทำให้มังกรน้อยชอบนางมาก

โม่เสิ่นยวนอธิบายอยู่ข้างๆ

“มังกรเขียวและเทาเที่ย ต่างก็เป็นอสูรเทพ พวกเราไม่สามารถสัมผัสถึงกลิ่นอายบนเปลือกไข่สีดำได้ แต่มันจะรู้สึกได้อย่างชัดเจน มันไม่เหมือนกับอสูรเทพตัวอื่น มันคือเทาเที่ย”

ที่แท้ก็เป็นเช่นนี้

ถ้าหากว่าเสี่ยวป๋ายไม่ได้ตกอยู่ในสภาพที่หลับลึก นางคงเอาเปลือกไข่เข้าไปในห้วงกาลเวลา เสี่ยวป๋ายเองก็น่าจะรับรู้ได้เช่นกัน

“งั้นพวกเราก็ไปหาสถานที่หนึ่ง แล้วใช้พู่เทพดึงดูดให้เทาเที่ยมาเถอะ”

นางนึกประหลาดใจมาก อสูรเทพอย่างเทาเที่ยจะมีหน้าตาอย่างไร

โม่เสิ่นยวนพยักหน้า

พอเตรียมจะลุกขึ้น นางก็กวาดสายตามองดูใต้เตียงอีกรอบ สีหน้าของนางก็เปลี่ยนไปเล็กน้อย

“เสด็จอา ท่านดู อิฐก้อนนั้นมันผิดปกติหรือไม่”

กระเบื้องอิฐแผ่นเรียบ แต่ถ้าสังเกตให้ดีๆจะพบว่ามันมีส่วนที่ยื่นออกมา

เพราะว่าเปลือกไข่แตกด้านบนในตอนแรก จึงเห็นไม่ชัดเจนว่ามีปัญหาที่ใด

“มีกลไก”

โม่เสิ่นยวนเอื้อมมือเข้าไป หลังจากนั้นไม่นาน พื้นเตียงทั้งหมดก็ขยับ มีแต่ตรงกลางที่ไม่ได้ขยับ เขาครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง กระเบื้องปูพื้นตรงกลางหดเข้าไป และมีทางเข้าที่ขนาดเข้าพอตัวคนเดียว

ทั้งสองก้มตัวเดินเข้าไป ก็พบว่าข้างล่างมีขั้นบันได

“นี่ก็เป็นห้องลับหรือ?คนในสมัยโบราณนี่ชอบสร้างห้องลับจริงๆ”

“ห้องเก็บของสมัยนั้นดูไม่เรียบร้อยเป็นพิเศษ ดังนั้นพอมีสมบัติก็จะเอาไปไว้ที่บ้านของตัวเอง บ้านเกือบทุกหลังจะมีห้องลับ ในสมัยนั้นถือว่าเป็นกลไกที่พัฒนาอย่างรวดเร็วที่สุด ต่อมาก็มีถุงเก็บของ ห้องเก็บห้อง ภายหลังก็ค่อยๆหายไป”

ขณะโม่เสิ่นยวนคุยกับนางอยู่นั้น เขาก็เดินไปข้างหน้า สำรวจทางให้นาง

เย่จายซิงรู้สึกว่าเสด็จอามักมีเรื่องทำให้นางประหลาดใจเสมอ เขารอบรู้ทันเหตุการณ์รู้ลึก เกรงว่าคงไม่มีใครรอบรู้ได้เท่ากับเขาแล้ว

เรื่องที่นางไม่เข้าใจ เขากลับอธิบายให้เข้าใจชัดเจนได้ง่ายๆ

ห้องใต้ดินที่ควรมืดแต่กลับไม่มืด กลับเป็นสว่างจ้า

นางสังเกตดู จึงรู้ว่าที่แท้เป็นเพราะวัสดุที่ข้างกำแพง แต่ไม่รู้ว่ามันคือวัสดุอะไร มันมีแสงสว่างในตัวมันเอง

ห้องลับไม่ได้ใหญ่มาก แค่ประมาณสามสิบสี่สิบตารางเมตร บนพื้นกลับมีฝุ่นเม็ดละเอียดไม่น้อย

นางกับเสด็จอามองหน้ากัน ทั้งคู่ต่างคาดเดา

“ที่นี่มีคนสัมผัสสิ่งของ”

เป็นไปได้มากที่จะเป็นเทาเที่ย

เทาเที่ยแกะเปลือกออกมา บังเอิญเจอบางอย่างในห้องลับ สิ่งของเหล่านี้ผ่านไปแล้วแสนปี มันจะสลายเป็นผุยผงแค่เพียงสัมผัส

ในห้องลับพวกเขาไม่เห็นเปลือกไข่ เป็นเพราะว่ามันหาเจอกลไก หลังจากออกไปแล้ว สารอาหารในเปลือกไข่ก็ถูกดูดซึม เปลือกจึงถูกทิ้งอยู่ใต้เตียง

ห้องลับว่างเปล่า มีสมบัติหลายอย่างที่ดูจะไม่บุสลาย แต่มันสูญเสียพลังไปแล้ว เพียงแค่สัมผัสเบาๆมันก็จะสลายเป็นผุยผงทันที

ถึงอย่างไรก็ตามเวลาก็ผ่านมานานมากแล้ว แม้จะเป็นของศักดิ์สิทธิ์ แต่ก็ไม่มีใครสามารถรักษามันไว้ได้

“น้องซิง เจ้ามาทางนี้”

โม่เสิ่นยวนหันหลังให้นางอยู่ บอกให้นางเดินมา

นางเดินเข้าไปหาอย่างรวดเร็ว “มีอะไรหรือเสด็จอา?”

เขาหันกลับมา รีบใช้เชือกมัดปมที่มือนางทั้งสองข้างไว้ พลิกฝ่ามือนางมาไว้ที่เอว......

การมัดนี้มีความคลุมเครืออยู่จริงๆ แต่เดิมทีโม่เสิ่นยวนเพียงแค่เย้าแหย่นางเท่านั้น ทันใดนั้นก็คิดขึ้นมาได้ว่าองครักษ์ลับเก็บรวบรวมหนังสือมาให้เขา มีหนังสือเล่มหนึ่งที่เกี่ยวกับชายหญิง เขารีบพลิกปิดมันทันที

ในตอนนี้ภาพในหนังสือนั่นแวบเข้ามาในหัวของเขาอย่างชัดเจน

เขากระแอมออกมาอย่างอึดอัด แต่เย่จายซิงไม่ได้สังเกตว่าเขากำลังคิดอะไร นางตกใจกล่าว

“เสด็จอา นี่มันเชือกอะไร ท่านคิดว่าข้าจะเอาไม่ออกหรืออย่างไร!”

เย่จายซิงตกใจมาก ฐานบำเพ็ญของนางและระดับแดนมหาจักรพรรดิทิพย์ในตอนนี้แข็งแกร่งเพียงชั้นต้นเท่านั้น ของวิเศษก็ไม่สามารถช่วยนางได้ แต่เชือกที่ดูธรรมดานี้กลับผูกนางไว้แน่น ดูเหมือนว่าคนทั้งหมดที่อยู่ที่นี่จะถูกควบคุมไม่ให้ใช้พลังได้

นี่มันทำให้นางตกใจมากจริงๆ

โม่เสิ่นยวนใบหูแดงเล็กน้อย เขาไม่ได้แก้มัดให้นางในทันที กล่าวด้วยเสียงที่เคร่งขรึม

“นี่คือสิ่งที่ข้าเจอที่ผนัง เดิมคิดว่ามันเป็นเชือกธรรมดา ไม่คาดคิดว่าจะเสียหายหลังจากสัมผัสมัน มันดูธรรมดามาก แม้กระทั่งข้าก็ยังดูไม่ออกว่ามันพิเศษตรงไหน เป็นเช่นนี้แหละ ข้ารู้สึกว่าไม่ง่ายเลยเพียงแค่อยากลองกับเจ้าเท่านั้น”

“นี่คงไม่ใช่อาวุธพิเศษหรอกนะ?”

เย่จายซิงกล่าวด้วยดวงตาที่สดใส

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: บัลลังก์ชายาหมอเทวดา