บัลลังก์ชายาหมอเทวดา นิยาย บท 207

อาวุธวิเศษไม่วิเศษ โม่เสิ่นยวนก็ไม่รู้เหมือนกัน

เชือกป่านนี้เป็นเชือกธรรมดา ไม่มีพลังเทพหรือแม้กระทั่งกลิ่นหญ้าแห้ง หากมันตกอยู่ที่พื้นข้างนอก คงไม่มีใครเก็บขึ้นมา

แต่ว่ามันไม่เน่าเปื่อยอยู่มาเป็นแสนปี ทั้งยังสามารถยับยั้งพลังฐานการบำเพ็ญอีกด้วย จากมุมมองนี้ มันก็ไม่ธรรมดาแล้ว

เพียงแต่ว่าขณะนี้เขาจิตใจฟุ้งซ่าน เขาไม่ได้สนใจด้วยซ้ำว่ามันคืออะไร

“เสด็จอา ท่านแก้มัดให้ข้าหน่อย อย่ามามัดข้าสิ รู้สึกไม่มีพละกำลังเลย เหมือนกับว่ากำลังวิ่งแล้วไม่ได้สวมเสื้อผ้าอย่างนั้น”

เย่จายซิงพูดแขวะเขา

กลับไม่คิดว่าประโยคที่นางพูดออกมานี้ ทำให้เขาหยุดคิดถึงมันไม่ได้เลย

โชคดีที่เขาหมุนตัวหันกลับทันที เขารีบเช็ดเลือดกำเดาที่ไหลออกจากจมูกอย่างรวดเร็ว แล้วค่อยหันตัวกลับมา กลับมาเป็นคนที่เหมือนพระเจ้าไม่มีความปรารถนาซะอย่างนั้น

“หืม?เสด็จอา?”

เย่จายซิงไม่ได้สังเกตถึงความผิดปกติ เพราะดูเหมือนว่าเสด็จอายังคงจริงจังมาก นางจึงไม่ได้คิดเรื่องอื่นเลย

โม่เสิ่นยวนเหลือบมองอีกหน่อย ก่อนจะคลายเชือกให้นาง

เขากล่าว “น้องซิงมันสามารถหยดเลือดเพื่อดูของวิเศษได้แล้วก็จะรู้ว่ามันเป็นของวิเศษอะไร”

นางส่ายหัว “ไม่ได้หรอก นี่คือสิ่งที่เสด็จอาพบ ท่านทำเองเถอะ”

โม่เสิ่นยวนเขาไม่กล้าทำ เขามองมันอยู่นานสองนาน ลักษณะการฝึกบำเพ็ญของเขาเข้าไปไม่ได้

ยิ่งไปกว่านั้น ห้องลับนี้เป็นนางที่ค้นพบ

“ข้าใช้ไม่ได้ น้องซิงเจ้าลองถือดูเถอะ พอรู้แล้วพวกเราค่อยออกไปหาเทาเที่ย”

เย่จายซิงเห็นเขาไม่อยากทำ ทั้งยังงอแงไร้เหตุผล นางจึงบีบเลือดออกมาหนึ่งหยด แล้วหยดลงไปที่เชือกป่าน

ในไม่ช้าเลือดก็ซึมเข้าไปในเชือกป่าน แล้วก็หายไปอย่างรวดเร็ว เร็วกว่าที่พวกเขาคิดซะอีก

เย่จายซิงแสดงสีหน้าดีใจ หันไปถามเสด็จอา

“เสด็จอา สำเร็จแล้ว มันเรียกว่าเชือกมัดเซียน ก็คืออาวุธครึ่งเทพ!”

อาวุธครึ่งเทพ!

แม้ว่าเขาจะเดาได้ตั้งแต่แรกแล้ว แต่โม่เสิ่นยวนก็ยังรู้สึกแปลกใจไม่น้อย

ในแผ่นดินใหญ่นี้มีอาวุธครึ่งเทพเพียงไม่กี่ชิ้นเท่านั้น บังเอิญพบที่นี่หนึ่งชิ้น ดวงของน้องซิงนั้นถือว่าดีมากจริงๆ

บางทีอาจเป็นเพราะรากทิพย์กลียุคเพิ่มโชคให้กับนาง

เขาดีใจแทนนางจริงๆ

ทั้งสองมองไปรอบๆภายในห้องลับอีกครั้ง และเมื่อพวกเขากำลังจะออก เย่จายซิงพลางหยิบหินสีดำบนพื้นขึ้นมา

หินสีดำนี้ดูเหมือนหินธรรมดา ดูไม่มีความผิดปกติใด นอกจากจะประหลาดใจที่พบมันอย่างกะทันหันในห้องลับเท่านั้น

นางบีบเลือดหนึ่งหยดแล้วลองดู มันกลับไม่ใช่ของวิเศษ แต่มันเป็นหินธรรมดา

สาเหตุที่นางหยิบมันขึ้นมานั่นเป็นเพราะมันเหมือนกับหินตาแมว โดยมีชั้นเคลือบด้านบนเป็นสีดำ รูปร่างเป็นวงกลม มันสวยมากและรู้สึกดีมากที่วางมันไว้ในมือ

หลังจากออกไปแล้ว โม่เสิ่นยวนนำกลไลกลับไปวางไว้เหมือนเดิม ทำความสะอาดเปลือกไข่และไม่ทิ้งร่องรอยใดๆไว้ แล้วจึงค่อยพานางจากไป

หลังออกมาจากม่านอาคมแล้ว ทั้งสองคนก็เดินทวนน้ำกลับมา

ในขณะนั้น เย่จายซิงก็สะดุดล้ม เมื่อหันไปมอง พลังทิพย์นับไม่ถ้วนในวังน้ำก็พุ่งเข้าใส่นางราวกับพายุทอร์นาโด นางเอื้อมมือออกไปกั้นโดยไม่รู้ตัว กลับเห็นพลังทิพย์ทั้งหมดพุ่งไปที่หินสีดำในมือของนาง!

“หยกรวมจิต!”

จู่ๆโม่เสิ่นยวนก็บอกนางขึ้นมา น้ำเสียงของเขาไม่ได้ตื่นเต้นสักนิด

“น้องซิง หินในมือของเจ้าคือหยกรวมจิต สาเหตุที่มีพลังทิพย์มากมายที่นี่ก็เพราะหยกดำนี้ ทันทีที่เจ้าเอาหยกรวมจิตออกไป พลังปราณทิพย์พวกนี้ก็จะถูกรวมไว้ด้วยกัน และเมื่อเจ้าเอามันไปวางไว้ที่ไหนสักที่ มันก็จะให้กำเนิดพลังทิพย์ต่อเนื่องไม่ขาดสาย และจะไม่มีวันหมด!”

จึงไม่น่าแปลกใจที่มีพลังทิพย์มากมาย นี่เป็นเหตุว่าทำไมหยกรวมจิตถึงมาอยู่นี่ที่

เย่จายซิงอ้าปากค้าง หินสีดำที่นางหยิบออกมา ที่แท้แล้วเป็นของล้ำค่า?

ไม่มีวันหมดสิ้น นี่มันอะไรกันเนี่ย!

ซึ่งหมายความว่าหากนางวางหยกรวมจิตไว้ที่ห้วงกาลเวลา แม้ว่าในห้วงกาลเวลาจะไม่มีกลิ่นอายของหินทิพย์ออกมา แต่ก็จะสร้างพลังทิพย์ออกมาอย่างไม่มีวันหมด!

ด้วยวิธีนี้ หินทิพย์ที่นางต้องการอัพเกรดในห้วงกาลเวลา ก็สามารถลดลงไปได้มาก

นอกจากนี้พลังทิพย์ในห้วงกาลเวลาก็มีแต่จะเพิ่มขึ้น นี่มันเอื้อต่อการเจริญเติบโตของต้นไม้ดอกไม้ เหมาะกับชีวิตของเสี่ยวป๋ายและจิ้งจอกทิพย์จิ่วอิง

การฝึกบำเพ็ญในห้วงกาลเวลา ให้ผลเพิ่มขึ้นเป็นสองเท่า โดยไม่ต้องกังวลว่าพลังทิพย์จะหมด!

“เสด็จอา!ข้าดีใจมากจริงๆ!”

นางกล่าวด้วยความตื่นเต้น

ตอนนี้นางลำบากมากในการหาเงิน ไม่เพียงแต่จะอัพเกรดพื้นที่ในห้วงกาลเวลาต่อไป แต่ยังทำให้สภาพแวดล้อมในการฝึกฝนดีมากขึ้นด้วย ด้วยเหตุนี้จึงต้องเร่งการฝึกบำเพ็ญและคุณภาพในการเป็นนักกลั่นยาซะแล้ว

พอมีหยกรวมจิตแล้ว มันจะสามารถช่วยนางได้เยอะทีเดียว

โม่เสิ่นยวนยิ้ม เขายิ้มอย่างงดงาม

เขากล่าว

“ในภายหน้ายังสามารถใช้หยกรวมจิตเพื่อดูดซับพลังทิพย์ในเหมืองหินทิพย์ได้ จะทำให้พลังทิพย์ที่จะปล่อยออกมามีมากขึ้น”

เย่จายซิงพยักหน้าอย่างจริงจัง ดูเหมือนว่านางยังต้องการประสบการณ์ฝึกฝนมากกว่านี้

โลกนี้มีสมบัติที่เต็มไปด้วยฝุ่นมากมาย หากไม่มีประสบการผจญภัย หลายสิ่งหลายอย่างก็ดูอยู่ไกลเกินเอื้อม

แค่ฝึกบำเพ็ญอย่างต่อเนื่องในห้วงกาลเวลานั้นไม่ได้เพียงพอ

ทั้งที่ในน้ำที่มีพลังทิพย์อันน้อยนิด แต่เมื่อเห็นว่าหยกรวมจิตดูดพลังทิพย์ทั้งหมดกลับมาได้ เย่จายซิงก็อยากจะเอาหยกรวมจิต สมบัติชิ้นนี้ไปวางไว้ที่ห้วงกาลเวลา

ทันทีที่ใส่เข้าไป ทันใดนั้นพลังทิพย์อันแข็งแกร่งก็ถูกปล่อยออกมา จิ้งจอกน้อยกระโดดโลดเต้นอย่างมีความสุข มันดูดซับพลังทิพย์ด้วยใบหน้าที่พึงพอใจ

เย่จายซิงยิ้มพลางถอนจิตออก นางดีใจมากจึงเข้าไปดึงมือเสด็จอา ทั้งสองเดินทวนน้ำขึ้นไปด้วยกัน

เมื่อมาถึงหน้าทะเลสาบ โม่เสิ่นยวนให้นางรอ เขาจะขึ้นไปดูก่อน

แน่นอนว่าทางออกอยู่ด้านบน มันเป็นทางแคบวกวนเหมือนเป็นรอยแยกของแนวเขา เส้นทางคดเคี้ยว ยาวไปหลายพันเมตร และข้างบนปกคลุมไปด้วยหิมะน้ำแข็ง

โม่เสิ่นยวนทลายน้ำแข็งหนาและพานางไปด้วยกัน

ตากเสื้อให้แห้ง คลุมเสื้อคลุมใหญ่ ให้ความอบอุ่นร่างกาย

เย่จายซิงมองลงมา และเห็นเทือกเขาชื่อยู่ นางและเขาในเวลานี้ อยู่บนยอดเขาที่สูงที่สุดของเทือกเขาเทือกเขาชื่อยู่

ไกลออกไปนั้นมีทะเลสาบที่น้ำแห้งขอด ซึ่งเป็นทางเข้าที่พวกเขาลงไป

ใครจะคาดคิดว่าวังที่อยู่ใต้ดินจะมีขนาดใหญ่แบบนี้ อยู่ใต้ทิวเขาที่หิมะตกหนักตลอดทั้งปี แต่วังแห่งนี้เป็นวังที่หายสาบสูญไปแล้วหลายร้อยหลายพันปี

เสียงดังครั่นครืน!

ภูเขาที่ถูกปกคลุมไปด้วยหิมะได้พังทลายลงมา ฝูงนกสัตว์ป่าต่างวิ่งหนี

“ไม่คาดคิดว่าวังใต้ดินจะถล่มลงมา!”

เย่จายซิงหันไปมองเสด็จอา

โม่เสิ่นยวนไม่ได้แปลกใจ “พวกเขาต่อสู้กัน วังใต้ดินปรากฏขึ้นใต้ทะเลสาบเพราะกระแสน้ำ หากทั้งสองฝ่ายต่อสู้กันอยู่ วังใต้ดินจะพังทลายลงมา”

เพียงแต่วัสดุผนังของวังใต้ดิน เป็นไปไม่ได้เลยที่จะทำลายมัน แต่ก็เป็นเรื่องปกติที่กลไกจะมีปัญหา

ไม่รู้ว่าคนข้างในออกกันมาแล้วหรือยัง

หากยังไม่ออกมา โอกาสที่จะรอดออกมามีน้อยแล้ว

โม่เสิ่นยวนถอนสายตาอย่างเฉยเมยมาจับมือนาง

“ไปเถอะ น้องซิง ไปวางกับดักจับอสูรเทพกัน”

อสูรเทพของเขาก็คือน้องซิง

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: บัลลังก์ชายาหมอเทวดา