บัลลังก์ชายาหมอเทวดา นิยาย บท 208

อสูรเทพคือเทาเที่ย

มังกรน้อยซึ่งก็เป็นอสูรเทพเหมือนกัน มันพันอยู่รอบข้อมือเย่จายซิง กระซิบเสียงเบากับพวกเขา

“เทาเที่ยเป็นอสูรเทพที่หน้าตาขี้เหร่ที่สุด นิสัยก็ไม่ดี เพียงแต่ข้อเสียที่ใหญ่ที่สุดก็คือกินตะกละตะกลาม ถ้าหากเจ้าเอาพู่เทพ ออกไป จะต้องดึงดูดมันมาแน่นอน”

แต่ตัวมังกรน้อยเองก็กลับไม่แน่ใจ พวกมันมีเพียงความทรงจำที่ถูกสืบทอดมา ถ้าอยากจะรู้ข้อมูลเพิ่มเติม ต้องรอการตื่นขึ้นของความทรงจำในอนาคตแล้ว

ตอนนี้มันยังอยู่ในวัยทารก ความทรงจำที่สิบทอดมายังไม่ตื่นมากนัก

“สามารถดึงดูดมันได้ก็ดี เจ้าเทาเที่ยที่เพิ่งออกจากเปลือกไข่ มีกำลังจำกัด”

เย่จายซิงกล่าวพลางพยักหน้า

เพียงแต่นางแปลกใจเรื่อง “ความจริงแล้วเทาเที่ยน่าเกลียดหรอกหรือนี่?”

คงไม่ได้น่าเกลียดถึงขั้นไม่น่ามองหรอก?

หน้าตาน่าเกลียดนั้นไม่สำคัญ ขอแค่น่าเกรงขามก็พอ ถ้าหากหน้าตาประหลาดละก็ เกรงว่านางคงหัวเราะมันจนตายไปแน่

มังกรน้อยเอียงหัว หนวดมังกรกวนเข้าหากัน ขบคิดพลางส่ายหัว

“ไม่รู้เลย”

“ยังไงก็น่าเกลียด”

มันพูดเสริมมาอีกประโยค

แทงใจมากเลยนะ

เย่จายซิงไม่ได้ถามอีก ต้องล่อเจ้าเทาเที่ยมาก่อน เดี๋ยวก็จะได้เห็นเอง

น่าเกลียดก็น่าเกลียด ยังไงผู้คนก็คงเหมือนกับอสูรเทพนั้นแหละ ไม่สนใจอะไรห่วงแต่กิน

โม่เสิ่นยวนไม่ชอบที่มังกรน้อยสนิทสนมกับนาง เขาจับมันเข้าไปในห้วงกาลเวลาด้วยสีหน้าทะมึน

นางได้แต่หัวเราะในใจ เสด็จอาเป็นคนใจร้าย เขายังหึงหวงแม้กระทั่งอสูรที่เขาทำพันธะสัญญาด้วย

แต่ถึงอย่างไรเสด็จอานั้นก็ถือว่าเต็มไปด้วยข้อดี เพียงแต่ว่าเขาชอบแสดงความเป็นเจ้าของมากไปหน่อย และไม่ได้มีพิษภัย นางชอบนิสัยพวกนี้มาก

นอกจากนี้ นิสัยของเขาดีกว่าตอนแรกมาก

“เสด็จอา งั้นเราไปวางกับดักกันที่ไหนดี?”

นางจับแขนเขา ถามเขาด้วยความสนิทสนม

มุมปากของโม่เสิ่นยวนถูกยกขึ้นมาอย่างเห็นได้ชัด

“ทางทิศตะวันออก เอาเปลือกไข่ที่แตกไปเมื่อเจ็ดแปดวันก่อน พวกเราต้องไปที่ไหนสักแห่งที่ห่างไกลกว่าวังใต้ดิน”

“ตกลง ข้าเคยเห็นแผนที่ของเทือกเขาชื่อยู่ มีหุบเขาใหญ่อยู่ทางทิศตะวันออก ตรงนั้นจะเป็นที่ที่เราวางกับดักได้”

ทันทีที่บอกว่าจะไปก็ไปเลยนั้น โม่เสิ่นยวนได้ลบร่องรอยที่เหลือของบนเทือกเขาก่อนจะออกเดินทางไปหุบเขาผีเสื้อที่อยู่เทือกเขาชื่อยู่ด้วยกัน

พวกเขาไม่ได้บินหรือใช้พาหนะใดๆตลอดทาง พวกเขาไม่อยากแหวกหญ้าให้งูตื่น ไม่อยากให้เทาเที่ยสังเกตเห็น และอีกอย่างก็คือหลีกเลี่ยงไม่ให้คนพบเห็น

ความเร็วของพวกเขาสองคนเร็วมาก ร่องรอยที่อยู่ข้างหลังพวกเขาก็ถูกลบไปหมด หลังจากผ่านไปครึ่งวันพวกเขาก็มาถึงหุบเขาผีเสื้อ

หุบเขาผีเสื้อมีน้ำพุร้อนขนาดใหญ่และขนาดเล็กหลายสิบสระ ดังนั้นที่นี่จึงไม่เหมือนกับหิมะน้ำแข็งที่แผ่ปกคลุมไปทั่ว ที่นี่มีหญ้าสีเขียว มีดอกไม้บานสะพรั่ง ดึงดูดผีเสื้อให้มาโบยบิน จึงมีชื่อเรียกว่าหุบเขาผีเสื้อ

เพียงแต่มันเป็นหุบเขาผีเสื้อขนาดใหญ่ และไม่มีสถานที่ให้ซ่อนตัวได้

อย่างไรก็ตามที่นี่ค่อนข้างสะดวกสบาย มีผลไม้รสหวานห้อยลงมาจากต้นไม้สูงตระหง่าน มีรังผึ้งขนาดใหญ่หลายรังตรงหน้าผา มันส่งกลิ่นหอมหวานของน้ำผึ้งโชยมา

ในเมื่อเทาเที่ยมีนิสัยชอบกิน เป็นไปได้ว่ามันจะมาที่นี่ หรือว่าเคยมาแล้ว แล้วเดี๋ยวก็ต้องกลับมาอีก

โม่เสิ่นยวนมองไปรอบๆ เขาตั้งเป้าไปที่บ่อน้ำพุร้อน

เขากระแอมเบาๆแล้วพูดอย่างเคร่งขรึมว่า

“น้องซิง พวกเราซ่อนตัวที่บ่อน้ำพุร้อนเถอะ จะได้ปกปิดกลิ่นอายพวกเราได้”

เย่จายซิงพอฟัง ก็รู้ว่านั้นเป็นความคิดที่ดี

พวกเขากลั้นหายใจได้นาน น้ำสามารถซ่อนลมปราณบางส่วนได้ พร้อมกับการปิดบังตัวเอง พวกเขามีความมั่นใจมากว่าจะไม่ถูกค้นพบ

หลังจากที่นางพยักหน้า นางกับเสด็จอาก็พบบ่อน้ำพุร้อนเล็กๆที่อยู่ข้างๆ นางถอดเสื้อคลุมใหญ่ออกแล้วกระโดดลงไป

บ่อน้ำพุร้อนอุณหภูมิกำลังพอดี ถ้าหากที่นี่มีพลังทิพย์จะต้องมีแก่นบำเพ็ญไม่น้อย แต่ว่าที่นี่มีพลังทิพย์ที่ไม่เข้มข้น ดังนั้นจึงไม่มีคนให้ความสนใจ

เย่จายซิงหยิบพู่เทพออกมาจากห้วงกาลเวลา แล้วเสียบวางเข้าไปที่รอยแตกบนพื้น ราวกับว่ามันเพิ่งเติบโตขึ้นมาจากรอยแตกของพื้นอย่างนั้น

ทันทีที่หยิบพู่เทพออกมา ก็มีกลิ่นหอมจางๆลอยอยู่ในอากาศ

ไม่เหมือนกลิ่นหอมของข้าว แต่เหมือนเป็นกลิ่นหญ้าหน่อยๆ แต่เป็นกลิ่นที่เย้ายวนใจยิ่ง ถ้าฐานบำเพ็ญสูงก็จะได้กลิ่นแรงขึ้น

โดยเฉพาะอสูรเทพ แม้ว่ามันจะห่างไปไกลถึงพันลี้มันก็สามารถได้กลิ่น

ป่าเก่าแก่ในหุบเขาลึก ร่างสีดำโผล่ขึ้นมาจากพื้นน้ำแข็ง แล้วรีบวิ่งมาหุบเขาผีเสื้ออย่างรวดเร็ว

มันรีบจากมา เลือดใหม่ค่อยๆไหลย้อยลงมาย้อมพื้นหิมะเป็นสีแดง

มันเป็นสัตว์ที่ซ่อนตัวเก่งระดับเจ็ด

ในน้ำพุร้อน โม่เสิ่นยวนสวมกอดเย่จายซิงไว้ในอ้อมแขน และทั้งคู่ก็ดำดิ่งลงไปที่ก้นสระโดยไม่ขยับแม้แต่น้อย

เย่จายซิงรู้สึกตื่นเต้นเล็กน้อย นี่เป็นครั้งแรกที่นางมาจับอสูรเทพ และนางไม่รู้ว่าจะสามารถทำสำเร็จในคราวเดียวหรือไม่ เสด็จอาบอกให้นางปล่อยวางจิตลงในน้ำ

นางจะสามารถเห็นได้ชัดเจนว่าเกิดอะไรขึ้นข้างนอก

ดังนั้นนางจึงตั้งใจมองโลกข้างนอก ไม่ได้สังเกตเห็นสายตาหมาป่าของเสด็จอาเลย ไม่ได้สนใจแม้กระทั่งมือที่เริ่มขยับอยู่ที่รอบเอวของนาง

บุรุษที่ห่างหายจากการเป็นบุรุษไปนาน บัดนี้เมื่อเขาได้มองดูเรือนร่างใต้น้ำของหญิงสาวที่เป็นที่รักแล้ว เขาก็ยิ่งทนไม่ได้มากขึ้นเรื่อยๆ

แต่โม่เสิ่นยวนก็ยังเก็บซ่อนสายตานั้นไว้ น้องซิงของเขาเป็นเหมือนอัญมณีที่ล้ำค่า และเขาก็ไม่อยากให้นางต้องทนทุกข์แม้แต่น้อย

รอวันที่พวกเขาจะได้สมรสกัน วันนั้นพวกเขาถึงจะกลายเป็นหนึ่งเดียว

นี่ถือว่าแสดงความเคารพต่อนาง

เวลาใต้น้ำนี้เป็นเรื่องยากสำหรับโม่เสิ่นยวน เขารู้สึกเหมือนเลือดลมไหลเวียนลำบาก แต่เย่จายซิงกลับรู้สึกเวลาผ่านไปเร็วมากเพราะนางมัวแต่สนใจโลกข้างนอกอยู่

ทันใดนั้นนางก็จับมือโม่เสิ่นยวนที่ใต้น้ำ

“เสด็จอา มาแล้ว!”

น้ำเสียงของนางกล่าวอย่างตื่นเต้น

เสียงของการวิ่งนั้นชัดเจน ทำให้สัตว์ป่าวิ่งกันชุลมุน รู้สึกถึงกลิ่นอายของอสูรเทพเพียงอย่างเดียว

พู่เทพมันดึงดูดอสูรเทพมาก คาดไม่ถึงว่าแม้แต่ลมปราณก็ปิดซ่อนมาถึงตรงนี้

ในเวลาเดียวกัน องค์หญิงหลิวอิ๋งและหรงจิ่นเฉินที่ปีนขึ้นมาจากวังใต้ดินที่กำลังถล่มแล้วสลัดหลุดออกมาได้ ภายในชั่วพริบตาการเคลื่อนไหวทั้งหมดก็หยุดลงพร้อมกัน

“อสูรเทพ!”

ไม่เพียงแต่พวกเขาเท่านั้นแต่ยังรวมถึงครอบครัวอื่นๆ ด้วย ในขณะนั้นพวกเขารับรู้ได้ถึงพลังของอสูรเทพ

ทุกคนแสดงสีหน้าดีใจออกมา แล้วรีบวิ่งด้วยความเร็วตรงไปที่อสูรเทพมุ่งหน้าไป

มีเงาดำกลุ่มใหญ่เข้ามาใกล้อย่างรวดเร็ว ในที่สุดเย่จายซิงก็มองเห็นรูปลักษณ์ของมันอย่างชัดเจน

น่าเกลียด?

แต่ก็ยังดี ไม่นับว่าน่าเกลียดมาก ก็แค่ดูดุดันเท่านั้น!

เพราะว่ามันดูดุ ดังนั้นมันถึงน่าเกลียดนิดหน่อย

มันต่างจากที่เย่จายซิงจินตนาการถึงเทาเที่ยเล็กน้อย นางคิดว่าร่างกายของเทาเที่ยและกิเลนมีรูปร่างที่คล้ายกัน ทั้งคู่มีเกล็ด แต่เทาเที่ยกลับมีขนสีดำ ขนยาวและดูอ่อนนุ่มมาก เมื่อมองดูจากระยะไกลมันเหมือนหมีสีดำตัวใหญ่อย่างนั้น

มันมีหัวเหมือนสิงโต ตาสีแดง และปากใหญ่ที่แยกขึ้นเผยให้เห็นฟันที่แหลมคม ปากใหญ่ๆของมัน ทำให้มันดูดุร้าย

บนหัวมีเขาห้าเขา มีเขาข้างหน้าสอง ข้างหลังอีกสอง และมีเขาตรงกลางอีกหนึ่ง ดูแข็งแกร่งมากและเปล่งแสงเย็นยะเยือก

เย่จายซิงรู้สึกว่า เขาแสงพวกนี้สามารถฆ่าคนตายได้หลายคนทีเดียว

ดุก็ดุร้าย น่าเกลียดก็น่าเกลียดหน่อย แต่ก็ค่อนข้างน่าเกรงขาม

นางคิดอย่างนั้น

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: บัลลังก์ชายาหมอเทวดา