บัลลังก์ชายาหมอเทวดา นิยาย บท 209

เทาเที่ยที่ดูดุร้าย มันออกมาด้วยความหิวโหย

ทันทีที่มาถึงหุบเขาผีเสื้อ มันก็วิ่งพุ่งเข้ามาหาพู่เทพ ละอองน้ำสาดกระเซ็น

ทันใดนั้นเย่จายซิงก็รู้สึกว่ามันเหมือนหมูป่าวิ่งกระโจนมา

นางพลันขมวดคิ้ว รู้สึกว่าเทาเที่ยตัวนี้ไม่ค่อยฉลาดนัก

เทาเที่ยเบรกกะทันหันและหยุดลงตรงหน้าพู่เทพ คาดไม่ถึงว่ามันไม่มีการป้องกันอะไรเลย มันตวัดลิ้นม้วน มันกินพู่เทพ ลงเข้าไปในท้องเรียบร้อย

เย่จายซิงเห็นอย่างชัดเจน มันกินดินโคลนเข้าไปด้วยมันจึงอ้วกเอาออกมา......

นี่เป็นครั้งแรกที่นางเห็นอสูรเทพที่ไม่มีรสนิยมขนาดนี้

เหมือนกับเสี่ยวป๋ายที่รักสะอาดมากเกินไป

หลังจากเทาเที่ยกินพู่เทพ เสร็จ ทันใดนั้นมันก็รู้สึกอย่างกับว่ามึนเมา สี่เท้าเริ่มยืนไม่มั่นคง ร่างกายเอียงไปด้านหนึ่ง สุดท้ายก็ตกลงในน้ำพุร้อนดังตูม

บังเอิญเป็นที่เย่จายซิงกับโม่เสิ่นยวนซ่อนตัวพอดี

แต่ยังไม่จบแค่นั้น อสูรเทพที่ตัวใหญ่ขนาดนี้คิดไม่ถึงว่าจะกลัวน้ำ ทันทีที่ตกลงไปในน้ำมันก็ตกใจมาก ว่ายอย่างกับลูกหมาตกน้ำ ที่คาดไม่ถึงไปกว่านั้นคือมันไม่เห็นพวกเขาทั้งสองคน

โม่เสิ่นยวนในชีวิตนี้ไม่เคยมีเรื่องที่พูดไม่ออกมาก่อน กลับได้เห็นฉากตรงหน้าไปหลายฉาก เขาไม่ได้คาดหวังว่าจะเห็นอสูรเทพที่สง่างามจะตกลงมาที่บ่อน้ำพุร้อนแบบนี้

เทาเที่ยตะเกียกตะกายว่ายไปข้างหน้าอย่างรุนแรง เย่จายซิงก็โผล่ขึ้นมา ในขณะนั้น นางก็จ้องมองไปที่เท้าของเจ้าเทาเที่ย กรงเล็บที่แหลมคมก็สะบัดมาผ่านโดนข้อมือของเย่จายซิงทำให้เลือดของนางไหลออกมา......

ก่อนที่เย่จายซิงจะมาที่ดินแดนทางเหนือ นางไม่คาดคิดว่าเรื่องต่างๆจะเกิดขึ้นแบบนี้ การทำพันธะสัญญาของนางกับอสูรเทพเป็นเรื่องที่ง่ายมากและก็เป็นอะไรที่น่าทึ่ง......

เย่จายซิงถูกกรงเล็บของเทาเที่ย นางจ้องมองไปที่ตาดวงโตของมันที่หดลงมาเล็ก

เทาเที่ยรู้สึกสับสนมึนงง ขนสีดำของมันเปียกอย่างกับตกลงหม้อซุปไก่ มันอ้าปาก “นายหญิง?”

น้ำเสียงนั้นเหมือนเด็กแต่มาความหนาของเสียงอย่างบอกไม่ถูก

โม่เสิ่นยวนขึ้นจากฝั่ง เหลือบมองเทาเที่ยด้วยความรู้สึกอธิบายไม่ได้ เขาทำเสื้อผ้าให้แห้ง สวมหน้ากากเงิน เปลี่ยนความสูงและกลิ่นอายทั้งตัว

เขาก็กลับมาเป็น “จวินหยวน” อีกครั้ง

“น้องซิง มีคนกำลังมา”

เย่จายซิงกลับมารู้สึกตัว รู้สึกถึงหลายสิบคนกำลังเข้ามาใกล้ทันที

อยากจะไปตอนนี้แต่ก็สายไปซะแล้ว

นางหันมองดูเทาเที่ย พลางกล่าว

“อะไรนะ เมื่อกี้พวกเราไม่ทันระวังจึงทำพันธะสัญญาธรรมดาไป ข้าจะบีบเลือดใหม่ พวกเรามาทำพันธพสัญญาใหม่อีกรอบเถอะ”

พันธะสัญญาธรรมดา เป็นพันธะสัญญาของฝ่ายเดียวดีสำหรับคนเป็นนายแต่ไม่ดีสำหรับอสูร และไม่สามารถพัฒนาให้ก้าวหน้าไปร่วมกันได้

พันธะวิญญาณนั้นดีกว่ามาก เช่นเดียวกับจิ้งจอกทิพย์จิ่วอิง ที่เป็นพันธะวิญญาณ หลังจากความแข็งแกร่งของนางเพิ่มขึ้น จิ้งจอกจิ่วอิงก็มีประโยชน์กับนางไม่น้อย

“ไม่เอา”

เทาเที่ยส่ายหัวไปมา ลักษณะท่าทางเหมือนคนเมาอย่างนั้น อย่างกับเด็กที่แอบไปขโมยสุรามา

เย่จายซิงหมดคำจะพูด นางลุกขึ้นจากบ่อน้ำพุ แล้วดึงเทาเที่ยตามขึ้นมา เช็ดตัวเองและเช็ดตัวเทาเที่ยให้แห้ง

นางสวมเสื้อคลุมใหญ่ แล้วคร้านจะสนใจว่าเทาเที่ยจะเต็มใจหรือไม่เต็มใจ นางก็บีบเลือดออกมาหนึ่งหยด

ถ้าหากไม่ทำพันธะวิญญาณ นางก็จะเป็นกังวลกับการเอามันเข้าไปในห้วงกาลเวลา ตอนนี้เสี่ยวป๋ายยังคงหลับลึกอยู่ นางกลัวว่ามันจะสร้างปัญหากลับมาให้

ทั้งตอนนี้มันเป็นไปไม่ได้เลยที่จะลากอสูรเทพไปไหนมาไหนด้วยในตลาด มันสะดุดตามากเกินไป

“หยุดนะ!นั่นเป็นอสูรเทพขององค์หญิงอย่างข้า!”

เมื่อเย่จายซิงกำลังจะหยดเลือดหัวใจหยดลงไปที่หว่างคิ้วของเทาเที่ย ทันใดนั้นก็มีเสียงที่หยิ่งผยองดังขึ้น

มาพร้อมกับเสียงลูกธนูที่น่าสะพรึงกลัวแทงทะลุเมฆทำลายดวงอาทิตย์

ซิ่ว!

ลูกธนูนี้ไม่มีความเห็นอกเห็นใจมันเต็มไปด้วยเจตนาฆ่าอย่างรุนแรง พุ่งตรงไปที่หน้าผากของเย่จายซิง หวังจะปลิดชีวิตนาง

กระบี่ยาวของโม่เสิ่นยวนถูกชักออกมาจากฝัก ปราณกระบี่สกัดกั้น ลูกธนูที่ทรงพลังก็แตกสลายไปทันที สูญเสียพลังทิพย์ ร่วงตกลงไปในน้ำ

สีหน้าของเย่จายซิงเย็นชาลง นางออกแรงกดมือลงไปที่หว่างคิ้วของเทาเที่ย

เทาเที่ยหลับตาแล้วพ่นลมหายใจ ร่างกายของมันเปล่งแสงสีทอง แสงส่องไปที่หว่างคิ้ว ก่อนจะพ่นลมปราณที่ศักดิ์สิทธิ์ออกมา

เมื่อองค์หญิงหลิวอิ๋งมาเห็นฉากนี้ นางแทบจะเป็นลมไปด้วยความโกรธ

ทันทีที่หรงจิ่งเฉินมา เขาก็เห็นเย่จายซิงทำพันธะสัญญากับเทาเที่ยเสร็จสิ้นไปแล้ว โดยมีแสงสีทองส่องอยู่รอบตัวนาง ใบหน้าที่ขาวผ่องราวกับหยกส่องสว่างไปด้วยแสงศักดิ์สิทธิ์ นางงดงามราวกับเซียนบนสวรรค์เก้าชั้นฟ้า

แม้ว่านางกับ “น้องเย่” จะไม่ได้มีใบหน้าแบบเดียวกัน แต่หรงจิ่งเฉินมั่นใจว่า นางก็คือ “น้องเย่” ไม่มีใครที่สามารถเทียบได้

คิดไม่ถึงว่านางจะทำพันธะสัญญากับอสูรเทพเรียบร้อยแล้ว

อย่างไรก็ตามหรงจิ่งเฉินไม่ได้อิจฉาเลย แต่กลับยิ้มออกมา

นางสามารถทำพันธะสัญญากับอสูรเทพได้ เทียบกับองค์หญิงหลิวอิ๋งที่ยโสโอหังแล้ว นางนั้นดีกว่ามาก

เมื่อเห็นใบหน้าที่ซีดเผือกขององค์หญิงหลิวอิ๋ง รอยยิ้มเย้ยหยันก็ปรากฏขึ้นในดวงตาเขา

องหญิงที่สง่างามของแคว้นเทพมังกรเป็นคนที่ช้ากว่าคนอื่นครึ่งหนึ่งเสมอ

“อาจารย์ผู้อาวุโส!ท่านต้องสังหารสองคนนี้ให้ข้า!อสูรเทพต้องเป็นของข้า!”

องค์หญิงหลิวอิ๋งตะโกนเสียงดัง

ถึงแม้จะเป็นพันธะสัญญาครั้งที่สอง นางก็ต้องการอสูรเทพตัวนั้น

นางโกรธมาก ถ้าเป็นคนอื่นที่นางไม่รู้จักนางก็คงไม่โกรธมากขนาดนี้ แต่คาดไม่ถึงว่าจะเป็นเย่จายซิง!

เย่จายซิงเป็นคนแรกที่ทำให้องค์หญิงนั้นต้องพ่ายแพ้ ทั้งตอนนี้ยังเป็นสาวงามอันดับหนึ่งของเฉินตู!

เย่จายซิงเป็นประชาชนคนธรรมดาสถานะต่ำต้อย แต่กลับคว้าอสูรเทพที่ควรจะเป็นของนางนั้นไป ทั้งยังทำพันธะสัญญาสำเร็จไปอีก องค์หญิงหลิวอิ๋ง ทั้งโกรธทั้งรู้สึกไม่ยินยอมสุดๆ

อาจารย์ผู้อาวุโสรับคำสั่ง เขาสั่งคนให้สังหารโม่เสิ่นยวนกับเย่จายซิง

ในขณะนั้นองค์หญิงหลิวอิ๋งก็กล่าวเสียงดังกับคนรอบข้าง

“ข้าคือองค์หญิงหลิวอิ๋งแห่งแคว้นเทพมังกร ใครที่ฆ่าชายหญิงคู่นี้ได้ ข้าจะตบรางวัลให้อย่างงาม!”

ทันทีที่ประโยคนี้ออกมา ผู้คนต่างตอบรับหันไปทางเย่จายซิงสองคนนั้นเพื่อสังหาร

อสูรเทพได้ทำพันธะสัญญาเรียบร้อยแล้ว เดิมทีทุกคนก็ไม่ได้มั่นใจแต่องค์หญิงหลิวอิ๋ง ป่าวประกาศสถานะของตัวเอง และตัวตนที่สูงส่งนี้ทำให้ผู้คนพอใจ

นอกจากนี้ยังมีคนไม่น้อยที่รู้จักองค์หญิงหลิวอิ๋ง ในเวลานี้องค์หญิงเป็นคนเปิดปากพูดเอง บอกให้ลงมือ

มีเพียงคนของหรงจิ่งเฉินที่ไม่ได้เคลื่อนไหว

องค์หญิงหลิวอิ๋ง มองเทาเที่ยที่อยู่ข้างๆเย่จายซิง และเย้ยหยันนางในใจ

จะเป็นยังไงละถ้านางเป็นอีกคนที่ทำพันธะสัญญากับอสูรเทพอีกคน?ยังไงก็เป็นของนางนี่?

สถานะของนางสูงส่งขนาดนี้ และผู้คนมากมายก็อยู่ข้างนางขอแค่นางเปิดปากพูด

แสงสีทองสลายหายไป เย่จายซิงได้เทาเที่ยมาเป็นพันธะวิญญาณแล้ว เมื่อลืมตาขึ้น แสงเส้นสีทองก็วาบผ่านในดวงตา

นางลูบหัวของเทาเที่ย

เทาเที่ย ลืมตาขึ้น “นายหญิง?”

เย่จายซิง......

ช่างมันเถอะ ถึงยังไงตอนนี้มันก็มีพลังต่อสู้เหมือนไข่

นางโบกมือขึ้น เก็บเอาเทาเที่ยเข้าไปในห้วงกาลเวลา และหันมาร่วมสู้เคียงบ่ากับเสด็จอา

มีคนเข้ามามากกว่าสามสิบคน คาดไม่ถึงว่าในนั้นจะมีแปดคนที่เป็นแดนมหาจักรพรรดิทิพย์ที่แข็งแกร่ง ในกลุ่มองค์หญิงหลิวอิ๋ง ทั้งยังพาอาจารย์ผู้อาวุโสมาอีกสองคนเป็นฐานบำเพ็ญแดนมหาจักรพรรดิทิพย์จุดสูงสุด ให้เขาทั้งสองรั้งเสด็จอาไว้

เย่จายซิงเผชิญหน้ากับคนหลายคนในคราวเดียว ถึงจะกินแรงหน่อยแต่กลับเต็มไปด้วยจิตสังหารที่รุนแรง

หรงจิ่นเฉินเหลือบมอง “จวินหยวน” มุมปากเขาก็ยกขึ้น และบินไปที่เย่จายซิง เตรียมเป็นวีรบุรุษปกป้องหญิงงาม

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: บัลลังก์ชายาหมอเทวดา