บัลลังก์ชายาหมอเทวดา นิยาย บท 226

ผีเสื้อตัวจ้อยพลันบินไปทางวังปีศาจ จากนั้นก็บินไปยังทิศทางอาณาเขตของประมุขปีศาจหลัวซา หากแต่บินไปได้ไม่นาน มันก็บินกลับมาทางเดิน ท้ายที่สุดแล้ว มาหยุดลงที่นครปีศาจและมิได้ขยับบินไปที่ใดอีก

ถนนฉื้อเซิ่ง

ฝีเท้าของนางมาหยุดลงที่นี่

ผีเสื้อหิมะค่อยๆ กลายเป็นละอองผุยผงตกลงสู่พื้นดินในทันที ริมฝีปากสีแดงของหลงเฟยฉีพลันยกยิ้มขึ้นสูงไปในทันใด

“พวกเจ้ามานี่ นำกำลังมาปิดล้อมถนนเซิ้งฉือเสีย แม้แต่แมลงวันสักตัวก็อย่าให้บินหนีรอดไปได้”

เหล่าทหารองครักษ์ได้ยินคำสั่งเช่นนั้นพลันตกปากรับคำ พร้อมกับใช้วิชาตัวเบาบินไปปิดล้อมถนนฉื้อเซิ่งในทันที ไม่ว่าผู้ใดก็ไม่อาจเดินทางเข้าออกไปได้

หลงเฟยฉีพลันยกยิ้มขึ้นมาราวกับผู้มีชัย พลางผลัดเปลี่ยนอาภรณ์ของตนแล้วจึงเดินทางมายังถนนฉื้อเซิ่งในทันที

“ฝ่าบาทพ่ะย่ะค่ะ กระหม่อมได้ทำการปิดล้อมถนนเส้นนี้เอาไว้ตามคำสั่งของฝ่าบาทแล้วพ่ะย่ะค่ะส่วนปีศาจฝึกตนทุกคนล้วนแต่รั้งรอฝ่าบาทอยู่ด้านนอก เพื่อรอรับคำสั่งของฝ่าบาทเช่นกันพ่ะย่ะค่ะ”

องครักษ์พลันก้มหน้ากล่าวด้วยความเคารพ

ส่วนเหล่าปีศาจฝึกตนทุกคนที่ได้เห็นหลงเฟยฉีนั้น นัยน์ตาพลันฉายแววเคารพชื่นชมเขายิ่งนัก พวกเขาไม่เคยคิดเลยว่าจักรพรรดิปีศาจของพวกเขานั้น จะรูปงามหาผู้ใดเทียบเคียงได้ยากเช่นนี้

ในสามพันปีจักรพรรดิปีศาจจะมาปรากฏตัวสักครั้งหนึ่ง นับว่าเป็นผู้นำทางจิตวิญญาณของตระกูลปีศาจ

ทว่า แววตาของหลงเฟยหลีกลับมามีท่าทีเมินเฉยยิ่งนักหาได้นึกสนใจเหล่าตระกูลปีศาจที่มองมาหาด้วยท่าทีเคารพนอบน้อมไม่ เพียงเอ่ยออกมาด้วยความเฉยเมยว่า

“ถนนฉื้อเซิ่งเส้นนี้มีสายลับที่ประมุขปีศาจหยวนขุยลอบส่งเข้ามา ข้าจักเป็นคนจัดการด้วยตนเอง”

องครักษ์พลันสั่งการให้เหล่ามารผู้ฝึกตนจัดกระบวนแถว พร้อมกับสั่งให้เดินไปยังเบื้องหน้าของหลงเฟยฉี หากผู้ใดมิได้ถูกตั้งข้อสงสัยก็สามารถจากไปได้ในทันที

เนื่องจากว่า ทักษะการปลอมแปลงกายของแมวป่าน้อยของเขาเป็นเลิศยิ่งนัก หลงเฟยหลีจึงจำเป็นต้องตรวจสอบโดยละเอียด เพื่อป้องกันไม่ให้แมวป่าน้อยของเขามาถึงวังตนเองแล้ว ลอบกลับออกไปได้ง่าย

เขาอดทนยิ่งนัก เสมือนกับแมวที่กำลังรอตะครุบหนูก็ไม่ปาน

เขามั่นใจเป็นอย่างยิ่งว่า นางจะต้องปะปนรวมอยู่ในนี้เป็นแน่ นางจักต้องรู้สึกตื่นเต้นทั้งยังตกใจกลัวอย่างแน่นอน แต่ใจนางหาญกล้ายิ่งนัก ย่อมไม่เปิดเผยสีหน้าของตนเองออกมาแน่ ทว่า ทุกวินาทีที่ผ่านไปนั้น เกรงว่านางคงจะต้องกระวนกระวายใจมากแน่ ๆ เลย

หลงเฟยหลีนึกสนุกกับวิธีการแมวไล่จับหนูเช่นนี้ยิ่งนัก

หลังจากตรวจสอบมานานกว่าครึ่งชั่วยามแล้ว จึงเหลือปีศาจฝึกตนอยู่ไม่ถึงสิบกว่าคนแล้วเช่นกัน

เขาพยายามที่ถ่วงเวลาให้ช้าๆ เข้าไว้ เพื่อทำให้นางกระวนกระวายใจมากยิ่งขึ้น

ผ่านไปครู่หนึ่ง สายตาของเขาพลันไปตกอยู่บนร่างของบุรุษธรรมดาผู้หนึ่ง นัยน์ตาของชายผู้นั้นนิ่งสงบราวกับไม่แยแสสิ่งใด ทั้งยังเต็มไปด้วยความมั่นใจมากมาย แม้ว่าพลังฝึกตนจะมิได้มาก หากแต่แววตากลับไปหลบหลีกเลยแม้แต่น้อย ดูเป็นคนที่ซื่อตรงยิ่งนัก

ภายในใจของหลงเฟยหลีพลันส่งเสียงออกมา ในตอนที่เจ้าแมวป่าถูกเขาดูดเลือดไปนั้น ยามที่นางถูกเขาจับขังเอาไว้ นางก็มีท่าทีนิ่งเฉยเช่นนี้เหมือนกัน

นางปลอมกายเป็นบุรุษ ไม่แปลกใจเลยที่เขาเฟ้นหานางสนมมากมายแล้ว กลับไม่อาจหานางพบ

หลังจากที่ปล่อยปีศาจฝึกตนคนอื่นไปแล้วนั้น คนสุดท้ายจึงเหลือแต่เพียงบุรุษผู้นั้นแล้ว

หลงเฟยหลีจึงเดินหน้าเข้าไปหาบุรุษผู้นั้นในทันที

เมื่อบุรุษผู้นั้นมองมาที่หลงเฟยหลี หลังจากที่เขาสูดลมหายใจเข้าไปเพียงไม่กี่ครั้ง ก็มิอาจดึงดันต่อไปได้ในทันที พลางก้มหน้าลง นิ้วมือพลันสั่นเทา นัยน์ตาพลันเต็มไปด้วยความรู้สึกหวาดผวาเสียมากมาย

รอยยิ้มของหลงเฟยหลีที่ยิ้มเมื่อครู่จึงหุบลงไปในทันที พร้อมทั้งนัยน์ตาที่ฉายแววอันตรายขึ้นมา

ไม่ใช่นาง!

ไม่ใช่นางจริงๆ !

ตู้ม!

บุรุษผู้นั้นพลันนั่งคุกเข่าลงภายใต้การข่มขู่ของเขา พร้อมกับอดมิได้ที่จะส่งเสียงร้องขอให้ไว้ชีวิตตนเองขึ้นมา แววตาของเขามิได้มีท่าทีนิ่งเฉยอีกต่อไป

“ท่านจักรพรรดิปีศาจโปรดไว้ชีวิตกระหม่อมด้วยพ่ะย่ะค่ะ!ข้าน้อยเพียงถูกท่านเจ้าแคว้นหมีดำมอบหมายให้อยู่สืบข่าวคราวอยู่ที่เมืองนครปีศาจเท่านั้น ทว่า ข้อน้อยมิได้ทำสิ่งใดที่มิควรทำลงไปนะพ่ะย่ะค่ะ!”

“แคว้นหมีดำ!”

เป็นแคว้นหมีดำอีกแล้ว

หลงเฟยหลีพลันกัดฟันกล่าวออกมา นางไปที่แคว้นหมีดำมากี่รอบแล้วกัน ราวกับว่าที่นั่นมีคนที่นางคอยเป็นห่วงเป็นใยอย่างไรอย่างนั้น!

“กระจายคำสั่งลงไป เผาแคว้นหมีดำไปให้สิ้นซากเสีย! ข้าหวังว่าวันพรุ่ง ก่อนที่ดวงจันทร์จะลอยขึ้นฟ้า ในใต้หล้าจักต้องไม่มีชื่อแคว้นหมีดำอยู่อีกต่อไป!”

เขาโมโหยิ่งนัก จึงได้นำอารมณ์โกรธของตนเองทั้งหมดไประบายที่แคว้นหมีดำในทันที

ทั้งๆ ที่คนอยู่ใต้จมูกเขาแท้ๆ แต่กลับปล่อยให้นางหนีไปได้เสียอย่างนั้น!

บุรุษที่เป็นปีศาจฝึกตนพลันนั่งตัวสั่นเทาอยู่บนพื้น เพียงแค่หลงเฟยหลีกางมือตบเขาไปเพียงแค่ฉากเดียว ทั่วร่างพลันกลายเป็นกองเลือดไปในทันที

เหล่าปีศาจฝึกตนที่มองเห็นเหตุการณ์อยู่ที่ไกลๆนั้น ก็พลันเกิดความหวาดกลัวขึ้นภายในใจ

สีหน้าของหลงเฟยหลีน่าเกลียดยิ่งนัก มืดมนเสียจนราวกับมีหยดน้ำไหลออกมา ใบหน้าที่หล่อเหลาของเขาเย็นชาเสียจนดูน่ากลัวยิ่งนัก

ในเมื่อนางหนีไปแล้ว!

เวทย์ติดตามตัวจึงใช้ได้เพียงแค่สามวันต่อหนึ่งครั้งเท่านั้น

หลงเฟยหลีจึงได้แต่ต้องรอไปอีกสามวัน!

……

ฝั่งของเย่จายซิงหลังจากที่นางหนีออกมาจากโรงเตี๊ยมได้ จึงพอคลับคล้ายคลับคลาว่า ถนนเส้นนั้นโดนปิดล้อมเอาไว้แล้ว อีกทั้งจักรพรรดิปีศาจเองยังเป็นคนลงไปจับหาสายลับด้วยตนเองอีกด้วย

หากนางช้าไปเพียงครู่เดียวละก็ นางคงจะโดนขังอยู่ภายในถนนเส้นนั้นเป็นแน่ อันตรายยิ่งนัก

ในยามนั้น นางกำลังฝึกตนอยู่ในห้วงกาลเวลา จู่ๆ เจ้าไป๋พลันบอกให้นางไปซื้อปี้เสว่หรงซามาตระเตรียมเอาไว้ เนื่องจากว่าพู่เทพในยามนี้ เติบโตได้ดียิ่งนัก ทั้งยังดูดซึมซับสารอาหารได้มากอีกด้วย

แม้ว่าจะเตรียมเอาไว้มากก็ตาม แต่เกรงว่า ใช้เวลาไม่กี่ปีนางก็คงอาจจะใช้หมดแล้ว

หลังจากที่นางออกจากโรงเตี๊ยม เพื่อที่จะไปซื้อปี้เสว่หรงซาที่ตลาดมืดของเมืองนครปีศาจนั้น

นางไม่คิดเลยว่า มันจะเป็นช่วงเวลาเหมาะเจาะที่ทำให้นางสามารถหลุดพ้นจากอันตรายได้เช่นนี้

เย่จายซิงพลันลูบไปที่คางของตนเอง พร้อมพูดกับเจ้าไป๋ว่า

“เจ้าไป๋ข้าว่าเป็นเพราะพลังพรสวรรค์ของเจ้าเกิดผลเป็นแน่เลย”

ไป๋เจ๋อที่เป็นถึงอสูรเทพนั้น มันย่อมมีความสามารถเหนือธรรมชาติ นั่นก็คือการกลับร้ายให้เป็นดี

เสมือนกับความสามารถเหนือธรรมชาติของเทาเที่ย ที่มันสามารถมองเห็นว่าผู้ใดมีเมตตาหรือผู้ใดรังเกียจมันได้ หลังจากที่มันทำพันธสัญญากับจิตวิญญาณของตนเองแล้วนั้น มันก็มีความสามารถเช่นนี้เช่นกัน

คล้ายกับวันนี้ ที่เจ้าไป๋มิได้รู้เลยว่าภัยอันตรายกำลังจะมาเยือน แต่ในยามนั้น เป็นช่วงเวลาที่นางจะต้องออกไปซื้อปี้เสว่หรงซาพอดี ดังนั้นนางจึงรอดพ้นจากเคราะห์ร้ายมาได้

นี่มิใช่การกลับร้ายให้กลายเป็นดีหรือ

เมื่อเจ้าไป๋ได้ยินเย่จายซิงพูดเช่นนั้น มันก็พลันตกตะลึงไปในทันที

“ข้ามีความสามารถเหนือธรรมชาติเช่นนั้นด้วยหรือ? หรือเป็นเพราะข้ากินพู่เทพเข้าไป มันจึงทำให้จิตวิญญาณของข้าแข็งแกร่งขึ้นมาไม่น้อยเลย!”

มันกล่าวออกมาด้วยความตื่นเต้น

ในตอนที่มันเป็นเพียงจิตวิญญาณนั้น นอกจากมันจะมีความรู้มากมายและคอยช่วยดูไร่นาโอสถแล้ว มันก็สามารถช่วยเหลืออะไรนายตนเองได้เลยแม้แต่น้อยหลังจากที่มันฟื้นฟูความสามารถเหนือธรรมชาติขึ้นมาแล้วนั้น มันก็สามารถเปลี่ยนความโชคร้ายของนายท่านให้กลายเป็นดีได้ ดียิ่ง !

“แม้ว่า มันอาจจะไม่ได้เป็นเช่นนี้เสมอไป อีกทั้งข้ายังอยู่ห่างไกลจากตัวตนที่แท้จริงของตนเองมากนัก”

เจ้าไป๋พูด

เย่จายซิงพลันแย้มยิ้มพูดขึ้นมาว่า

“ไม่เป็นไร ช้าๆ ก็ได้ เจ้าก็กินพู่เทพเข้าไปให้มากหน่อย จิตวิญญาณของเจ้าจะได้แข็งแกร่งขึ้นมาเร็วไว ต่อจากนี้ ความสามารถเหนือธรรมชาติของเจ้าก็จะแข็งแกร่งตาม วันนี้เจ้าไป๋ก็นับว่าช่วยข้าได้มากแล้ว มิเช่นนั้นข้าคงจะกลายเป็นกองเลือดเหมือนบุรุษปีศาจฝึกตนผู้นั้นแน่ ”

“แต่นั่น ก็เป็นเพราะนายท่านดวงดีด้วย! ทว่า โลกปีศาจอันตรายยิ่งนัก นายท่านจักต้องระมัดระวังตัวตนทุกย่างก้าว”

เย่จายซิงพลันพยักหน้าลง นางตัดสินใจที่จะไม่พักที่โรงเตี๊ยมแล้ว หากไม่ง่วงนางก็ไม่นอน เช่นนี้นางจะได้มีโอกาสหนีได้ไวขึ้น อีกทั้งนางยังต้องมีสติระมัดระวังตนเองถึงจะถูก

เช้าวันที่สอง ผู้ที่พากันไปชุลมุนอยู่หน้าประตูเมืองรวมไปถึงเย่จายซิงนั้น ก็พลันได้ยินข่าวจากนอกเมืองส่งมาในทันที

จักรพรรดิปีศาจองค์ใหม่ที่ได้นำกำลังปีศาจฝึกตนที่แข็งแกร่งออกไปนั้น ทั้งหมดถูกประมุขปีศาจหยวนขุยฆ่าตายหมดแล้ว

อีกทั้งประมุขปีศาจหยวนขุยเองก็ได้นำกำลังปีศาจฝึกตนนับล้านมุ่งหน้าขึ้นมายังทิศเหนือ เพื่อทำกำลังต่อต้านกับจักรพรรดิปีศาจองค์ใหม่และสถาปนาตนเองขึ้นเป็นพระราชา

อย่างมากคงใช้เวลาอีกสองวันกระมังปีศาจฝึกตนนับล้านถึงจะมาถึงนอกเมืองนครปีศาจ!

เย่จายซิงทั้งดีใจทั้งเป็นกังวล

สิ่งที่นางเป็นกังวลนั้น ยามที่จักรพรรดิปีศาจองค์ใหม่ลงมือ มีปีศาจฝึกตนเป็นจำนวนมากที่ได้เห็นฝีมือของเขาที่เหนือกว่าขั้นปีศาจมหาจักรพรรดิทิพย์ไปแล้วถึงแม้ว่ามันจะเป็นเพียงเศษเสี้ยวเล็กๆ ของภูเขาน้ำแข็งก็ตาม แต่นั่นก็หมายความว่าเขาได้ผ่านขั้นปีศาจเทวทิพย์มาแล้ว เหลือแต่เพียงการฝึกตนขั้นปีศาจมงกุฎทิพย์เท่านั้น

การฝึกตนขั้นปีศาจเทวทิพย์และขั้นปีศาจมงกุฎทิพย์นั้น เปรียบเสมือนมนุษย์ที่ฝึกตนไปถึงแดนเทวทิพย์และแดนมงกุฎทิพย์เช่นกัน หากว่าจักรพรรดิปีศาจองค์ใหม่สามารถฝึกตนไปถึงขั้นปีศาจมหาจักรพรรดิทิพย์ได้แล้วไซร้ ความสามารถของเขาคงสูงส่งราวกับติดปีกบินเลยทีเดียว

หากแต่เผ่ามนุษย์นั้นผ่านมาหลายหมื่นปีแล้วที่มิเคยมีผู้ใดสามารถฝึกตนไปถึงขั้นแดนมงกุฎทิพย์เลยสักครั้ง ผู้ที่สามารถฝึกตนไปถึงขั้นสูงสุดในยามนี้มีเพียง ไท่ซ่างหวงของแคว้นเทพมังกรเท่านั้น ที่ปิดตัวฝึกตนมายาวนานหลายปี แม้ว่าจะฝึกตนไปถึงขั้นแดนเทวทิพย์แล้ว แต่ทว่ายังเป็นเพียงขั้นต้นของแดนเทวทิพย์เท่านั้น

หากว่าจักรพรรดิปีศาจองค์ใหม่ได้รับการอภิเษกจากบรรพบุรุษเผ่าปีศาจทั้งหมดแล้วไซร้ และยังฝึกตนไปถึงขั้นปีศาจมงกุฎทิพย์อีก เช่นนั้นเสด็จอาจะเป็นคู่ต่อสู้ของเขาได้หรือ?

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: บัลลังก์ชายาหมอเทวดา