บัลลังก์ชายาหมอเทวดา นิยาย บท 227

“เจ้าไป๋ ถ้าหากจักรพรรดิปีศาจองค์ใหม่สามารถฝึกตนจนไปถึงขั้นปีศาจมงกุฎทิพย์ได้แล้วนั้นเจ้าว่าพวกเราจะสามารถชนะเขาได้หรือไม่ ?”

เย่จายซิงที่ดื่มชาอยู่ในโรงน้ำชาอยู่นั้น นางก็ได้ใช้จิตตื่นรู้พูดคุยกับเจ้าไป๋ที่อยู่ในห้วงกาลเวลาไปด้วย

แม้ว่าเจ้าไป๋จะสูญเสียความทรงจำไปมากกว่าครึ่งแต่ทว่ามันก็ยังมีขอบเขตความรู้ที่กว้างขวางอยู่ หากนางไม่รู้เรื่องอะไร เจ้าไป๋มักจะสามารถตอบคำถามนางได้ถึงเก้าส่วน

“ปีศาจมงกุฎทิพย์ ?”

เจ้าไป๋พลันส่งเสียง “ฮึ” ออกมา พร้อมกับพูดว่า “หากว่าฝึกตนจนกลายเป็นปีศาจมงกุฎทิพย์ได้แล้วนั้น ความหวังก็แทบจะเลือนรางแล้ว ถ้าเป็นขั้นแดนเทเวศร์ปีศาจแล้วก็มิต้องพูดอันใดให้มากความ ”

หากว่าเหนือกว่าปีศาจมงกุฎทิพย์ไปอีกนั้น เขาคงกลายเป็นเทพเซียนอย่างแน่นอน

ทว่า นางและโม่เสิ่นหยวนฝึกตนถึงแค่ขั้นแดนมหาจักรพรรดิทิพย์ แม้ว่าขั้นที่เหลือจะมิได้ห่างชั้นกันมาก หากแต่มันก็สามารถสร้างความแตกต่างได้มากมายเช่นกัน มิต้องพูดถึงการห่างชั้นของสองขั้นหลักเลย

เย่จายซิงได้แต่ถอนหายใจออกมา จักรพรรดิปีศาจองค์ใหม่ช่างแข็งแกร่งยิ่งนัก นางกลัวว่า แม้ว่าเสด็จอาจะพาเหล่าปีศาจฝึกตนมานับล้านนาย ก็คงจะไม่อาจทำลายจักรพรรดิปีศาจองค์ใหม่ได้สักนิดกระมัง

แต่มันก็แค่นั้น นางกลัวว่าเสด็จอาจะบาดเจ็บเสียมากกว่า

“ก่อนที่เสด็จอาจะมาถึง ข้าคงจะต้องหาทางลองเชิงการฝึกตนของจักรพรรดิปีศาจองค์ใหม่ให้ได้กระมัง ว่าเขาฝึกตนไปถึงขั้นแดนเทพปีศาจหรือแดนเทเวศร์ปีศาจแล้ว หากเป็นเช่นนั้นจริง ข้าจะได้รีบบอกกับเสด็จอาได้ทันท่วงที ”

ทว่านางจะลองเชิงเช่นไรดีล่ะ?

“นายท่าน ข้าว่าจักรพรรดิปีศาจองค์ใหม่ยังมิได้ฝึกตนไปถึงขั้นแดนเทเวศร์ปีศาจหรอก ทว่า เรื่องการได้รับการอภิเษกจากบรรพบุรุษเผ่าปีศาจนั้น ถูกเลื่อนเวลาออกไปมานานนับหมื่นปี แม้ว่าจักรพรรดิองค์ใหม่จะแข็งแกร่งเพียงใด แต่มันก็ยังมีข้อจำกัดอยู่ ”

เจ้าไป๋พูดปลอบใจเจ้านายของตน

เจ้าไป๋พูดขึ้นมาว่า “ หากว่าเขาเสามารถขึ้นไปถึงขั้นแดนเทพปีศาจได้จริง ทั้งนายท่านและเซ่าตี้จักต้องร่วมมือกันทั้งในและนอก ถึงจักสามารถขัดขวางจักรพรรดิปีศาจองค์ใหม่ได้ช่วงระยะเวลาหนึ่ง พวกท่านจะต้องทำให้พลังงานของโลกปีศาจได้รับการสูญเสียเสียก่อน ”

“ข้าจะร่วมมือทั้งในและนอกเช่นไรล่ะ? เจ้าไป๋ ข้าสามารถทำเช่นไรได้บ้าง?”

นัยน์ตาของเย่จายซิงพลันเปล่งประกายออกมา ยามที่พูด

“นายท่านสามารถปรุงพิษขึ้นมาได้อย่างไรล่ะ นายท่านมีความสามารถในด้านการปรุงพิษจะตายไป ขอเพียงแค่หาโอกาสในการวางยาพิษจักรพรรดิปีศาจองค์ใหม่ได้ เพื่อให้ความแข็งแกร่งของเขาลดลง เท่านี้ทุกอย่างก็ง่ายดายขึ้นแล้ว”

“แต่ปัญหามันอยู่ที่ว่า ข้าไม่สามารถเข้าไปใกล้จักรพรรดิปีศาจองค์ใหม่ได้นะสิ ถึงแม้ว่าข้าจะสามารถเข้าไปใกล้ได้ แต่จะหาโอกาสเช่นไรไปวางยาพิษเขา”

เจ้าไป๋เองก็ได้แต่ถอนหายใจออกมา “นายท่าน ท่านมิได้บอกหรือว่าจักรพรรดิปีศาจองค์ใหม่ฆ่าคนราวกับผักกับปลาน่ะดูอย่างไรก็ไม่มีทางให้เข้าไปใกล้ชิดเขาได้เลยแม้แต่น้อย แต่ในยามนี้พวกเราก็มิได้มีทางเลือกอื่นแล้ว”

เย่จายซิงหรือจะไม่รู้ว่านางไม่มีทางเลือกอื่นแล้ว นางมีวัตถุดิบปรุงพิษอยู่ในมือเสียมากมาย ล้วนแต่เป็นวัตถุดิบที่นางค่อยๆ รวบรวมมันขึ้นมา ทว่านางก็นำมันมาปรุงยาพิษและโอสถพาไม่น้อยเช่นเดียวกัน

เฉกเช่นผงพิษที่ไร้สีไร้กลิ่น ที่เรียกว่ายาผงสลายวิญญาณ แม้ว่าประโยชน์ของมันจะมิได้ยิ่งใหญ่ตามชื่อ ทว่า มันสามารถยั้งยับการฝึกตนได้เป็นอย่างดี ยิ่งมีปริมาณมากเท่าใด ความสามารถในการยับยั้งย่อมมากขึ้นตาม

ขอเพียงแค่นางมีทางลอบเข้าวังเพื่อเข้าไปใกล้ชิดจักรพรรดิปีศาจองค์ใหม่และหาวิธีลอบวางยาพิษใส่ลงไปในถ้วยน้ำชานั้น มันย่อมสามารถยับยั้งการฝึกตนของเขาได้ในระดับหนึ่ง

ทว่า ผงสาววิญญาณทำขึ้นมาได้ยากยิ่ง อีกทั้งวัตถุดิบที่จำเป็นก็หาได้น้อย ในห้วงกาลเวลาของนางมียาผงสลายวิญญาณเพียงแค่สามกรัมเท่านั้น

เพียงแค่นางนำยาผงสลายวิญญาณละลายลงไปในน้ำ หากว่าจักรพรรดิปีศาจองค์ใหม่มิได้ดื่มมันเข้าไปละก็ นับว่าสิ้นเปลืองอย่างแท้จริง อีกทั้งเย่จายซิงเองก็มิได้มียาผงสลายวิญญาณมาใช้มากมายถึงเพียงนั้น

นางจักต้องมั่นใจในการลงมืออย่างเต็มร้อยเสียก่อน ถึงจะได้นำยาผงสลายวิญญาณเทเข้าไป

“เมื่อวานข้าเห็นมีป้ายประกาศรับนางกำนัลและขันทีอยู่หน้าจวนเจ้านคร ข้าจะไปลองสมัครดู!”

เย่จายซิงพลันจับแก้วน้ำชาเอาไว้แน่น จากนั้นจึงลุกขึ้นยืน พร้อมกับทิ้งหินปีศาจเอาไว้สองสามก้อนและมุ่งหน้าตรงไปยังจวนเจ้านครในทันที

ในยามนี้นครปีศาจได้ถูกปิดล้อมเอาไว้หมดแล้ว ผู้คนเข้าเมืองได้แต่มิอาจออกไปได้ เย่จายซิงเองก็ไม่สามารถลอบออกไปได้เช่นกัน ดังนั้น นางไม่สามารถนั่งรอนอนรอเสด็จอายกทัพมาประชิดเมืองได้อีก นางต้องหาทางช่วยเหลือเสด็จอาให้ได้

เมื่อใกล้จะถึงจวนเจ้านครแล้วนั้น เย่จายซิงก็พลันลอบมองซ้ายขวา ก็พบว่ามิได้เหล่าตระกูลปีศาจที่มาสมัครเป็นนางกำนัลและขันทีมิได้มีมากมายนัก

แต่ก็นับว่าเป็นเรื่องปกติ ถึงแม้ว่าการเป็นนางกำนัลและขันทีจะได้อัดรายเดือนเยอะ ทว่า วังปีศาจมักจะมีคนตายเป็นประจำ อีกทั้งลักษณะนิสัยของจักรพรรดิปีศาจองค์ใหม่ก็ยังไม่อาจเอาแน่เอานอนได้ เพียงเพื่อหินทิพย์เพียงไม่กี่ก้อน ผู้ใดจะกล้าเอาชีวิตตนเองไปแขวนไว้กับเส้นด้ายกัน

ผู้ที่เข้าวังไปเป็นนางกำนัลและขันทีนั้น ย่อมเป็นที่ใช้ชีวิตอยู่ด้านนอกมาอย่างยากลำบากถึงได้เลือกที่จะมาทำงานเป็นนางกำนัลและขันมีในวังเช่นนี้ พวกตระกูลปีศาจที่ไม่อาจฝึกตนได้ หรือว่ามีครอบครัวที่ยากลำบากนั้น พวกเขาถึงยอมเข้าวังอย่างไม่มีทางเลือกแทน

แต่ทว่า ตระกูลปีศาจที่เข้ามาสมัครเป็นนางกำนัลและขันทีภายในวังมีน้อยมากเสียจนน่าตกใจ ท่านผู้เฒ่าเจ้านครเลยส่งสายสืบเข้าไปอยู่ภายในตระกูลปีศาจต่างเพื่อสอบถามสถานการณ์ให้แน่ชัด ถึงอย่างไรการรับใช้จักรพรรดิปีศาจองค์ใหม่ ย่อมมิอาจทำให้เกิดข้อผิดพลาดได้เลยแม้แต่น้อย

เย่จายซิงพลันเดินไปเดินมาเพื่อหาที่ลับตาไว้ผลัดเปลี่ยนอาภรณ์เป็นสตรี พร้อมทั้งกลืนยาแปลงโฉมเขาไปและแต่งหน้าของตนเองขึ้นมาใหม่

เย่จายซิงพลันแปลงโฉมเป็นสตรีหน้าตาบ้านๆ ทว่า คิ้วและดวงตาของนางกลับทำให้ผู้อื่นที่ได้พบเห็นรู้สึกว่านางเป็นปีศาจฝึกตนที่เชื่อฟังคำสั่ง ด้วยรูปลักษณ์เช่นนี้ ย่อมทำให้ผู้อื่นรู้สึกได้ถึงความประทับใจและลดการป้องกันตัวจากพวกเขาลง

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: บัลลังก์ชายาหมอเทวดา