บัลลังก์ชายาหมอเทวดา นิยาย บท 228

เย่จายซิงที่เป็นนางกำนัลตัวน้อยเพิ่งเข้าวังได้ไม่นานนั้น นางพลันทำท่าตื่นตระหนกขึ้นมาพร้อมกับทำท่าทางประหม่าออกมาอย่างเต็มที่ จากนั้นก็ก้มหน้าเดินไปพร้อมกับนางกำนัลที่เข้ามาใหม่ที่ถูกนางกำนัลชั้นผู้ใหญ่พาเดินเข้าไปในตำหนักของเจ้านาย

ยังมิทันจะออกเดินไปได้กี่ก้าว ก็พลันมีแสงจากด้านหลังตะโกนขึ้นมาว่า “หยุดเดี๋ยวนี้”

เย่จายซิงพลันเงยหน้ามองขึ้นมา ก็พลันเห็นนางกำนัลชั้นผู้ใหญ่คนหนึ่งกำลังมองมาที่นางด้วยสายตาเย็นชา

“ปิงเฉียว มีนางกำนัลมาใหม่ถึงหกนาง เจ้าพาไปสองนาง พวกข้าอีกห้าตำหนัก ไม่ใช่ว่าจะมีนายหญิงคนหนึ่งที่มิได้รับนางกำนัลไปหรือ? พวกเจ้าวังยู่เหออย่าได้ทำเหิมเกริมไปมากกว่านี้เลย!”

ที่แท้นางกำนัลชั้นผู้ใหญ่พาพวกนางมามีนามว่ายู่เหอ

ปิงเฉียวเพียงแย้มยิ้มออกมาด้วยความเย็นชา พร้อมทั้งจับจ้องไปที่นางกำนัลผู้นั้น

“เมิ่งชิววังในยามนี้ผู้ใดเป็นที่โปรดปรานมากที่สุด คนผู้นั้นย่อมมีสิทธิ์ที่จะได้รับข้ารับใช้ไปมากที่สุด พวกเจ้าทุกคนก็เห็นด้วยตาของตนเองแล้วไม่ใช่หรือ หากพวกเจ้าไปพอใจ พวกเจ้าก็ไปร้องเรียนกับจักรพรรดิปีศาจเอาเองละกัน!”

“ท่านจักรพรรดิปีศาจย่อมไม่สนใจมาจัดการเรื่องเล็กน้อยเหล่านี้!”

ปิงเฉียวเพียงแย้มยิ้มออกมาพร้อมกับพานางเย่จายซิงและนางกำนัลตัวน้อยอีกคนหนึ่งเดินยกเท้าสูงออกมาไปด้วยท่าทางมั่นใจ

นั่นเป็นเพราะวังหลังยังมิเจ้านายคนใหม่ อีกทั้งจักรพรรดิปีศาจก็มิได้คิดสนใจมาจัดการกับวังหลัง ดังนั้นผู้ที่ลงมือไวที่สุดย่อมเป็นผู้ที่แข็งแกร่ง!

เมิ่งชิวโมโหเสียเป็นฟืนเป็นไฟ พร้อมกับก้าวไปด้านหน้า พร้อมกับเลือกนางกำนัลที่ไปสองคน จากที่มีเหลืออยู่เพียงสี่คน

นางต่อกรกับปิงเฉียว นั่นก็เป็นเพราะว่านายหญิงของพวกนางทั้งสองมิถูกกัน พวกนางที่เป็นข้ารับใช้ข้างกายทำอะไรจึงต้องคิดแทนนายของตนด้วยเช่นกัน

ในเมื่อปิงเฉียวเลือกไปสอง เช่นนั้นนางก็จะไม่ยอมแพ้ ส่วนนางกำนัลที่เหลืออยู่ของแต่ละตำหนัก จึงไปแย่งชิงนางกำนัลที่เข้ามาใหม่กันแทน จนกระทั่งเกิดการลงไม้ลงมือกันขึ้นมา

ทว่า ภาพเหตุการณ์ที่น่าชมเช่นนี้เย่จายซิงมิอาจมองดูได้ นางเดินตามปิงเฉียวจนมาถึงตำหนักยู่เหอในทันที

เนื่องจากวังหลังยังมิได้มีเจ้านายคนใหม่ ชื่อตามตำหนักนั้นจึงถูกเรียกขึ้นตามนามของเจ้าของ เพื่อที่จะได้ง่ายต่อการเรียกชื่อ อีกทั้งยังมิทำให้เกิดความสับสนวุ่นวายอีกด้วย

“นายหญิงเจ้าค่ะ ข้าน้อยพานางกำนัลมาเพิ่มอีกสองนางแล้วเจ้าค่ะ ท่านอยากจะพบกกับพวกนางหรือไม่เจ้าคะ?”

ปิงเฉียวพูดกับยู่เหออย่างเอาอกเอาใจ

มือเรียวคู่หนึ่งพลันยื่นออกมาจากหลังม่าน “ให้พวกนางเข้ามา”

เย่จายซิงจึงเดินเข้าไปด้านใน พร้อมทั้งโค้งกายทำความเคารพ “ข้าน้อยเสี่ยวฮวาขอเข้าเฝ้านายหญิงเจ้าค่ะ”

ใช่ เสี่ยวฮวาคือชื่อปลอมของเย่จายซิง ชื่อเต็มของมันก็คือหลิวเสี่ยวฮวา

นางกำนัลอีกคนหนึ่งจึงพูดขึ้นมาว่า “ข้าน้อยหยุนซินขอเข้าเฝ้านายหญิงเจ้าค่ะ”

“เสี่ยวฮวา? ข้ามิได้ยินชื่อบ้านนอกเช่นนี้มานานหลายปีแล้ว”

ยู่เหอพลันลุกขึ้นมาจากตั่งกุ้ยเฟย ใบหน้าสวยยิ่งนัก งดงามราบบุปผาเลยทีเดียว สายตาของยู่เหอพลันตกลงมาบนตัวของเย่จายซิง เมื่อเห็นท่าทางของนางนั้น ก็พลันส่งเสียงประชดออกมา พร้อมกับมองไปยังนางกำนัลที่มีนามว่าหยุนซิน

หยุนซินมีรูปลักษณ์ดูดีกว่าเย่จายซิงมาก ผิวที่ยาวเนียน ดูท่าทางอ่อนน้อมถ่อมตน ลูกตาของนางกลอกไปมาสองสามครั้ง พินิจอย่างไรก็รู้สึกได้ถึงความมีชีวิตชีวา

“มาได้เวลาพอดีเลย เจ้า นำน้ำแกงบำรุงร่างกายของข้าไปมอบให้กับจักรพรรดิปีศาจเสีย”

ยู่เหอชี้ไปทางหยุนซินพร้อมกล่าวออกมา

หยุนซินพลันตกตะลึงจนเงยหน้าขึ้นมามองในทันที พร้อมกับเผยท่าทีประหม่าออกมาว่า “ข้า ข้อน้อยเพิ่งเข้ามาได้ไม่นาน จึงมิรู้กฎเกณฑ์คำสอนใดๆเลยเจ้าค่ะ เกรงว่าจะเป็นการล่วงเกินจักรพรรดิปีศาจเข้า!”

นางกลัว เพราะว่าจักรพรรดิปีศาจองค์ใหม่ป่าเถื่อนยิ่งนัก นางกลัวว่าหากไม่ระมัดระวังไปทำให้พระองค์ทรงกริ้วเข้าละก็ อาจจะถูกตัดหัวเข้าได้

ยู่เหอแย้มยิ้มออกมา พร้อมกับมองไปที่เล็บของตัวเองและกล่าวออกมาว่า

“เจ้ามิต้องเป็นกังวลไปจักรพรรดิปีศาจของพวกเจ้าหาใช่คนคิดเล็กคิดน้อยเช่นนั้นไม่ อีกทั้งข้ากำลังให้โอกาสเจ้าอยู่เจ้าไม่เข้าใจงั้นหรือ? ท่านจักรพรรดิปีศาจชื่นชอบสตรีที่มีดวงตาสวย ข้าว่าดวงตาของเจ้าไม่เลวเลย หากว่าเจ้าสามารถทำให้จักรพรรดิชมชอบได้ละก็ ต่อไปพวกเราก็จะได้นั่งอยู่ในฐานะเดียวกันเสียที”

เย่จายซิงที่เห็นการแก่งแย่งชิงบัลลังก์ในวังหลังมามากมายนั้น นางหมดคำพูดจริงๆ

แผนการของยู่เหอชัดเจนเกินไปหรือไม่ นี่มิใช่เป็นการยืมมือนางกำนัลที่เข้ามาใหม่เพื่อไปลองใจจักรพรรดิปีศาจงั้นหรือ?

อีกทั้ง ลักษณะนิสัยของจัดรพรรดิมารองค์ใหม่ยังมิมีผู้ใดคาดเดาได้ ยู่เหอถึงได้นำแผนการของตนไปวางไว้บนนางกำนัลที่เข้ามาใหม่เช่นนี้

ไม่ว่าจะมองซ้ายขวายังไง ก็เป็นเพียงนางกำนัลเท่านั้น

นับว่าโชคดีที่นางเป็นสตรีบ้านๆ ดวงตามิได้สวยงาม มิเช่นนั้นผู้ที่ได้ไปส่งน้ำแกงบำรุงร่างกายคงต้องเป็นนางอย่างแน่นอน

นางไม่อยากจะด่วนไปเร็วๆ นี้ จักรพรรดิปีศาจจะดื่มหรือไม่นั้นไม่มีผู้ใดมั่นใจได้ หากว่าจักรพรรดิปีศาจดื่มลงไปในยามนี้ กว่าเสด็จอาจะมาถึงก็ช้าไปเสียแล้ว

ประสิทธิภาพของยาผงสลายวิญญาณมิได้อยู่นานมากนัก

ดวงตาของหยุนซินพลันครุ่นคิดไปมา ราวกับว่ามิอาจปกปิดความโลภภายในใจเอาไว้ได้ นางผ่านวันเวลาที่ยากลำบากมานานเป็นสิบๆปี หากนางพยายามอีกสักหน่อยใครจะไปรู้ว่า นางอาจจะกลายเป็นเจ้านายคนใหม่ของวังหลังก็เป็นได้?

นางไม่อาจฝึกตนได้ เนื่องจากภูมิหลังครอบครัวไม่เอื้ออำนวย แม้ว่านางจะออกจากวังอีกห้าปีต่อจากนี้ สามารถได้หินปีศาจมาก้อนหนึ่งนั้น ก็ไม่อาจจะใช้มันไปได้ทั้งชีวิต

ทว่า หากนางสามารถเป็นสตรีของจักรพรรดิปีศาจได้แล้วไซร้ เช่นนั้น ชั่วชีวิตของนางก็มิต้องยากลำบากแสนเข็ญอีกต่อไปแล้ว อีกทั้งยังมีคนคอยรับใช้นางอีก

แต่เดิม นางอยากจะเป็นสนม ทว่า ป้าสะใภ้ที่น่ารังเกียจของนางไม่ยอมให้นางออกจากประตูบ้าน ทั้งยังมอบงานให้นางทำล้มมือมากมายอีก วันนี้ นางถึงได้มีโอกาสลอบออกมา

หากว่านางเป็นนางกำนัลในวังนั้น สามารถอยู่ในวังได้ถึงห้าปี ในเมื่อนางไม่อาจเข้าคัดเลือกนางสนมได้แล้ว นางก็คงโดนป้าสะใภ้ของนางจับไปเป็นทาสรับใช้อยู่ดี

เมื่อชั่งน้ำหนักข้อดีข้อเสียภายในใจของตนเองแล้วนั้น หยุนซินพลันเม้มปากพร้อมกับเงยหน้าขึ้นมา “ข้าน้อยยินยอมที่จะไปส่งน้ำแกงแทนนายหญิงเจ้าค่ะ”

มุมปากของยู่เหอพลันยกยิ้มขึ้นมา หากแต่เป็นรอยยิ้มที่เจือไปด้วยความเย็นชาเล็กน้อย โดยที่หยุนซินมิทันได้สังเกตเห็นมัน

ยู่เหอพลันลุกขึ้นยืน พร้อมกับเดินมาตบที่ไหล่ของหยุนซินเบาๆ พลางกล่าวออกมาว่า

“ดวงตาของเจ้าสวยงามยิ่งนัก ย่อมต้องหาทางไปเผยโฉมตนเองต่อหน้าพระพักตร์ของจักรพรรดิปีศาจให้ได้ ทว่า ก็อย่าได้ทำเกินหน้าเกินตาไป เนื่องจากจักรพรรดิปีศาจเกลียดมารยาของสตรีเป็นที่สุด ขอเพียงแค่เจ้าฟังข้า เจ้าก็จะอยู่รอดปลอดภัย รอจนกว่าจะได้พบหน้าจักรพรรดิปีศาจองค์ใหม่เท่านั้น หน้าที่ของเจ้าก็คือการนำน้ำแกงบำรุงไปให้พระองค์แทนข้า”

นางพยายามเน้นคำว่า “แทนข้า” สองคำนี้

นั่นก็หมายความว่า ต้องทำให้จักรพรรดิปีศาจองค์ใหม่รู้ว่าเป็นนายหญิงยู่เหอส่งน้ำแกงไปให้

สรุปก็คือ หากว่าจักรพรรดิปีศาจองค์ใหม่รับน้ำแกงไปนั้น พระองค์ย่อมจดจำยู่เหอได้ หากว่ามิยอมรับน้ำแกงเอาไว้ นั่นถือเป็นการปฏิเสธนางทางอ้อม แม้จะมิได้เห็นพระพักตร์ของจักรพรรดิปีศาจที่แท้จริง ยู่เหอก็มิได้เสียหายอะไร

อีกทั้งยู่เหอทำให้หยุนซินหาหนทางให้ตนเองได้ไปเผยโฉมให้จักรพรรดิปีศาจได้เห็น เห็นได้จากแววตาละโลภของหยุนซินแล้ว นางย่อมคว้าโอกาสนี้เอาไว้แน่นอน

ยู่เหอจึงได้ใช้นางกำนัลผู้นี้ออกไปลองเชิงดู เพื่อจะได้เข้าใจนิสัยใจคอของจักรพรรดิปีศาจว่าพระองค์มีนิสัยเช่นไร

เย่จายซิงที่ก้มหน้าลงอยู่นั้น ในหัวพลันเต็มไปด้วยความคิดต่างๆ มากมาย ฉับพลันนางกำนัลที่ชื่อปิงเฉียวผู้นั้นก็ได้ถือถาดเข้ามา ในถาดพลันมีถ้วยน้ำแกงบำรุงของยู่เหอ ที่“ทำมือ”อยู่ในถาด

“ไปกันเถอะ น้องหยุนซิน ข้าจะพาเจ้าไปหน้าตำหนัก ในยามนี้ เป็นช่วงที่จักรพรรดิปีศาจองค์ใหม่จะมาพบปะนางสนม เจ้าก็ใช้โอกาสนี้ในการเข้าไปส่งน้ำแกงก้แล้วกัน จะต้องมีวิธีการทำเช่นไร เจ้าคงรู้ดี”

หยุนซินพลันรับถาดมา พร้อมกับพยักหน้าลงด้วยความตื่นเต้น

หลังจากที่นางกำนัลทั้งสองคนพากันเดินไปที่หน้าตำหนักแล้วนั้น

เย่จายซิงที่ยืนตัวตรงอยู่ข้างกาย ในมือของยู่เหอพลันกำสร้อยไข่มุกอยู่ภายในมือด้วยท่าทีจิตใจไม่สงบ แต่นางก็มิได้สั่งให้เย่จายซิงไปทำงานอะไร

เย่จายซินจำได้ว่า วังของปีศาจที่กว้างใหญ่นั้น ทว่า นางกำนัลกลับมีนับคนได้ ทั่วทั้งตำหนักยู่เหอ จอกจากนางกำนัลที่มีหน้าที่ปัดกวาดเช็ดถูกับขันทีแล้วนั้น ก็เหลือแค่นาง

นี่มันน้อยเกินไปแล้ว น้อยจนผิดปกติ

เมื่อรอแล้ว รอเล่า ยู่เหอพลันลุกๆ นั่ง ๆ นัยน์ตาเอาแต่ทอดมองออกไปด้านนอก

รอจนเย่จายซิงเองก็คือว่าใช้เวลานานเกินไปแล้ว ก็พลันเห็นปิงเฉียววิ่งมาด้วยท่าทีกระวนกระวาย

“ไม่ดีแล้วเจ้าค่ะนายหญิง ท่านจักรพรรดิปีศาจดื่มน้ำแกงบำรุงเข้าไปแล้ว หากแต่หยุนซินมิได้บอกว่าเป็นน้ำแกงจากนายหญิงเจ้าค่ะ นางกับพูดว่าเป็นของนายหญิงจิ้งอันที่ส่งน้ำแกงมาให้ ท่านจักรพรรดิปีศาจจึงกล่าวว่าคืนนี้จะไปเยือนที่ตำหนักของนายหญิงจิ้งอัน!”

“เจ้าว่าอย่างไรนะ?!”

หยู่เหอพลันมีสีหน้าเขียวคล้ำไปในทันที

เย่จายซิงพลันได้แต่กะพริบตาไปมา นางมองไม่ออกเลยว่า หยุนซินผู้นั้นจะกล้าเล่นตุกติกเช่นนี้ด้วย

ดูท่าวังหลังจะมีแต่เรื่องสนุกเสียแล้ว

ข้าเป็นเพียงนางกำนัลตัวน้อยที่รอชมงิ้วเท่านั้น

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: บัลลังก์ชายาหมอเทวดา