บัลลังก์ชายาหมอเทวดา นิยาย บท 229

ยู่เหอที่ได้ยินเรื่องราวเช่นนั้น ก็พลันโกรธโมโหเสียจนใบหน้าบิดเบี้ยว นัยน์ตาเต็มไปด้วยความวาวโรจน์ สร้อยไข่มุกที่อยู่ในมือนั้นพลันถูกโยนลงบนพื้นไปในทันที พร้อมกับแตกกระจายออกเป็นเม็ด ๆ

นางโมโหยิ่งนัก พร้อมกับง้างมือขึ้นมาตบลงไปบนใบหน้าของปิงเฉียวในทันที

“เจ้ามิได้บอกว่านางเป็นนางกำนัลที่เพิ่งเข้ามาใหม่งั้นรึ? เหตุใดนางถึงไปรู้จักจิ้งอันได้เล่า?!”

“ข้าน้อยก็มิทราบเจ้าค่ะนายหญิง!”

ปิงเฉียวพลันคุกเข่าลงบนพื้น ใบหน้าที่บวมเปล่งทำเอานางมิกล้าเอ่ยอันใดออกมาอีก

“นายหญิงเจ้าค่ะ ข้าน้อยเพียงแค่ลองคาดเดา นางกำนัลหยุนซินเกรงว่าอาจจะรู้จักนายหญิงจิ้งอันมาตั้งนานแล้วก็ได้เพคะ นางย่อมรู้ว่านายหญิงจิ้งอันเป็นนายหญิงอยู่ภายในวังหลัง ดังนั้น นางจึงฉวยโอกาสนี้ เพื่อช่วยเหลือนายหญิงจิ้งอัน นายหญิงลองคิดดูสิเจ้าค่ะ นายหญิงจิ้งอันเป็นคนท้องที่ในเมืองนครปีศาจหรือไม่เจ้าคะ?”

เย่จายซิงพลันลุกขึ้นยืนขึ้นมา พร้อมพูดกับยู่เหออย่างใจเย็น

ยู่เหอพลันหันมาถลึงตามองเย่จายซิงด้วยความเย็นชา อีกทั้งยังเต็มไปด้วยความไม่เชื่อใจเสียมากมาย “ใช่แล้ว จิ้งอันเป็นคนท้องถิ่นของนครปีศาจ มีอะไร เจ้าไปรู้อะไรมางั้นหรือ?”

“ตอนเข้ามาในวังนั้น ข้าน้อยได้ยินนางกำนัลหยุนซินเล่าว่าตนเองเป็นคนนครปีศาจ ชั่วชีวิตนี้นางยังมิเคยออกจากนครปีศาจมาก่อนเลยดังนั้น หากนายหญิงจิ้งอันก็เป็นคนนครปีศาจเหมือนละก็ พวกนางย่อมต้องรู้กันเพคะ นางจึงคิดอยากจะใช้ประโยชน์จากนายหญิงจิ้งอันเพื่อที่จะได้ปีนขึ้นไปเป็นสตรีของจักรพรรดิปีศาจเป็นแน่”

ยามที่เย่จายซิงพูดอยู่นั้น นางก็พลันทำท่าทีหวาดระแวงเกรงกลัวไปด้วย แต่ก็ยังไม่ลืมลักษณะบุคลิกของตนเองไป

“นางสารเลวนั่น มันน่าตายยิ่งนัก! ข้าจะฆ่ามันให้ได้!”

ยู่เหอโมโหยิ่งนัก

นางรึอุตส่าห์ลอบสืบความได้ว่ามีนางสนมเข้ามาในวัง นางจึงใช้โอกาสในยามนี้ส่งน้ำแกงบำรุงไปจักรพรรดิปีศาจ ทว่านางมิมีความกล้าพอ เนื่องจากว่าตั้งแต่รับตำแหน่งจนถึงในยามนี้ จักรพรรดิปีศาจองค์ใหม่หาได้เคยเหยียบเท้าเข้ามาในวังหลังไม่ นางกลัวว่าตนเองจะเผลอก้าวพลาดไปและเป็นการทิ้งชีวิตของตัวเองไปอย่างเปล่าประโยชน์

ทว่า นางกำนัลปิงเฉียวผู้นี้ก็ดูแลรับใช้นางได้เป็นอย่างดี นางเองก็มิอยากได้นางกำนัลผู้อื่นอีก จึงได้คิดที่จะรับนางกำนัลหน้าใหม่เข้ามารับใช้

หากจักรพรรดิปีศาจทรงกริ้วละก็ ผู้ที่จบชีวิตเห็นที่ก็คงจะเป็นเพียงชีวิตของนางกำนัลตัวเล็ก ๆ เท่านั้น

ตานางมิคิดเลยว่า นางกำนัลผู้นี้จะกล้าใช้น้ำแกงบำรุงของนางติดป้ายว่าเป็นของจิ้งอัน จิ้งอันหาลงมือทำอันใดเลยไม่

เมื่อคิดว่า คนที่จักรพรรดิปีศาจจะเสด็จมาหาควรจะต้องเป็นนาง หาใช่จิ้งอันไม่ ยู่เหอก็อดที่จะโกรธแค้นไม่ได้.

“ไม่ได้การแล้ว ข้าจะไปบอกท่านจักรพรรดิปีศาจว่า น้ำแกงในวันนี้เป็นข้าที่เป็นคนส่งไปให้พระองค์!”

ยู่เหอยกเท้าเตรียมกำลังจะจากไปในทันที

เย่จายซิงพลันรีบร้อนรั้งนางเอาไว้

“นายหญิงเจ้าค่ะ ไม่ได้นะเจ้าคะ ท่านลองคิดดูสิเจ้าค่ะนายหญิง หากท่านจักรพรรดิปีศาจทรงล่วงรู้ว่าวังหลังของตนวุ่นวายเช่นนี้ ภายในใจพระองค์จะรู้สึกเช่นไร? ในวังหลังมีเพียงพระสนมเพียงแค่หกนาง หากท่านสร้างปัญหาขึ้นมาละก็ แล้วท่านจักรพรรดิปีศาจทรงกริ้วขึ้นมาอีก บางทีพระองค์อาจจะรามมาไม่ชอบนายหญิงก็ได้นะเพคะ”

หากมิใช่เพราะว่านางมาที่วังปีศาจเพราะมีจุดประสงค์ของตนเองละก็ นางก็คร้านที่จะรั้งยู่เหอไว้เช่นกัน เรื่องน่าสนุกเช่นนี้ นางละอดมิได้ที่จะหาตั่งตัวยาวกับเมล็ดแตงโมเพื่อมานั่งชมงิ้ว

ทว่า ผู้ใดให้นางมีเป้าหมายที่ไม่ใส่สะอาดเช่นนี้เล่า

นางหวังว่าจะให้ยู่เหอได้รับความโปรดปราน เช่นนี้ โอกาสที่นางจะลงมือลอบวางยาย่อมมีมากขึ้น

คำพูดของเย่จายซิงทำให้ฝีเท้าของยู่เหอชะงักไปในทันที

เนื่องจากว่า สิ่งที่เย่จายซิงพูดออกมามีเหตุผลยิ่งนัก อีกทั้ง ยู่เหอก็รู้ดีว่า ยามที่จักรพรรดิปีศาจลงมือฆ่าคนมันเลือดเย็นเพียงใด

ยู่เหอพลันหันไปมองเสี่ยวฮวา พร้อมกันนัยน์ที่ตาเปล่งประกายเจ้าเล่ห์ราวกับหมาป่า “เสี่ยวฮวา หากเป็นไปตามที่เจ้าว่า ข้าควรจะทำเช่นไร? เจ้าจะให้ฆ่ากลืนความอยุติธรรมนี้ไว้งั้นรึ?”

“ย่อมมิใช่เจ้าค่ะนายหญิง นายหญิงเจ้าค่ะ แค้นในครานี้ของพระองค์ย่อมต้องไปรับการชำระ มิควรทำให้ผู้ใดดูเบานายหญิงได้ นายหญิงงดงามถึงเพียงนี้ ผู้ใดก็มิอาจมาเทียบเคียงพระองค์ได้เพคะ รอจนกว่าพระองค์จะได้รับความโปรดปรานเมื่อใด เช่นนี้ก็มิใช่ว่าพระองค์จะสามารถกดนายหญิงจิ้งอันให้ต่ำลงกว่าท่านได้แล้วหรือเพคะ? ”

ยู่เหอจับไปที่ใบหน้าของตนเอง เมื่อคิดๆ ดูแล้วก็ใช่ จิ้งอันหน้าตาออกจะบ้านๆ ถึงเพียงนั้นนางจะมาเทียบเคียงกับใบหน้าที่งดงามขอ.ข้าได้เช่นไรกัน เกรงว่า ผ่านไปเพียงสองวันจักรพรรดิปีศาจก็เบื่อนางแล้วกระมัง

เช่นนั้น ก็มาถึงโอกาสของนางแล้ว

ขอเพียงจักรพรรดิได้แตะเนื้อต้องตัวสตรีเพียงครั้งเดียว กลิ่นอายที่หอมหวาน เพียงได้แตะสักครั้ง ย่อมต้องมีครั้งที่สงอตามมา นางก็แค่อดใจรอโอกาสของนางก็พอแล้ว

“เจ้าเฉลียวฉลาดยิ่งนัก ตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป เจ้ามาคอยอยู่รับใช้ข้างกายข้า”

ยู่เหอหันไปกล่าวกับเย่จายซิง

ปิงเฉียวที่ก้มหน้าคุกเข่าอยู่นั้น พลันเงยหน้าขึ้นมา “นายหญิงเจ้าคะ ข้าน้อย”

“เจ้าหุบปากไปเสีย หากมิใช่เป็นเพราะว่าเจ้าไม่ลอบสืบความให้ดีละก็ น้ำแกงบำรุงของข้า ก็คงจะไม่ถึงจิ้งอันสวมรอยไปเช่นนี้! ไสหัวไปเสีย ต่อจากนี้ไป เรื่องถังอาจมให้เจ้าเป็นผู้รับผิดชอบ!”

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: บัลลังก์ชายาหมอเทวดา