ฮ่องเต้ทรงจิบชา ทันใดนั้นก็รู้สึกหมดเรี่ยวแรง ก่อนจะนั่งลงบนเก้าอี้
อาการเหนื่อยอ่อนประเภทนี้ เหมือนกับความรู้สึกแขนขาไร้เรี่ยวแรงหลังจากถอดพลังจิตเลย
เขาเองก็ไม่แน่ใจว่าอาการเหนื่อยอ่อนเช่นนี้เกิดจากอะไร เมื่อมองเข้าไปในร่างกาย ก็ไม่พบสิ่งผิดปกติอันใด ไม่เหมือนถูกคนวางยาพิษ
เขาเงยหน้ามองโม่เสิ่นยวน แววหมางเมินในดวงตาสลักลึกลงไปถึงกระดูก
"ข้าไม่ให้เจ้าแต่งกับหญิงผู้นั้น ฐานะของนางไม่คู่ควรกับเจ้า เพื่อให้ได้แต่งกับนาง เจ้าถึงขนาดยอมลำบากเชียวรึ เจ้าเป็นคนร่ายม่านอาคมผืนนั้นสินะ เจ้าคิดว่ายอมลำบากทำให้นางแล้วจะได้สมใจปราถนาหรือ ฝันไปเถอะ"
แม้น้ำเสียงของเขาจะฉุนเฉียวไม่เท่าก่อนหน้าแล้ว แต่ความคิดเรื่องการอภิเษกของเขายังคงไม่เปลี่ยนแปลง
"เจ้าไม่คิดแต่งกับฉู่ยุ่นเอ๋อร์ ต่อให้เกิดเรื่องกับนาง ก็ยังมีหญิงสกุลใหญ่คนอื่นอีก เจ้าข่มขู่ข้าได้ ข้าก็ฆ่านังหญิงสกุลเย่ได้เช่นกัน!"
เขาพูดมาถึงตรงนี้ ทั้งยังแสดงออกถึงความโกรธเคือง เพราะหากฉู่ยุ่นเอ๋อร์ตาย ฮองเฮาต้องเสียใจเป็นแน่
โม่เสิ่นยวนย่นคิ้ว
อาการโกรธง่ายเป็นผลมาจากส่วนผสมของยา ยาถอนพิษของน้องซิงก็แก้ไขสูตรไปแล้ว เหตุใดเขายังไม่รับรู้ถึงปัญหาเรื่องฮองเฮา ซ้ำยังคิดแทนนางอยู่อีก?
หรือความรักระหว่างสามีภรรยาของพวกเขาอยู่ในขั้นลึกซึ้งขนาดนั้นแล้ว?
เขาไม่เชื่อหรอก
เสด็จพ่อของเขาผู้นี้ ความจริงเป็นคนที่ด้านชาต่อความรัก เว้นก็แต่กับฮองเฮาและหลิวอิ๋งเท่านั้น
โม่เสิ่นยวนรู้สึกว่าหลายปีมานี้ มีสิ่งสำคัญบางอย่างที่เขาพลาดไป
"กระหม่อมจะพูดอีกรอบ คนที่กระหม่อมจะแต่งด้วยคือเย่จายซิงคนเดียวเท่านั้น หากพระองค์ไล่ต้อนเข้าทุกทางแบบนี้ ระวังชีวิตจะไม่เป็นสุขเช่นกัน"
เขาเอ่ยด้วยสีหน้าเย็นชา
"อีกอย่าง ม่านอาคมผืนนั้นนางเป็นคนร่ายขึ้น มิใช่ทุกคนจะมีจิตใจคับแคบเหมือนท่านเสมอไป"
"เป็นไปไม่ได้! นางเพิ่งอยู่ขั้นแดนราชาทิพย์เท่านั้น!"
ฮ่องเต้ไม่ปักใจเชื่อ
"กราบทูลฝ่าบาท! เผ่าปีศาจถูกกองปราบที่สมาคมผู้ฝึกตนจัดตั้งขึ้นสังหารหมดแล้วพ่ะยะค่ะ!"
เสียงรายงานของราชองครักษ์ดังขึ้นนอกตำหนัก
ดวงตาฮ่องเต้ฉายแววประหลาดใจและยินดียิ่ง เดิมเขานึกว่าต้องใช้เวลาสักระยะกว่าจะยุติสงครามได้ ไม่คิดว่าจะเร็วถึงเพียงนี้
"เจ้าได้ยินแล้วนะ พวกปีศาจถูกกวาดล้างหมดแล้ว คนของสมาคมผู้ฝึกตนไปถึงด้านนอกของม่านอาคมแล้ว เจ้าโป้ปด เดี๋ยวคนทั่วหล้าก็จะได้รู้"
"งั้นหรือ พระองค์ควรถามให้แน่ชัดอีกครั้ง แล้วค่อยสรุปดีกว่านะพ่ะย่ะค่ะ"
โม่เสิ่นยวนเอ่ยเสียงราบเรียบ คล้ายรู้อยู่แล้วว่าเผ่าปีศาจจะถูกสังหารหมดในวันนี้
ฮ่องเต้มองเขาเย็นเยียบแวบหนึ่ง ก่อนกวักมือเรียกราชองครักษ์เข้ามาถามให้แน่ชัด
กระทั่งเมื่อได้ยินราชองครักษ์พูดว่าเย่จายซิงเป็นคนร่ายม่านอาคมนั่นขึ้นมาจริงๆ สีหน้าก็เปลี่ยนไปในที่สุด
ทั้งประหลาดใจ ตกตะลึง และสงสัย
"นางเพิ่งจะอยู่ขั้นแดนราชาทิพย์ เหตุใดถึงสามารถร่ายม่านอาคมที่ทรงพลังเช่นนั้นได้?"
"หลายเรื่องที่ไม่อาจทำได้บนโลกใบนี้ ล้วนมีคนที่สามารถทำได้อยู่เสมอ พระองค์คิดว่านางฐานะต่ำต้อย ยังไม่แน่ว่าจะคู่ควรกับตำแหน่งสนมของเซ่าตี้อีกต่างหาก"
โม่เสิ่นยวนเอ่ย
ตำแหน่งที่นางคู่ควรคือตำแหน่งราชินี ฮองเฮาของข้าอย่างไรเล่า
หากยามปกติ ฮ่องเต้จะต้องทรงกริ้วแน่ แต่เขาเพียงทำสีหน้าไม่ดีเท่านั้น ไม่ได้ระเบิดอารมณ์แต่อย่างใด
ตัวฮ่องเต้เองก็ตระหนักได้ถึงจุดนี้เช่นกัน เรียวคิ้วขมวดเป็นปม
โม่เสิ่นยวนใบหูกระตุกวูบ มีเสียงฝีเท้าดังแว่วมาจากนอกตำหนัก เขามองฮ่องเต้ แล้วเอ่ยเข้าประเด็น:
"กระหม่อมมีเรื่องต้องเตือนพระองค์ มีคนคอยวางยาพิษให้พระองค์อยู่เนืองๆ ทำให้ทรงมีอารมณ์ฉุนเฉียว กระหม่อมให้ยาถอนพิษกับพระองค์ไปเม็ดหนึ่งแล้ว ส่วนที่ว่าเป็นใครนั้น พระองค์ควรไปตรวจสอบให้แน่ชัดด้วยตนเองดีกว่า"
เพล้ง!
เสียงแก้วแตกดังมาจากด้านนอก ชามแตกกระจายลงบนพื้น ฮองเฮาส่งเสียงร้องตกใจ รีบเอ่ยตำหนิตัวเองทันที :
"หม่อมฉันผิดเองเพคะ สะเพร่าทำซุปหล่นจนได้"
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: บัลลังก์ชายาหมอเทวดา
มาอ่านเรื่องนี้ต่อค่ะ หวังว่าจะลงเนื้อหาจนจบ...
115จนถึงถึง159ไม่มีเลยค่ะลงต่อให้ครบได้มั้ยค่ะ😂...
ตอนที่ 115-159 หายไปค่ะ อ่านต่อไม่ได้อ่ะค่ะ...
115-159หายไปไหนอ่าคะ...
อัพวันละหลายๆตอนได้มั้ยค่ะ ขอบคุณค่ะ...