ทันทีที่สิ้นคำของเย่จายซิง องค์หญิงหลิวอิ๋งก็เผยสีหน้ายินดีในทันใด
แต่นางยังไม่ทันได้พยักหน้า อสูรเทพหลังกว้างเท่าเสือเอวหนาเท่าหมีก็รีบนำอุ้งเท้าทั้งสองกอดขาของเย่จายซิงไว้อีกครั้งทันที มันส่ายหัวแรงๆ ส่ายแรงเสียจนหัวแทบจะเป็นกลองสั่นอยู่แล้ว
ดวงตาสีแดงคู่ใหญ่ที่ดุร้ายเพียงหันมองไปยังหลิวอิ๋งผาดหนึ่ง ก็เผยแววรังเกียจแบบวิสัยมนุษย์ออกมา
สองอุ้งมือใหญ่สีดำกอดขาเย่จายซิงไว้ไม่ยอมปล่อย
“อสูรเทพไม่ยอมถอนพันธะกับเย่จายซิง!”
“ใช่แล้ว ดูท่า อสูรเทพเหมือนจะไม่ชอบองค์หญิงหลิวอิ๋งนะเนี่ย!”
“อสูรเทพใกล้ชิดกับเย่จายซิงเพียงนี้ บ่งบอกว่าเย่จายซิงนั้นแหละที่มีวาสนากับอสูรเทพมากที่สุด ถึงจะถอนพันธะกับนางไปแล้ว ก็ไม่มีทางเป็นพันธะอสูรขององค์หญิงเด็ดขาด”
ทุกคนล้วนพูดไปต่างๆ นานา
สีหน้าขององค์หญิงหลิวอิ๋งเปลี่ยนไปมาหลายครั้งภายในเวลาชั่วพริบตา ทั้งเขียวทั้งขาว เหยเก กระดากอาย และโมโห
นางสงสัยว่าเย่จายซิงนำอสูรเทพออกมา เพื่อตั้งใจหมิ่นเกียรตินางหรือไม่
ตอนนี้เย่จายซิงเป็นเจ้านายของอสูรเทพ นางจะให้อสูรเทพทำสิ่งใดก็ย่อมได้อยู่แล้วนิ!
แต่หากเย่จายซิงรู้ความคิดของหลิวอิ๋ง ต้องกู่ร้องว่าไม่เป็นธรรมแน่ นางไม่ได้ให้เทาเที่ยทำอันใดสักหน่อย เจ้าเทาเที่ยตัวนี้มาคลอเคลียนางเอง
ต้องทราบว่าชี่ทิพย์ในห้วงกาลเวลาของนางนั้นอุดมสมบูรณ์อย่างไม่ต้องมีคำบรรยาย ยังมีพู่เทพให้พวกมันกิน มันชอบกินผลทิพย์ มีหลายสิบกล่องนางก็ซื้อให้มันกินหลายสิบกล่อง
ตั๋วอาหารระยะยาวดีเพียงนี้ มันย่อมต้องกอดขาไว้แน่นๆ อยู่แล้ว
เจ้าสิ่งนี้ ไม่ช้าก็เร็วต้องกินจนนางหมดตัวเข้าสักวัน
“เย่จายซิง! หากเจ้ามีปัญญาก็ถอนพันธะกับมันเลยสิ! ดีแต่พูดแล้วไม่ทำ ใครก็ทำได้! ปลอมนัก!”
หลิวอิ๋งเอ่ยเสียงสะบัด
นางพนันได้เลยว่าเย่จายซิงถอนพันธะไม่ได้
นั่นมันอสูรเทพ นางจะตัดใจทิ้งได้อย่างไร!
“การถอนพันธะวิญญาณ ทำให้รากฐานเสียหายง่ายมาก!”
“ใช่แล้ว อีกทั้งเมื่อทำการถอนพันธะวิญญาณจะสูญเสียโลหิตดวงชะตาโลหิตจิงชีวีไปหนึ่งหยด โลหิตจิงชีวีไม่อาจเกิดขึ้นอีกได้ หลังจากถอนพันธะ ต่อให้ผูกพันธะกับอสูรเทพใหม่อีกครั้ง ก็ได้ไม่คุ้มเสียหรอก”
“ไม่ต้องถอนพันธะจริงๆ หรอก คนวิสัยทัศน์ไกลล้วนมองออกว่า คนที่อสูรเทพโปรดปรานนั้นคือเย่จายซิง”
“องค์หญิงบังคับขู่เข็ญมากไปหน่อยนะ อีกอย่าง เดิมทีอสูรเทพ ใครมีความสามารถคนนั้นก็ได้ไป ใช่ว่าใครเห็นก่อนคนนั้นก็ได้ไปที่ไหนเล่า บนโลกจะมีเรื่องง่ายดายขนาดนี้ที่ไหนกัน”
ฝูงชนที่มามุ่งดูต่างซุบซิบนินทา มององค์หญิงหลิวอิ๋งด่วยสายตาเหยียดหยามเล็กน้อย แต่ไม่กล้าแสดงออกมา
พวกเขานึกถึงสิ่งที่นายน้อยหรงตระกูลขุนนางสันโดษพูดในวัันนั้น ว่าเรื่องล้มเหลวขององค์หญิงในสมาคมผู้ฝึกตนนั้นมีมากกว่าเรื่องสำเร็จ
และพอนึกถึงเรื่องที่องค์หญิงควบอสูรศักดิ์สิทธิ์ขวางถนนเตะแผงขายของมากมายเมื่อวานแล้ว ล้วนรู้สึกว่าองค์หญิงเกรี้ยวกราดและบ้าอำนาจเกินไป
ตอนนี้ยังมาแย่งอสูรเทพที่ผูกพันธะกับเย่จายซิงไปแล้วต่อหน้าทุกคนอีก คนปกติล้วนไม่อาจทำเรื่องเช่นนี้
เพียงแต่ฐานะองค์หญิงนั้นสูงส่ง จึงไม่มีใครกล้าชี้หน้าด่าหรือขัดใจนาง
แน่นอนว่าองค์หญิงหลิวอิ๋งได้ยินเสียงเหล่านี้ แต่เสียงตีกันมั่วไปหมด พอนางกวาดตาไปมอง จึงไม่รู้เลยว่าใครกันแน่ที่กำลังว่าร้ายนางอยู่ แม้แต่หาคนออกมาคิดบัญชีนางยังไม่รู้ว่าควรจะเรียกคนไหน
นางพาลใส่เย่จายซิงว่า;
“ทำไม เจ้าไม่กล้ารึ? ที่ว่าจะถอนพันธะ เจ้าเป็นคนพูดเองนิ ข้าไม่ได้เอามีดมาจี้คอเจ้าให้พูดสักหน่อย!”
“ทำไมหม่อมฉฉันจะไม่กล้า”
เย่จายซิงเอ่ยเนิบช้า ก่อนจะยกมือขึ้นวางบนหว่างคิ้วของเจ้าเทาเที่ย ทันใดนั้นก็กลั้นใจตัดสัมพันธ์วิญญาณกับเจ้าเทาเที่ยทันที แสงสีทองสว่างวาบ พันธะได้ถูกนางถอนออกแล้ว
โลหิตจิงของนางเกิดใหม่อีกครั้งได้ ดังนั้นการถอนพันธะสำหรับนาง ก็แค่เรื่องขี้ปะติ๋ว
ในขณะที่กำลังครุ่นคิดหาทางเข้าใกล้หลิวอิ๋ง เพื่อฆ่ากู่ที่อยู่ในร่างของนางไม่ได้เลย เจ้าเทาเที่ยทึ่มดันช่วยนางไว้ได้
ทุกคนแตกตื่นอลหม่าน
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: บัลลังก์ชายาหมอเทวดา
มาอ่านเรื่องนี้ต่อค่ะ หวังว่าจะลงเนื้อหาจนจบ...
115จนถึงถึง159ไม่มีเลยค่ะลงต่อให้ครบได้มั้ยค่ะ😂...
ตอนที่ 115-159 หายไปค่ะ อ่านต่อไม่ได้อ่ะค่ะ...
115-159หายไปไหนอ่าคะ...
อัพวันละหลายๆตอนได้มั้ยค่ะ ขอบคุณค่ะ...