มารดาผู้ให้กำเนิดของเสด็จอาเพิ่งคลอดเขาออกมาได้ ก็หมดอาลัยกับชีวิต แล้วลาจากโลกนี้ไป ทิ้งโอรสน้อยแบเบาะร้องงอแงเอาไว้
เพราะไร้การปกป้องจากมารดาแท้ๆ เสด็จอาเกิดได้ไม่นานจึงต้องทนทุกข์กับความยากเข็ญและความหมางเมินอย่างแสนสาหัส ต่อมายังถูกข่มเหงอีกสารพัด
ไม่ว่านางจะฆ่าตัวตายด้วยเหตุอันใด สำหรับเสด็จอาแล้ว นางก็คือคนเห็นแก่ตัวและขี้ขลาดคนหนึ่ง
เย่จายซิงรู้สึกสงสารจับใจ
โผเข้ากอดเขา โอบเอวของเขาพลางเอ่ยว่า: "เสด็จอา ท่านยังมีหม่อมฉันนะเพคะ"
"ใช่ ข้ายังมีเจ้า มีแค่เจ้าคนเดียวก็พอแล้ว"
โม่เสิ่นยวนหน้าเปื้อนยิ้ม นำมือกอดตอบนางแนบแน่น น้ำเสียงอ่อนโยนไร้ที่เปรียบ
น้องซิงของเขาต้องรู้สึกเห็นใจเขาแน่ๆ
มีแค่นางก็เพียงพอแล้ว คนอื่นจะปฏิบัติกับเขาอย่างไร ไม่สลักสำคัญแม้แต่น้อย
เย่จายซิงไม่รู้ว่าจะเอ่ยคำพูดปลอบโยนอันท่วมท้นออกมาอย่างไร สุดท้ายพบว่าเสด็จอาไม่ได้ต้องการคำปลอบโยนใดๆ เลย การที่นางอยู่เคียงข้างเขาก็คือการปลอบโยนที่ดีที่สุดสำหรับเขาแล้ว
นางกล่าวว่า:
"ข้าจะอยู่เคียงข้างท่านตลอดไป เสด็จอา"
นี่คือคำสัญญาที่นางให้กับเขา
ตราบใดที่เขามั่นคงต่อนางไม่เสื่อมคลาย นางก็จะอยู่เคียงบ่าเคียงไหล่เขาตลอดไป
โม่เสิ่นยวนรู้สึกซึ้งใจในทันใด ก้มหน้ามองตานาง นัยน์ตาฉายแววแห่งความดีใจและความสุข
"น้องซิง มีเจ้าอยู่ช่างดีนัก"
เขาเอ่ยเสียงทุ้มต่ำ ถึงขั้นแหบพร่าเล็กน้อย ทั้งสองเชื่อมลมหายใจร่วมกัน ความเสน่หาอบอวลทั่วทุกอณู บดจูบเคล้าคลึงกันอย่างดูดดื่ม
ผ่านไปครู่หนึ่ง เย่จายซิงก็ดันเขาออก "ยังพูดเรื่องสำคัญไม่จบเลยนะเพคะ!"
"พูดเรื่องอะไร?"
โม่เสิ่นยวนกระชับกอดนางแนบแน่น ไม่ค่อยอยากจะเสียเวลาคุยเรื่องอื่นนัก
นางทุบหน้าอกเขาสองสามที เอ่ยว่า:
"ท่านยังไม่บอกเลยว่าคิดยังไงกับเรื่องนี้! ในร่างกายท่านต้องมีสายเลือดราชวงศ์อยู่แน่นอน หากสมมติว่า ท่านไม่ใช่ลูกของฮ่องเต้จริงๆ แล้วจะเป็นลูกของใครเล่า? จากที่ข้าดูในความทรงจำของแม่นมหลาน ความแน่นอนที่หลิวอิ๋งเป็นลูกของฮ่องเต้นั้นเกือบสิบส่วนเลย"
เขาลูบเรือนผมดำขลับนุ่มลื่นของนางเล่น แล้วเอ่ยว่า:
"ความจริงแล้ว ตัวฮ่องเต้มีพี่ชายร่วมอุทรหนึ่งคน บางที เขาอาจจะ 'น่าสงสัย' นิดๆ"
เย่จายซิงเผยอปากเล็กน้อย "หม่อมฉันไม่เคยได้ยินเรื่องนี้มาก่อนเลย นี่มันน่าแปลกมาก ไม่มเคยมีใครพูดถึงเรื่องนี้มาก่อนเลย"
เขาพยักหน้า:
"คนพูดถึงมีน้อยจริงๆ นั่นแหละ เพราะเขาออกจากแผ่นดินเทียนเหย้าไปนานแล้ว พร้อมกับสละบังลังก์ที่ตนจะได้ครองในอนาคต ตำแหน่งฮ่องเต้ตำแหน่งนี้ เดิมทีเป็นของเขา เทียบกับฮ่องเต้องค์ปัจจุบันแล้ว เขาคือคนที่พระราชชนกหมายมั่นปั้นมือจะให้ครองบัลลังก์มากกว่า"
มีเหตุการณ์เช่นนี้ในอดีตด้วยหรือนี่
เย่จายซิงถาม:
"แล้วเหตุใดเขาถึงต้องจากไปด้วย? แล้วจากไปตอนไหน ตรงกับช่วงที่ฮองเฮาองค์ก่อนทรงครรภ์หรือไม่?"
ในเมื่อเขาเป็นผู้ที่มีความ "น่าส่งสัย" มากที่สุด เช่นนั้นก็ย่อมต้องถามให้ชัดเจน
อีกอย่าง เสด็จอามีสายเลือดราชวงศ์โดยตรง สามารถผูกพันธะกับอสูรเทพมังกรเขียวได้ ก็หมายความว่า ถ้าเขาไม่ใช่ลูกของฮ่องเต้ ก็เป็นลูกของพี่ชายของฮ่องเต้
"ข้าไม่แน่ใจ และก็ไม่เคยรู้เรื่องมาก่อน แต่หากต้องการแน่ใจเรื่องช่วงเวลา ตามคนเฒ่าคนแก่สองสามคนในวังมาถามก็รู้แล้ว เรื่องนี้ไม่ยาก"
เย่จายซิงพยักหน้า ก่อนจะเม้มปากเอ่ยว่า:
"เสด็จอา ข้ากำลังคิดว่าหลิวอิ๋งอาจฝีมือไม่ถึง แล้วทำผิดพลาดไปหรือเปล่า นางมีความรู้สึกที่ไม่บังควรกับท่าน จิตใต้สำนึกต้องคาดหวังไม่ให้มีสายเลือดเดียวกันกับท่านแน่นอน"
นัยน์ตาดำดิ่งของโม่เสิ่นยวนเผยความรังเกียจต่อหลิวอิ๋งออกมา เขาแสดงอารมณ์ประเภทนี้น้อยมาก ดูเหมือนว่าหลิวอิ๋งจะใจอำมหิตจนกระทบถึงเขาแล้ว
เขานิ่วหน้าเอ่ย:
"ข้าไม่รู้ว่านางมีความรู้สึกเช่นนี้ ไม่อย่างนั้นข้าคงจัดการไปนานแล้ว น้องซิงอย่าได้เข้าใจผิด"
เย่จายซิงคลี่ริมฝีปาก "ยังไงหม่อมฉันก็ไม่เข้าใจเสด็จอาผิดอยู่แล้ว แต่พอพูดมาอย่างนี้ก็เข้าใจแล้วว่า ทำไมนางถึงจงเกลียดจงชังข้า ตั้งแต่ยังไม่เคยเจอข้ามาก่อนด้วยซ้ำ"
ที่แท้ก็กลัวว่าตนจะแย่งชิงเสด็จอากับนาง
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: บัลลังก์ชายาหมอเทวดา
มาอ่านเรื่องนี้ต่อค่ะ หวังว่าจะลงเนื้อหาจนจบ...
115จนถึงถึง159ไม่มีเลยค่ะลงต่อให้ครบได้มั้ยค่ะ😂...
ตอนที่ 115-159 หายไปค่ะ อ่านต่อไม่ได้อ่ะค่ะ...
115-159หายไปไหนอ่าคะ...
อัพวันละหลายๆตอนได้มั้ยค่ะ ขอบคุณค่ะ...