“แปลกยังไงหรือ?ท่านอาวุโสที่สาม ท่านรีบพูดสิ!”
หัวหน้าเป่าเคราและพูดอย่างใจร้อน
อยู่ดีดี นึกจะเวียนหัวก็เวียนหัว แถมปลุกยังไงก็ไม่ยอมตื่น ทำให้คนร้อนใจจริงๆ
สำนักเฉียนคุน จิตใจดีงาม หาใครเปรียบยาก ตั้งแต่อาจารย์จนถึงลูกศิษย์ ล้วนแต่เป็นคนซื่อสัตย์และจิตใจดีงาม
แม้ว่าเย่จายซิงจะไม่ได้ช่วยสำนักของพวกเขา ถ้าพวกเขาพบกับหญิงสาวผู้น่าสงสารที่สูญเสียความทรงจำไปเช่นนี้ ยังไงก็จะยื่นมือไปช่วยเหลืออยู่ดี
ท่านอาวุโสที่สามดึงมือกลับมา ขมวดคิ้วแล้วพูดว่า
“ร่างกายของนางเหมือนกับมีพลังบางส่วนกำลังควบคุมและกลืนกินพลังชีวิตของนางอยู่ ข้าก็อธิบายไม่ถูกว่ามันคืออะไร แต่ข้ารู้สึกว่าเหมือนจะเป็นคำสาปบางอย่าง”
“คำสาป?”
หัวหน้าและคนอื่นๆ ต่างตะลึงจนอ้าปากค้าง
ใครกันช่างโหดร้ายยิ่งนัก ถึงได้สาปแช่งหญิงสาวคนสวยได้ลงคอเช่นนี้?
ผู้อาวุโสที่สามบ่นพึมพำ
“ข้าแค่คาดเดาไปอย่างนั้นเอง ก็เห็นนางบอกว่านางสูญเสียความทรงจำ ข้าเลยเดาว่าคงโดนต้องคำสาป”
หลังจากโดนคำสาปแล้ว ก็จะทำให้สูญเสียสติสัมปชัญญะ และสูญเสียความทรงจำไป จนทำให้ไม่อยากมีชีวิตอยู่ต่อ จนกระทั่งโดนคำสาปนั้นดูดพลังชีวิตไปจนหมด พลังชีวิตของนางในตอนนี้ช่างเบาบางนัก นั้นหมายความว่าคำสาปกำลังกัดกร่อนร่างกายของนางอยู่
“ทุกวันนี้ยังมีคนใช้วิธีต้องห้ามนี้เป็นอยู่อีกหรือ!”
เย่เส้าลงเขาพึ่งกลับมา พอได้ยินคำพูดของท่านอาวุโสที่สามแล้ว ใบหน้าก็แสดงถึงความโกรธ
หัวหน้ารู้สึกสงสารนางมาก กล่าวว่า
“แม่นางคนนี้ช่างน่าสงสารจริงๆ ไม่แน่ว่าอาจจะโดนคำสาปตอนที่กำลังจัดงานวิวาห์อยู่ด้วยก็ได้ จากนั้นก็ไม่รู้ว่ามาโผล่ที่สำนักพวกเราได้ยังไง”
เขาเปลี่ยนเสียง คาดเดาแล้วพูดว่า
“แต่บางทีนางอาจจะหนีงานวิวาห์ออกมาก็ได้นะ นางอาจจะต้องแต่งงานกับคนที่นางไม่ได้รัก เลยต้องคำสาปใส่นาง ในเมื่อไม่ได้นาง ก็ทำลายนางไปซะ”
ผู้คนต่างหน้าดำคร่ำเครียด
คนทั้งสำนักมีความคิดที่ไม่ต่างจากหัวหน้ามากนัก
“ท่านอาจารย์ ช่วงนี้ที่ท่านอดหลับอดนอนไม่ใช่เพราะว่าฝึกบำเพ็ญตนใช่ไหม คงอ่านนิยายอยู่แน่เลยสิท่า?”
เย่เส้าไม่โต้ตอบใดๆ
“เหลวไหล ท่านอาจารย์ตั้งใจฝึกบำเพ็ญตนจะแย่!”
หัวหน้าปฏิเสธอย่างจริงจัง
เย่เส้าไม่แฉอาจารย์ของเขา หันหน้าไปถามท่านอาวุโสที่สามว่า
“ท่านอาจารย์ลุง สรุปแล้วตอนนี้อาการนางเป็นยังไงบ้าง?”
“สิ่งที่ข้าว่าแปลกก็คือ ราวกับว่ามีอะไรบางอย่างที่ระงับแรงของคำสาปนั้นไว้ เดิมทีชีวิตของนางใกล้ถึงวาระสุดท้ายเต็มที่ แต่พลังชีวิตของนางในตอนนี้แม้ว่าจะลดน้อยลง แต่ถือว่ายังคงที่อยู่ คงไม่มีอะไรน่าเป็นห่วงไปอีกสักเดือนสองเดือนแหละ”
ท่านอาวุโสที่สามยืนขึ้นและกล่าว
เขาเตรียมตัวจะไปต้มยา ให้เย่จายซิงเอาไว้บำรุงเลือดลม นอกนั้น เขาก็ไม่มีอะไรที่เขาจะช่วยได้แล้ว
จริงๆ แล้ว “การล้างคำสาปเท่านั้น ที่จะค่อยๆ ฟื้นคืนพลังชีวิตของนางกลับมาได้ แต่ถ้าไม่แก้คำสาปละก็ ไม่ช้าไม่เร็วก็ต้องเกิดเรื่องไม่ดีแน่ๆ”
แต่พวกเขาแม้แต่แซ่ของนางก็ยังไม่มีใครรู้ ไม่ต้องพูดถึงเรื่องช่วยแก้คำสาปให้นางเลย
เรื่องนี้อยากช่วย แต่มันช่วยไม่ได้
ทุกคนต่างนิ่งเงียบ คาดไม่ถึงว่าสาวน้อยคนงามผู้นี้ จะมีชีวิตอยู่ได้อีกไม่นาน
ผู้คนต่างพากันเดินกลับออกไป เย่เส้านำเสื้อผ้าและเครื่องประดับที่ลงเขาไปซื้อมาวางลง และหยิบขนมออกมามอบให้กับซินเสียนที่อาสาดูแลเย่จายซิง
“ศิษย์น้อง ลำบากเจ้าแล้ว เจ้ากินอะไรสักหน่อยสิ แล้วกลับไปรอนางฟื้น พอนางฟื้นก็แบ่งให้นางกินนะ”
“อืม ศิษย์พี่กลับไปพักผ่อนเถอะ ข้าจะดูแลนางเป็นอย่างดี”
ซินเสียนรับขนมมา
เย่เส้าซื้อขนมมาเยอะแยะมากมาย ยังอุ่นๆ อยู่เลย ดูออกว่าตั้งใจซื้อมา นางแกะออกมากินสองสามชิ้น ก็นั่งเฝ้าเย่จายซิงอยู่ข้างเตียง
นางจ้องมองไปที่ใบหน้าอันเรียบเนียนของเย่จายซิงด้วยความรู้สึกอิจฉา นางกลับมาลูบใบหน้าของตัวเอง แล้วก็ถอนใจเฮือกใหญ่
ซินเสียนเฝ้าไปเฝ้ามาจนถึงเที่ยงคืน กรนไปแล้วรอบหนึ่ง อดไม่ได้ที่จะงีบหลับฟุบอยู่ข้างๆ
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: บัลลังก์ชายาหมอเทวดา
มาอ่านเรื่องนี้ต่อค่ะ หวังว่าจะลงเนื้อหาจนจบ...
115จนถึงถึง159ไม่มีเลยค่ะลงต่อให้ครบได้มั้ยค่ะ😂...
ตอนที่ 115-159 หายไปค่ะ อ่านต่อไม่ได้อ่ะค่ะ...
115-159หายไปไหนอ่าคะ...
อัพวันละหลายๆตอนได้มั้ยค่ะ ขอบคุณค่ะ...