บัลลังก์ชายาหมอเทวดา นิยาย บท 348

จากเมืองนี้เดินทางไปที่เมืองเซียนเหอ หนทางนับว่าอีกยาวไกลนัก

เย่จายซิงจึงมิได้ตั้งใจจะเดินทางหามรุ่งหามค่ำเช่นนั้น

ดังนั้น นางจึงตัดสินใจพักที่เมืองไป๋เยว่เสียก่อน เป็นเพราะว่า จากนี้อีกสองวัน ที่นี่จะมีการประลองของปรมาจารย์กลั่นยาขั้นสูงเกิดขึ้น

ในเมื่อนางต้องการ “ชื่อเสียง” เช่นนั้นนางก็ใช้การประลองในคราวนี้เพื่อสร้างชื่อเสียงให้กับตนเอง

หลังจากที่เย่จายซิงมาถึงแล้วนั้น นางก็ไปออกตามหาซื้อเตากลั่นโอสถ แต่นางก็พบกันอันที่ถูกใจ ดังนั้นเย่จายซิงจึงตั้งใจว่านางจะต้องใจออกตามหาเตากลั่นโอสถในวันพรุ่งนี้แทน ในยามนี้นางควรจะเข้าในเมืองเพื่อทำการลงชื่อเข้าร่วมการประลองปรมาจารย์กลั่นยาขั้นสูงเสียก่อน

ทั้งฉียวี่เจียและกัวเจียงที่ติดตามนางอยู่ด้านหลังมาโดยตลอดนั้น นอกจากพวกเขาจะไม่สามารถพูดได้แล้ว ทุกอย่างจึงดูเป็นปกติดี

เมื่อทั้งสองคนเห็นเย่จายซิงซื้อทั้งโอสถและเตากลั่นโอสถระหว่างทางนั้น ในยามนี้ยังเดินทางไปลงชื่อเข้าร่วมการประลองปรมาจารย์กลั่นยาขั้นสูงอีก พวกเขาพลันหมดคำพูดไปในทันที

ต้องปรมาจารย์กลั่นยาขั้นห้าขึ้นไป ถึงจะสามารถเรียกตนเองว่าปรมาจารย์กลั่นยาขั้นสูงได้

นางที่เป็นเพียงสตรีอายุน้อยเช่นนี้ นางเอาความมั่นใจจากที่ใดไปเข้าร่วมการแข่งขันกับพวกเขากัน?

ศิษย์พี่น้องของสำนักเสวียนปิงที่ถูกกักเอาไว้ในโรงเตี๊ยมนั้น ย่อมมิได้รับรู้ถึงชื่อเสียงของเย่จายซิงที่หนานโจวทั้งยังไม่รู้อีกว่านางมีศักดิ์เป็นถึงอาจารย์กลั่นยาขั้นเจ็ดจริง ๆ ด้วย

ไม่ว่ายังไง พวกเขาก็พร้อมที่จะรับชมเรื่องขบขันของนาง ทั้งยังอยากจะเห็นเย่จายซิงหน้าแตกอยู่บนลานประลองอีกด้วย

“เจ้ามิได้หลงผิดใช่ไหม? เจ้าต้องการจะเข้าร่วมการประลองปรมาจารย์กลั่นยาขั้นสูง ?”

เจ้าหน้าที่ที่ทำหน้าที่รับผิดชอบการลงทะเบียนผู้เข้าแข่งขัน พลันมองมาที่เย่จายซิง พลางเอ่ยถามด้วยความแปลกใจ

แม้ว่าแม่นางน้อยผู้นี้จะมีรูปลักษณ์ที่เป็นเลิศ เพียงแค่เดินเข้ามาก็สามารถดึงดูดสายตาผู้คนที่อยู่โดยรอบได้แล้ว ผู้ใดจะรู้กันว่านางจะอยากลงชื่อเข้าร่วมการประลองในครานี้อีกด้วย

ผู้ที่เข้ามาลงชื่อร่วมการประลอง มิได้เป็นผู้เข้าแข่งขันที่ไม่มีชื่อเสียงเรียงนามมาก่อน และนางมิเพียงแต่เป็นพวกหน้าใหม่ อีกทั้งยังอายุน้อยอีกด้วย อายุน้อยเสียจนเหมือนนางจะเป็นเพียงปรมาจารย์กลั่นยาขั้นต้นเท่านั้น

เย่จายซิงพยักหน้าให้กับเขา “ใช่ ข้าต้องการเข้าร่วมการประลอง”

เจ้าหน้าที่วัยกลางคนได้แต่ส่ายหน้าไปมา พลางเอ่ยถามว่า “เจ้าอายุเท่าใดกัน เป็นปรมาจารย์กลั่นยาขั้นใด?”

“สิบเจ็ด”

แม้ว่าอายุกระดูกของนางจะเพียงสิบหกกว่าปีเท่านั้น เพียงอีกไม่กี่เดือนนางถึงจะอายุครบสิบหกเต็ม เมื่อเข้ามาอยู่ในแผ่นดินของผู้ฝึกตนเช่นนี้ สตรีที่อายุอานามถึงสิบหกปีย่อมหมายความว่าโตเป็นผู้ใหญ่แล้ว

ผู้ฝึกตนที่มีความสามารถแข็งแกร่งนั้น จะสามารถนับกระดูกอายุของพวกเขาได้

เย่จายซิงเองมิได้ตั้งใจจะปิดบังแต่อย่างใด ดังนั้นผู้คนที่อยู่โดยรอบจึงรู้ว่านางมิได้โกหก อีกทั้งใบหน้าของวัยแรกแย้มราวกับบุปผาของนางเช่นนี้ กลิ่นอายของหญิงสาวที่เติบโตเข้าช่วงวัยผู้ใหญ่ นางย่อมดูงดงามอย่างหาที่สุดมิได้

“เจ้าเป็นปรมาจารย์กลั่นยาขั้นใด?” บุรุษวัยกลางคนกล่าวถามอีกครั้ง

“อาจารย์กลั่นยาขั้นเจ็ด”

เย่จายซิงกล่าว

เพียงแค่นางพูดประโยคนี้ออกมา ดวงตาของเจ้าหน้าที่คนนั้นแทบจะตาถลนออกมาในทันที

“เจ้าว่าขั้นใดนะ?”

บุรุษวัยกลางคนพลันเด้งตัวลุกขึ้นมาจากเก้าอีกในทันที พลางมองมาที่นางด้วยท่าทีไม่เชื่อใจ ดวงตายังฉายแววเจ้าเล่ห์ออกมาอีก

ไม่มีผู้ใดเชื่อในคำพูดของนาง

นางเพิ่งจะอายุยางเข้าสิบเจ็ดหนาว แม้ว่าจะเป็นปรมาจารย์กลั่นยาแล้วอย่างไร อายุเพียงสิบเจ็ดหนาวอย่างมากก็เป็นได้แค่ปรมาจารย์กลั่นยาขั้นห้าเท่านั้น

ทางฝั่งของเซียนเหอและแดนเหนือนั้น มีอัจฉริยะอายุน้อยเช่นนี้อยู่มากเลยทีเดียว

ทว่า อายุสิบเจ็ดหนาวเป็นได้ถึงขั้นอาจารย์กลั่นยาขั้นเจ็ดนั้น พวกเขาเคยได้ยินเป็นครั้งแรก

เป็นเวลานับหมื่นปีแล้ว พวกเขามิเคยได้ยินอัจฉริยะทางด้านปรมาจารย์กลั่นยาเช่นนี้มาก่อนเลย

“ขั้นเจ็ด”

เย่จายซิงตอบคำถามเขาอีกครั้ง

“เจ้าอย่าได้มาเอ่ยหยอกล้อเช่นนี้ แม่นางน้อย การประลองการกลั่นยานั้นเป็นเวทีทางการ หาใช่สถานที่ที่เจ้าจะเข้าไปก่อความวุ่นวายได้”

บุรุษวัยกลางคนพลันโบกมือไปมา เขารู้สึกว่าเย่จายซิงกำลังกลั่นแกล้งเขาอยู่

“ข้ามิได้พูดเล่น การประลองมิได้มีกฎข้อห้ามว่าบุคคลที่อายุน้อยห้ามเข้าร่วมการประลองมิใช่หรือ”

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: บัลลังก์ชายาหมอเทวดา