เย่จายซิงมีความรู้สึกคุ้นเคยบางอย่างว่าตนเองเคยวาดค่ายกลเหาะเหิน
ฉะนั้นเมื่อครู่เป็นการวาดครั้งแรก นางก็ทำสำเร็จแล้ว
“ผู้ใดเป็นคนสอนข้ากัน?”
เป็นท่านพ่อของเด็กในท้องหรือ?
ความคิดนี้ ทำให้นางยกมุมปากขึ้นเล็กน้อย
นางนำหางเสือทิพย์ที่เผาจนไหม้แล้วดึงออกมา ติดตั้งไว้ด้านบนของค่ายกลเหาะเหิน วาดค่ายกลต่อไป
หางเสือทิพย์คือตำแหน่งที่สำคัญในการควบคุมทิศทาง เพียงแต่ว่าทิศทางเป้าหมายของนางคือเมืองเสวียนหยวน ดังนั้นจะวาดทิศทางเฉพาะอย่างเดียว วาดเสร็จอย่างง่ายดายยิ่งนัก
สุดท้ายนำหินทิพย์สองสามก้อนวางเข้าไปที่ใจกลางของค่ายกล เรือทิพย์ก็จะถูกเปิดใช้งาน
ฉียวี่เจียและกัวเจียงได้สติกลับมาจากท่าทีที่ตะลึงงันเรียบร้อยแล้ว มองดูเรือทิพย์ที่โกโรโกโสแต่กลับใช้งานได้ อ้าปากค้าง พูดจาไม่ออกอยู่ครู่ใหญ่
“ยังมัวอึ้งอะไรอยู่ ขึ้นมา”
เย่จายซิงเก็บเชือกมัดเซียนแล้ว ตะโกนเรียกทั้งสองคนเข้ามา
ทั้งสองคนก้าวเดินด้วยฝีเท้าที่หนักอึ้ง ผลสุดท้ายก็คือเดินขึ้นไปแล้ว
ด้านในเรือทิพย์มีสภาพโกโรโกโสเช่นเดียวกันกับด้านนอก มีหลายจุดที่ยังมีลมรั่วอยู่ แต่ทว่าทันทีที่เรือทิพย์เปิดใช้งาน ความรวดเร็วกลับเร็วกว่าก่อนหน้าตอนที่ไร้ความเสียหายเป็นอย่างมาก
กัวเจียงกลืนน้ำลายลงไปอึกหนึ่ง เอ่ยถาม: “เย่จายซิง เจ้ายังเป็นอาจารย์กลั่นภัณฑ์ที่เก่งกาจคนหนึ่ง?”
เย่จายซิงก็ไม่รู้ว่าตนเองใช่หรือไม่ใช่อาจารย์กลั่นภัณฑ์กันแน่
นางตอบกลับอย่างเรียบเฉย: “พอใช้ได้กระมัง”
กัวเจียงและฉียวี่เจียสบตากันแวบหนึ่ง กล่าวในใจ นี่ยังพอใช้ได้ เช่นนั้นอาจารย์กลั่นภัณฑ์ธรรมดาทั่วไปก็ไม่ต้องมีชีวิตอยู่แล้ว
ภายในใจฉียวี่เจียก็ยิ่งริษยาอย่างบ้าคลั่ง เพราะเหตุใดหญิงสาวผู้นี้ถึงมีรูปโฉมที่งดงามเช่นนี้ ยังมีพรสวรรค์ที่แข็งแกร่งและยิ่งใหญ่ถึงเพียงนี้ เหมือนกับว่าอาชีพบนโลกนี้ไม่มีที่นางทำไม่ได้
โชคดีที่ สมองของหญิงสาวผู้นี้มีปัญหา ล่วงเกินลู่ซวงอิง จะต้องไม่มีทางได้ใช้ชีวิตอย่างผาสุกเป็นแน่ หวังเพียงแค่ตนเองอย่าได้พลอยเดือดร้อนไปด้วยเลย
ไม่ถึงครึ่งชั่วยาม เรือทิพย์ก็มาถึงด้านนอกเมืองเสวียนหยวนแล้ว
ท้องฟ้ายังไม่ทันได้มืดสนิท ด้านนอกเมืองยังมีคนจำนวนมากมายต่อแถวเพื่อเข้าเมือง ทันทีที่เรือทิพย์โกโรโกโสปรากฏขึ้น ก็ดึงดูดสายตาของทุกคนในทันที ชี้ไม้ชี้มือไปยังเรือทิพย์อยู่ครู่หนึ่ง
“คุณพระ เรือทิพย์ที่โกโรโกโสลำนี้ไม่นึกเลยว่ายังสามารถบินได้!”
“ชั่วชีวิตนี้ของข้าไม่เคยเห็นเรือทิพย์ที่อัปลักษณ์เช่นนี้มาก่อน วันนี้นับว่าความรู้ได้งอกเงยแล้ว!”
“อัปลักษณ์ที่สุดในโลกมนุษย์จริงๆ!”
เมื่อได้ยินคำพูดของด้านนอก ฉียวี่เจียและกัวเจียงทั้งสองคนก็ไม่มีหน้าจะลงไปโดยสิ้นเชิง
ในทางกลับกันเป็นเย่จายซิง ที่เดินลงไปอย่างสง่าผ่าเผย ยอมรับสายตาที่มองอย่างแปลกประหลาดของบรรดาผู้คน
แต่ว่าไม่นานนัก สายตาที่ประหลาดใจก็เปลี่ยนเป็นตกตะลึง
เย่จายซิงไม่ได้ปิดบังโฉมหน้า นางอยากรู้ตัวตนของตนเอง หากปิดบังโฉมหน้าละก็ อาจจะพลาดอะไรบางอย่างไป
นางเก็บเรือทิพย์แล้ว ฉียวี่เจียและกัวเจียงทั้งสองคนร่วงลงบนพื้น ต่างพากันก้มหน้า ไม่อยากถูกคนสำรวจ ชีวิตนี้ไม่เคยอับอายขายหน้าขนาดนี้มาก่อน
ผู้ที่ไม่รู้ ยังนึกว่าพวกเขาเป็นยาจกที่ไม่มีปัญญาเช่าเรือทิพย์
เพียงแต่พวกเขายืนอยู่ด้วยกันกับเย่จายซิง แน่นอนว่ายากที่จะหลีกเลี่ยงที่จะถูกสำรวจ คนอื่นกลับไม่คิดว่าพวกเขาเป็นยาจก คิดว่าพวกเขาสองคนก็เหมือนกับลูกน้องของเย่จายซิง ไม่เหมือนเพื่อนร่วมเดินทาง
มีเย่จายซิงอยู่ พวกเขาสองคนก็มืดสลัวอับแสง
เข้าแถวใช้เวลาครึ่งชั่วยามถึงได้เข้าเมือง ผู้ที่ไม่จำเป็นต้องต่อแถวเข้าเมือง ล้วนเป็นท่านชายคุณหนูของตระกูลขุนนางระดับสูง เย่จายซิงย่อมไม่มีสิทธิพิเศษนี้
เมื่อเข้าเมืองแล้ว หาคนเพื่อสืบข่าวดูเสียหน่อย เย่จายซิงตรงไปยังร้านเช่ารถหนานกง นางต้องไปชดใช้เงิน
ร้านเช่ารถหนานกง เป็นร้านให้เช่าที่ใหญ่ที่สุดทั่วทั้งแผ่นดินหลิงเซียว
“นี่..................”
เมื่อได้เห็นเรือทิพย์สภาพโกโรโกโสเกินกว่าจะทนดูได้ ทุกคนของร้านเช่ารถต่างก็ตะลึงงันไปแล้ว
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: บัลลังก์ชายาหมอเทวดา
มาอ่านเรื่องนี้ต่อค่ะ หวังว่าจะลงเนื้อหาจนจบ...
115จนถึงถึง159ไม่มีเลยค่ะลงต่อให้ครบได้มั้ยค่ะ😂...
ตอนที่ 115-159 หายไปค่ะ อ่านต่อไม่ได้อ่ะค่ะ...
115-159หายไปไหนอ่าคะ...
อัพวันละหลายๆตอนได้มั้ยค่ะ ขอบคุณค่ะ...