“เจ้ามีเรื่องอะไรที่เล่าไม่ได้ใช่หรือไม่? ถ้าหากไม่สะดวกที่จะเล่า ไม่เล่าก็ไม่เป็นไร”
เมื่อเห็นว่าสีหน้าของเย่จายซิงมีความลังเล หนานกงจิ่นเอ่ยกล่าวอย่างเข้าอกเข้าใจ
“อันที่จริงแล้วก็ไม่ใช่เรื่องอะไรที่เล่าไม่ได้ เพียงแต่เนื่องจากข้าสูญเสียความทรงจำ จำเรื่องราวก่อนหน้านี้ไม่ได้ ฉะนั้นไม่รู้ว่าควรจะตอบคำถามอย่างไร”
เย่จายซิงกล่าวอย่างตรงไปตรงมา
นางมองดูหว่างคิ้วของหนานกงจิ่นเอาไว้ตลอดเวลา ไม่ได้มีเจตนาร้ายเลยแม้แต่นิดเดียว นางไม่ต้องเป็นกังวลว่าหนานกงจิ่นจะหลอกอะไรตนเองเพราะตนเองสูญเสียความทรงจำ
“สูญเสียความทรงจำ? เจ้าจำเรื่องราวก่อนหน้านี้ทั้งหมดไม่ได้แล้วงั้นหรือ?”
หนานกงจิ่นตกตะลึงเป็นอย่างยิ่ง คิดไม่ถึงว่านางจะสูญเสียความทรงจำ มิน่าเล่านางถึงได้มีความอยากรู้อยากเห็นในตัวตนของท่านอาเย่มากถึงเพียงนั้น
บางที ไม่แน่ว่านางและท่านอาเย่อาจจะมีความสัมพันธ์พ่อลูกกันก็ได้
พวกเขาหน้าตาละม้ายคล้ายกันอยู่นิดหน่อย
เย่จายซิงพยักหน้ากล่าว:
“ถูกต้อง ไม่นานก่อนหน้านี้ทันทีที่ข้าฟื้นขึ้นมา ไร้ความทรงจำทั้งหมด แม้แต่ตัวตนของตนเองก็ไม่รู้ ถ้าหากไม่ใช่เพราะบนชุดที่สวมใส่มีชื่อ ตอนนี้ข้าคงจะเป็นแม้กระทั่งคนไร้ชื่อไร้สกุล ฉะนั้นเมื่อได้ยินท่านบอกว่ามีคนหน้าตาละม้ายคล้ายกันกับข้า อีกทั้งยังสกุลเย่ จิตใจของข้าถึงได้รีบร้อนขึ้นมาอยู่บ้างทันที”
“อย่างนี้นี่เอง ข้าน้อยสามารถเข้าใจได้ เอาแบบนี้แล้วกัน ข้าจะส่งข้อความกลับไป ให้ท่านน้าเล็กของข้าถามท่านอาเย่ดูว่าบุตรสาวมีนามว่าอะไร ถ้าหากเป็นเจ้าละก็ ข้าก็จะพาเจ้ากลับไปที่ราชวงศ์จิงหงด้วยกัน”
เย่จายซิงพยักหน้า กล่าวอย่างซาบซึ้งใจ: “เช่นนั้นก็ขอบคุณท่านยิ่งนัก”
“เรื่องเล็กน้อยเท่านั้น”
เขาหัวเราะเสียงเบา เป็นสัญญาณบอกใบ้ให้เย่จายซิงไม่จำเป็นต้องเกรงใจมากนัก
ถ้าหากนางเป็นบุตรสาวของท่านอาเย่จริงๆ นี่จะเป็นเรื่องที่ดีเรื่องหนึ่ง
เขาส่งข้อความไปให้แก่ท่านน้าเล็กของเขาทันที ก็คือองค์หญิงสามของราชวงศ์จิงหง
มือทั้งสองข้างของเย่จายซิงประสานกันไว้ จับเอาไว้อย่างแน่นหนา ภายในใจมีความตื่นเต้นเล็กน้อย
เดิมทีนางคิดว่าจะต้องรอนานมากถึงจะตอบกลับจดหมายได้ คิดไม่ถึงว่าเพียงแค่ครู่เดียว แผ่นหยกในมือของหนานกงจิ่นก็เปล่งแสงขึ้นมา
เขาเปิดแผ่นหยกออก ด้านในมีเสียงของสตรีที่เบิกบานเสียงหนึ่งลอยออกมา:
“ท่านอาเย่ของเจ้าเก็บตัวฝึกได้สักพักแล้ว ยังไม่ได้ออกจากการฝึก มีอะไร? เจ้าตามหาญาติของเขาเจอแล้วหรือ?”
หนานกงจิ่นมองเย่จายซิงแวบหนึ่ง กล่าวส่งเสียงใส่แผ่นหยก:
“ไม่ใช่ เพียงแต่ข้าเห็นสตรีนางหนึ่งหน้าตาละม้ายคล้ายกับท่านอาเย่อยู่บ้างนิดหน่อย ฉะนั้นจึงถามขึ้นด้วยความอยากรู้อยากเห็น”
เขาไม่ได้นำเรื่องของเย่จายซิงพูดออกไปโดยตรง ก่อนหน้านี้สีหน้าของนางก็ลังเลเป็นอย่างมาก ไม่ยินยอมให้ผู้อื่นรู้เรื่องราวของนางมากเกินไป
อีกทั้งนางสูญเสียความทรงจำ จะต้องระมัดระวังตัวต่อเรื่องราวทั้งหมดมากเป็นแน่
เขาจะไม่นำเรื่องราวของเย่จายซิงบอกแก่ผู้อื่น
“ขอบคุณมาก”
เมื่อแผ่นหยกมืดลง เย่จายซิงก็กล่าวขอบคุณกับเขา
“เป็นเรื่องที่สมควร ข้าเองก็ไม่ได้ช่วยอะไรมากมาย” หนานกงจิ่นกล่าว: “ข้ากำลังจะกลับไปพอดี เจ้าอยากจะร่วมเดินทางไปกับข้าหรือไม่ ไปดูว่าท่านอาเย่ใช่หรือไม่ใช่บิดาของเจ้า บางทีตอนที่พวกเราไปถึง เขาก็อาจจะออกจากการฝึกแล้วก็ได้”
“นี่......แท้ที่จริงแล้วข้าก็มีความคิดเช่นนี้ แต่ว่าเดินทางด้วยกันกับท่านอาจจะไม่ค่อยสะดวกสักเท่าใด ข้ายังต้องไปเซียนเหอก่อน”
นางกล่าว
“เป็นเพราะลูกศิษย์ของสำนักเสวียนปิงสองคนนั้นใช่หรือไม่?”
หนานกงจิ่นเอ่ยกล่าวขึ้นมาทันทีทันใด
“ท่านรู้จักพวกเขา?” นางมีความประหลาดใจเล็กน้อย คิดไม่ถึงว่าฉียวี่เจียและกัวเจียงจะถูกเขาจำได้เสียแล้ว
ไม่ผิด จุดประสงค์ที่นางจะไปเซียนเหอ ก็เพื่อแก้ไขปัญหาของเรื่องราวของพวกเขาทั้งสองคน
แน่นอนว่านางไม่มีทางนำพวกเขาปล่อยกลับไปที่สำนักจริงๆ เพียงแค่ต้องการให้ท่านอาจารย์ของพวกเขารู้ว่าพวกเขาตายที่เซียนเหอ อีกทั้งผู้สังหารก็คือนาง ให้เขารู้ว่าอย่าได้คิดโยงไปถึงที่สำนักเฉียนคุนทางนั้นอีก
ถ้าเช่นนั้นต่อไปสำนักเฉียนคุณก็ไม่ต้องแบกรับความโกรธแค้นของอีกฝ่าย สามารถแข็งแกร่งขึ้นมาอย่างเงียบๆได้อย่างวางใจ
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: บัลลังก์ชายาหมอเทวดา
มาอ่านเรื่องนี้ต่อค่ะ หวังว่าจะลงเนื้อหาจนจบ...
115จนถึงถึง159ไม่มีเลยค่ะลงต่อให้ครบได้มั้ยค่ะ😂...
ตอนที่ 115-159 หายไปค่ะ อ่านต่อไม่ได้อ่ะค่ะ...
115-159หายไปไหนอ่าคะ...
อัพวันละหลายๆตอนได้มั้ยค่ะ ขอบคุณค่ะ...