“ทะเลทรายยู่ซีเกิดเรื่องอะไรขึ้นที่นั่น?”
เสวียนหยวนป๋ายเห็นสีหน้าของหนานกงจิ่นเคร่งขรึมเล็กน้อย กล่าวอย่างสงสัย
เย่จายซิงก็มองหนานกงจิ่นเช่นกัน
หนานกงจิ่นกล่าว:
“ทะเลทรายยู่ซีปรากฏสุสานบรรพกาลที่มีพลังยิ่งใหญ่ขึ้นแห่งหนึ่ง แต่ผิดธรรมดายิ่งนัก ผู้แข็งแกร่งที่แต่ละตระกูลใหญ่ส่งตัวออกไปล้วนตกลงไปด้านใน มีผู้อาวุโสของพวกเราตระกูลหนานกงก็ติดอยู่ภายในสุสานใหญ่เช่นกัน ข้าจำเป็นต้องไปดูเสียหน่อย”
“อีกอย่าง” เขามองไปทางเย่จายซิง เปลี่ยนเป็นส่งเสียง:
“เมื่อครู่ข้าได้รับการส่งเสียงของท่านน้าเล็ก นางกล่าวว่าท่านอาเย่เก็บตัวฝึกก็หายตัวไปอย่างกะทันหัน ไม่รู้ว่าได้ยินข่าวอะไรหรือไม่ ตอนนั้นคนรับใช้เห็นว่าหน้าตาท่าทางของเขาได้รับความกระทบกระเทือนอย่างรุนแรง จากนั้นก็ไม่มีใครหาเขาเจออีกเลย”
เมื่อเย่จายซิงได้ยินประโยคนี้ หว่างคิ้วก็ขมวดแน่น
เป็นข่าวอะไร ทำให้เขาได้รับความกระทบกระเทือนอย่างรุนแรง?
จิตใจของนางตอนนี้ก็วุ่นวายทันที เกิดความลนลานที่ไม่สามารถอธิบายได้
“เจ้ามีแผนการอะไร? มิสู้ไปลองดูที่ทะเลทรายยู่ซีกับข้าก่อน?”
หนานกงจิ่นเอ่ยกล่าว
ทิวทัศน์ของทะเลทรายยู่ซียังค่อนข้างโอ่อ่าสง่างาม
เย่จายซิงส่ายหน้า: “ไม่ละ ข้าจะรออยู่ที่นี่ล่ะ”
นางไม่อยากไปทะเลทรายยู่ซี ตอนนี้ตัวตนของตนเองยังไม่ชัด เรื่องราวอื่นๆ นางไม่มีความสนใจ
“เจ้าเป็นหญิงสาวอ่อนแอคนหนึ่ง อย่างไรเสียไปด้วยกันกับพวกเราจะดีกว่า”
เสวียนหยวนป๋ายเอ่ยกล่าว
เฮ่อจี้และหนานกงหยวนก็พยักหน้าคล้อยตามเช่นกัน
เย่จายซิงกล่าว: “ขอบคุณเจตนาดีของพวกท่าน แต่ว่าข้าไม่ใช่หญิงสาวที่อ่อนแออะไร พวกท่านวางใจได้ มีวาสนาครั้งหน้าพบกันใหม่เถอะ”
ด้วยเหตุนี้ เย่จายซิงจึงแยกกับทุกคน
ตำแหน่งที่นางอยู่เป็นกำแพงคูเมืองเล็กๆแห่งหนึ่ง เมื่อกางแผนที่ออก พบว่าที่นี่ใกล้กับเซียนเหอมาก ระยะทางเพียงแค่ครึ่งวันเท่านั้น
“เช่นนั้นก็ไปเซียนเหอเถอะ”
นางเอ่ยกล่าวกับตนเองด้วยความไม่รู้อะไรเลย
เดิมทีเป้าหมายของนางก็คือเซียนเหอ เพียงแต่เหตุผลที่นางไปเซียนเหอก็เพื่อนำตัวฉียวี่เจียและกัวเจียงกลับไป เพื่อกระตุ้นความแค้นของผู้อาวุโสจู ทำให้ความสนใจของผู้อาวุโสจูมาอยู่บนตัวนางทั้งหมด เพื่อจะได้ไม่ไปหาเรื่องวุ่นวายที่สำนักเฉียนคุน
แต่ตอนนี้เรื่องนี้ถูกหนานกงจิ่นแก้ไขไปเรียบร้อยสมบูรณ์
คาดว่าผู้อาวุโสจูรู้สึกว่าการที่ลูกศิษย์ทั้งสองคนปรากฏตัวที่เมืองเสวียนหยวน หมายความว่าเรื่องของลูกผู้น้องของเขาที่เมืองยวี่หลัวได้แก้ไขปัญหาเรียบร้อยแล้ว
อีกทั้งหนานกงจิ่นได้ยื่นคำขาดสุดท้ายแก่ผู้อาวุโสแล้ว ถ้าหากยังไม่คืนเงินงวดสุดท้าย ก็จะไปทวงหนี้ถึงที่
ฉะนั้นเดิมทีนางไม่จำเป็นต้องไปเซียนเหออีก แต่ในเวลานี้ได้สูญเสียจุดมุ่งหมายไปอย่างกะทันหัน เหมือนกับว่านางได้กลายเป็นแมลงวันหัวขาดอีกครั้ง(ไร้จุดมุ่งหมาย)
ในเมื่อตรงนี้อยู่ไม่ไกลกับเมืองเซียนเหอ เช่นนั้นก็ไปดูสถานที่ที่เจริญรุ่งเรืองที่สุดในแดนใต้เสียหน่อย
ทันใดนั้น นางก็รู้สึกว่าแจกันดอกไม้ในแหวนมิติขยับเขยื้อน นางหยิบแจกันดอกไม้ออกมา ทันทีที่ปากแจกันดอกไม้หมุน ก็ชี้ไปทางเซียนเหอ
“หรือว่า ที่เซียนเหอมีคนสำคัญบางคนกำลังรอข้าอยู่งั้นหรือ?”
นางคลุมผ้าคลุมหน้า เช่าเรือทิพย์ลำหนึ่งที่ในเมือง มุ่งหน้าเหาะไปเซียนเหอ
เมื่อตอนที่กำลังใกล้ถึงเซียนเหอ นางยืนอยู่ด้านบนดาดฟ้าเรือ มองเห็นภาพที่เต็มไปด้วยความเจริญรุ่งเรืองจากที่ไกลไกล
ที่อีกด้านหนึ่งของแม่น้ำสายใหญ่สายหนึ่ง ต่างก็เป็นสิ่งก่อสร้างแบบโบราณรูปแบบต่างๆ ความสูงเตี้ยต่างกัน มีเสน่ห์และแฝงไปด้วยความงดงามเป็นของตัวเอง
ถนนหนทางคดเคี้ยวยาวเหยียด กำแพงเมืองสูงตระหง่าน ชี่ทิพย์เข้มข้น เสียงชนอื้ออึง
นี่ก็คือเซียนเหอ
กำแพงคูเมืองนี้ มีขนาดใหญ่กว่าเมืองยวี่หลัวหลายร้อยเท่า
“มีผู้นำทางเข้าเมืองหรือไม่?”
ลงจากเรือทิพย์ นอกเมืองเต็มไปด้วยผู้คนที่ต่อแถวเข้าเมือง เย่จายซิงเก็บเรือทิพย์เรียบร้อยแล้ว หลังจากที่เข้าเมืองแล้วคิดที่จะคืนเรือทิพย์ ก็ได้ยินองครักษ์อารักขาเมืองซักถามเช่นนี้
เย่จายซิงเอ่ยถามบุรุษวัยกลางคนที่อยู่ด้านข้างอย่างสงสัย:
“เข้าเมืองยังต้องการผู้นำทางด้วยหรือ?”
“ถูกต้อง จำเป็นต้องมีคู่มือนำทาง อีกไม่กี่วันองค์หญิงหงส์กับเจ้าบ้านป๋ายหลี่จะแต่งงานกันแล้ว ตอนนี้ในเมืองจึงกลายเป็นเข้มงวดขึ้น”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: บัลลังก์ชายาหมอเทวดา
มาอ่านเรื่องนี้ต่อค่ะ หวังว่าจะลงเนื้อหาจนจบ...
115จนถึงถึง159ไม่มีเลยค่ะลงต่อให้ครบได้มั้ยค่ะ😂...
ตอนที่ 115-159 หายไปค่ะ อ่านต่อไม่ได้อ่ะค่ะ...
115-159หายไปไหนอ่าคะ...
อัพวันละหลายๆตอนได้มั้ยค่ะ ขอบคุณค่ะ...