“โจวหยวนจื่อเจ้ามันช่างบังอาจมากถึงขั้นให้ข้าคุกเข่า! ข้าเป็นนายน้อยตระกูลป๋ายหลี่เชียวนะ!”
เมื่อป๋ายหลี่ปินได้ยินโจวหยวนจื่อขอให้เขาคุกเข่าลงขอโทษ หน้าก็แดงก่ำทันที และจ้องมองคนตรงข้ามหลายคนด้วยสายตาเกลียดชัง
“ก็แค่นายน้อยตระกูลป๋ายหลี่สายแยก พูดตามตรง ยังต้องไว้หน้าคนใช้ของสายหลัก เจ้ายังคิดว่าเจ้าเป็นคนใหญ่โตมาจากไหนอีกงั้นหรือ”
เย่จายซิงกล่าว
นางเกลียดชังตระกูลป๋ายหลี่ ไม่เพียงเพราะป๋ายหลี่ฮ่าวเท่านั้น ตั้งแต่นางได้ยินมาว่าตระกูลป๋ายหลี่แต่งงานกับองค์หญิงหงสาเป็นเรือนหลัก นางไม่ชอบตระกูลนี้เป็นอย่างมาก แต่ก็บอกไม่ถูกว่าเพราะเหตุใด
ตอนนี้ ป๋ายหลี่ปินก็ช่างทำให้คนรู้สึกขยะแขยง
บางทีตระกูลป๋ายหลี่ทุกคนล้วนแต่เป็นพวกคนชั่ว ไม่มีคนดีสักคน
“เจ้ากำลังพูดเรื่องไร้สาระอะไร! แม้ว่าข้าจะเป็นสายแยก แต่ก็มีเกียรติมากกว่าชาวบ้านยากจนอย่างพวกเจ้า ข้าไม่คุกเข่า พวกเจ้าจะทำอะไรข้าง!”
ป๋ายหลี่ปินร้องคำรามด้วยความโกรธ เขาตอบประโยคนั้นโดยไร้ซึ่งความหวาดเกรง
อย่างไรเสียเขาเสียหน้า ครอบครัวเขาก็เสียด้วย
โม่เสิ่นยวนมองไปที่เขาและหลัวเฟิง “ถ้าเจ้าไม่คุกเข่าวันนี้ก็แค่เสียขา”
เมื่อพูดจบลง พลังยับยั้งของเขาก็ทะยานขึ้น กดดันคนทั้งสองจนตัวยืนไม่ตรง ราวกับพลังดาบสองเล่มกระแทกเข้าที่เข่าของเขา จากนั้นสองคนก็คุกเข่าลงพื้นอย่างแรง
“คุกเข่าขอโทษ”
เมื่อเสียงเย็นชาที่ไม่แยแสจบลง ก็เหมือนมีมือที่มองไม่เห็นกำลังจับคอของพวกเขาอยู่ และเหมือนคอถูกจับในทันที
ความรู้สึกกลัวทำให้ทั้งสองสูญเสียความกล้าที่จะต่อต้าน รีบก้มหัวและยอมรับความผิดพลาดของพวกเขา
“ข้าขอโทษ ศิษย์พี่เย่ มันเป็นเพราะข้ามีตาแต่หามีแววไม่ เพราะลูกศิษย์ของข้าไม่ดี มันเป็นความผิดของข้า ข้าไม่ควรพูดเรื่องไร้สาระเกี่ยวกับความสัมพันธ์ระหว่างอาจารย์กับลูกศิษย์ของพวกท่าน!”
“ข้าผิดไปแล้ว ข้าไม่ควรดูถูกนาง ข้าไม่ควรลุ่มหลงในความงามของนาง ได้โปรดไว้ชีวิตข้าด้วย!”
ทั้งสองก้มหน้าและขอโทษ โจวหยวนจื่อดูภูมิใจยิ่งนัก ดูสิ ลูกศิษย์ของเขาทำให้เขามีหน้ามีตามากขึ้น!
นอกจากนี้ยังมีสามีของลูกศิษย์ ที่สามารถใช้พลังอันทรงพลังบังคับให้สองคนนี้ขอโทษ ช่างน่าชื่นชมจริงๆ
หลังจากโขกหัวขอโทษแล้ว หลัวเฟิงและป๋ายหลี่ปินก็รู้สึกได้ถึงแรงกดดันต่อร่างกายของพวกเขาค่อยๆ เบาลง ราวกับว่ามีดขนาดใหญ่ที่จ่ออยู่บนคอของพวกเขาหายไป
ในขณะที่ทั้งสองกำลังรู้สึกโล่งใจอยู่นั้น พวกเขาก็ไม่พอใจอย่างยิ่ง โดยเฉพาะป๋ายหลี่ปินที่อยากจะเอาดาบมาฟันโม่เสิ่นยวนนับพันครั้ง เพื่อระบายความโกรธในใจของเขา
พวกเขาก้มหัว ไม่ปล่อยให้ความแค้นและความเกลียดชังแสดงออกมา โดยคิดว่าจะให้อีกฝ่ายได้เห็นดีหลังจากที่พวกเขาออกจากที่นี่
ใครจะไปรู้ ทันทีที่พวกเขาคิดว่าพวกเขาไม่เป็นไร และกำลังลุกขึ้นนั้น ดาบยาวที่เต็มไปด้วยไอเย็นก็พุ่งเข้าใส่ราวกับสายฟ้า
พวกเขาไม่มีโอกาสหลบเลยแม้แต่น้อย คมดาบส่งเสียงดังหวีดหวิวอยู่ในหู จากนั้นความเจ็บปวดก็พุ่งเข้ามา ร่างกายของทั้งสองยังคงยืนนิ่ง แต่ศีรษะของพวกเขากลับกลิ้งลงที่พื้น
ตายโดยที่ตายังไม่หลับ ขณะที่ศีรษะกลิ้งอยู่ที่พื้นและเปื้อนดินโคลน
อ๊ะ!
พวกขี้ขลาดต่างส่งเสียงร้องออกมาด้วยความตกใจ
ทุกคนที่อยู่ในเหตุการณ์ต่างก็ตะลึงกับฉากนี้ ชายรูปงามราวกับเทพคนนั้นได้สังหารป๋ายหลี่ปิน และหลัวเฟิงทั้งที่พวกเขาฆ่าก็ก้มหน้ายอมรับผิดแล้ว
นั่นคือนายน้อยและอาจารย์ยันต์ทิพย์จากสาขาแยกของตระกูลป๋ายหลี่!
พระเจ้า มีคนกล้าทำร้ายตระกูลป๋ายหลี่ เขาไม่อยากมีชีวิตอยู่แล้วหรือ?
“เจ้าช่างกล้าหาญเหลือเกิน กล้าดีอย่างไรถึงฆ่าคนของตระกูลป๋ายหลี่ในหอเจินเหว้ย!”
เถ้าแก่ทังรีบวิ่งเข้ามา ใบหน้าของเขาซีดเผือดด้วยความกลัว เขาจะอธิบายเรื่องนี้ให้ตระกูลป๋ายหลี่ฟังอย่างไร!
เขาอยากจะขอให้คนผูกชายคนนี้และส่งไปให้ตระกูลป๋ายหลี่เสียตอนนี้ แต่เขารู้ดีว่าความแข็งแกร่งที่ชายผู้นี้แสดงออกมานั้นแข็งแกร่งเกินไป และพลังที่แท้จริงของเขาก็คงถึงแดนมหาจักรพรรดิทิพย์แล้ว
ไม่ว่าเขาจะส่งคนไปจับเขาได้หรือไม่นั่นคือปัญหา ถ้าจับเขาไม่ได้ บางทีหอเจินเหว้ยแห่งนี้อาจจะถูกทำลายลงก็ได้
ดังนั้นเขาจึงไม่กล้าทำอะไรทั้งนั้น จึงทำได้เพียงแจ้งคนในตระกูลป๋ายหลี่ทันที ให้พวกเขาจับกุมตัวชายคนนี้ด้วยตัวเอง
“ทำร้ายภรรยาของข้า ต่อให้ตายร้อยทีก็ยังไม่พอ”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: บัลลังก์ชายาหมอเทวดา
มาอ่านเรื่องนี้ต่อค่ะ หวังว่าจะลงเนื้อหาจนจบ...
115จนถึงถึง159ไม่มีเลยค่ะลงต่อให้ครบได้มั้ยค่ะ😂...
ตอนที่ 115-159 หายไปค่ะ อ่านต่อไม่ได้อ่ะค่ะ...
115-159หายไปไหนอ่าคะ...
อัพวันละหลายๆตอนได้มั้ยค่ะ ขอบคุณค่ะ...