บัลลังก์ชายาหมอเทวดา นิยาย บท 370

ป๋ายหลี่ปินเต็มไปด้วยความมั่นใจในตนเอง คิดว่าตนเองต้องชนะแน่แล้ว

ในดวงตาของโม่เสิ่นยวนปรากฏเจตนาสังหารแวบหนึ่ง กล่าวอย่างเย็นยะเยือก: “ไม่ประมาณความสามารถของตนเอง”

“เจ้าพูดอะไร ข้าไม่ประมาณความสามารถของตนเอง? ฮ่าฮ่า! ช่างน่าขันยิ่งนัก เห็นได้ชัดว่านางต่างหากที่ไม่ประมาณความสามารถของตนเอง! ข้าว่านะ นางถูกใจข้าเข้าให้แล้ว ต้องการอยากจะไปใช้วันเวลาที่ดีงามกับข้า ได้กินดีอยู่ดี สวมเขาให้เจ้า!!”

ป๋ายหลี่ปินเอ่ยกล่าวเสียงดัง

อยู่ด้วยกันกับไอ้หนุ่มหน้าขาวที่มีดีแค่หน้าตาเท่านั้นคนหนึ่ง จะดีสู้ท่านชายสายแยกแห่งตระกูลป๋ายหลี่แบบตนเองเช่นนี้ได้อย่างไร?

เขาคิดว่า เย่จายซิงเป็นผู้เข้าใจสถานการณ์คือผู้เฉลียวฉลาดคนหนึ่ง

อีกทั้งผู้หญิงนี่นา มีเพียงไม่กี่คนที่ไม่ฟุ้งเฟ้อ

เย่จายซิงสามารถสัมผัสได้ถึงอายสังหารบนร่างกายของโม่เสิ่นยวน นางดึงแขนเสื้อของเขาเอาไว้ กล่าว:

“ไม่ต้องสนใจเขา อีกประเดี๋ยวเขาจะได้คุกเข่าให้ข้าเหมือนกับสุนัขตัวหนึ่งแล้ว”

สายตาที่โม่เสิ่นยวนมองป๋ายหลี่ปินเหมือนกับกำลังมองคนตายคนหนึ่ง เมื่อได้ยินคำพูดของน้องซิง มุมปากของเขายกขึ้น กล่าว:

“น้องซิงกล่าวไม่ผิด เพียงแต่นำเขาไปเปรียบเทียบกับสุนัข กลับเป็นการดูถูกเหยียดหยามสุนัขแล้ว”

เย่จายซิงหัวเราะเบาๆ มองดูท่าทางของเขายังนึกว่าเขาจะเย็นชาเสียอีก คิดไม่ถึงว่าจะกล่าวคำพูดทำให้คนโมโหจนอกแตกตายประเภทนี้ด้วยเช่นกัน

นางพยักหน้าคล้อยตาม “ใช่แล้ว เขาเทียบไม่ได้แม้กระทั่งสุนัข”

ได้ยินคนทั้งสองดูหมิ่นตนเองอย่างเข้ากันเป็นปี่เป็นขลุ่ย สีหน้าของป๋ายหลี่ปินอึมครึม ตบโต๊ะอย่างรุนแรง กล่าวเสียงดัง:

“ไม่เห็นโลงศพไม่หลั่งน้ำตา! พวกเจ้าปากแข็งไม่ยอมรับความผิด อีกประเดี๋ยวข้าจะให้พวกเจ้าได้รู้จักว่าอะไรเรียกว่าพรสวรรค์แห่งอาจารย์ฮู้! พวกเจ้าแหกตาดูเอาไว้ให้ชัดเจนแจ่มแจ้ง!”

พูดไป ทันทีที่เขาโบกมือ พู่กันฮู้หล่นลงมาในมือ จากนั้นปลายพู่กันก็จุ่มลงไปบนชาดที่ทำขึ้นเป็นพิเศษ ลงพู่กันบนกระดาษฮู้สีเหลือง

เวลาที่ลงพู่กัน เย่จายซิงสัมผัสได้ถึงในอากาศมีธาตุทั้งห้ากับชี่ทิพย์ปริมาณบางเบาทะลุเข้าไปใต้พู่กัน สุดท้ายธาตุเหล่านี้ก็ยิ่งสะสมเพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆ ตอนสุดท้ายที่วาดเสร็จแล้วยกพู่กันขึ้นมา ทั้งหมดถูกผนึกลงบนอักขระฮู้ของยันต์ทิพย์

แต่ดูเหมือนว่าป๋ายหลี่ปินค่อนข้างจะเหนื่อย เพียงแค่ครู่เดียว บนหน้าผากก็มีเหงื่อเม็ดใหญ่ผุดออกมาแล้ว

บริเวณรอบข้างมีคนกล่าวออกมาอย่างตื่นเต้นดีใจ:

“ว้าว! ท่านชายป๋ายหลี่ช่างเก่งกาจยิ่งนัก เพียงไม่นานก็มีชี่ทิพย์กับธาตุจำนวนมากมายเช่นนี้รวมตัวกันอยู่ใต้พู่กันแล้ว สมกับที่เป็นอาจารย์ยันต์ทิพย์ขั้นห้า!”

“แข็งแกร่งยิ่งนัก! นี่ถึงเป็นพละกำลังของผู้แข็งแกร่ง!”

“ดูท่าว่า ท่านชายป๋ายหลี่กำลังวาดยันต์ทิพย์ขั้นห้า! เชื่อว่ามากสุดก็ครึ่งชั่วยาม ท่านชายป๋ายหลี่ก็สามารถวาดยันต์ทิพย์แผ่นนี้ได้สำเร็จ!”

เย่จายซิงทำเสียงจุ๊ทีหนึ่ง: ก็แค่นี้?

นางยังคิดจริงๆว่าป๋ายหลี่ปินผู้นี้จะเก่งกาจมากเพียงใด ตอนนี้ดูเหมือนว่า เป็นนางที่ประเมินเขาสูงเกินไป

ถึงแม้ว่านางจะจำไม่ได้ว่าเมื่อก่อนเป็นหรือไม่ได้เป็นอาจารย์ยันต์ทิพย์ แต่ทว่าหลังจากที่ดูป๋ายหลี่ปินเริ่มต้นวาดฮู้ ภายในหัวสมองของนางก็ปรากฏภาพการวาดฮู้ขึ้นมา

มันยากเหมือนกับที่ป๋ายหลี่ปินแสดงออกมาที่ไหนกัน?

นางสงสัยว่าพละกำลังของป๋ายหลี่ปินค่อนข้างแย่ ผู้คนเหล่านี้ต่างก็เห็นแก่หน้าตาที่เขาเป็นคนของตระกูลป๋ายหลี่จึงคุยโวอย่างไร้สมองกระมัง

“น้องซิง เจ้ามาวาดฮู้เถอะ”

โม่เสิ่นยวนนำกระดาษฮู้ออกมาอย่างสุดใจ ปูเรียบบนโต๊ะ นำพู่กันฮู้ส่งไปที่ใกล้มือนาง

ทันทีที่นางได้สัมผัสพู่กันฮู้ ก็รู้สึกว่าด้ามพู่กันค่อนข้างอ่อนนุ่มสะดวกมือ เหมือนกับว่าสั่งทำเป็นพิเศษเพื่อนางอย่างไรอย่างนั้น

“พู่กันดีนี่!”

โจวหยวนจื่อมองแค่เพียงแวบเดียว ก็รู้ว่าระดับของพู่กันฮู้นี้ไม่ต่ำเลย ไม่ว่าจะเป็นด้ามพู่กันหรือปลายพู่กัน ล้วนแต่ใช้วัสดุที่ดีที่สุดทำขึ้นมา อีกทั้งเขาสังเกตเห็นว่า บริเวณหัวพู่กันนึกไม่ถึงว่าจะแกะสลักตัวอักษรสองตัวว่า“จายซิง”

จุ๊จุ๊ การโปรยอาหารสุนัขนี้(แสดงความรัก)

ในเมื่อโจวหยวนจื่อมองเห็น เย่จายซิงย่อมต้องมองเห็นเช่นเดียวกัน นางมั่นใจมากยิ่งขึ้นว่าชายหนุ่มผู้นี้เป็นคนที่นางเคยสนิทสนมมาก่อน

เขากำลังยืนอยู่ข้างกายของตนเอง นางไม่ได้ขับไล่เขาเลยแม้แต่น้อย ถึงขนาดมีความคิดอยากจะพึ่งพาเขาอยู่บ้างเล็กน้อย

กำลังจับพู่กัน ในขณะนี้ เย่จายซิงไม่เคยมีความสงบใจเลย

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: บัลลังก์ชายาหมอเทวดา