บัลลังก์ชายาหมอเทวดา นิยาย บท 391

หนานกงจิ่นรู้สึกมาโดยตลอดว่าโม่เสิ่นยวนเข้าถึงยาก พูดคุยก็น้อย ดวงตาคู่นั้นน้อยมากที่จะมองผู้อื่น เพราะส่วนใหญ่สายตาของเขามองเพียงเย่จายซิง

ผู้ชายแบบนี้ก็เหมือนเกลียดก็คือเกลียด ไม่จำเป็นต้องให้ผู้หญิงเดาใจเขา

เย่จายซิงอยู่กับเขา ต้องรูสึกปลอดภัยมาก

ก้นบึ้งหัวใจของหนานกงจิ่นมีความรู้สึกดีต่อ เย่จายซิง ในตอนแรกอยากให้นางเป็นหมอยาของตระกูล มีความคิดอาศัยสร้างหอริมน้ำเพื่อได้รับแสงจันทร์ก่อน ใช้ความสนิทชิดเชื้อเพื่อให้ได้รับประโยชน์

เพียงแต่ความคิดของเขาถูกเก็บซ่อนไว้ลึกมาก เมื่อเผชิญหน้ากับเย่จายซิงก็ไม่เคยจะแสดงออกออกมาให้เห็นแม้สักนิด

ในตอนแรกเขายังคิดว่าที่เย่จายซิงพูดว่ามีคนในใจอยู่แล้วเป็นเพียงข้ออ้างที่จะปฏิเสธเสวียนหยวนป๋าย มาวันนี้เมื่อเห็นโม่เสิ่นยวนอยู่ข้างกายนาง เมื่อเห็นสายตาของทั้งสองที่สบประสานกัน ก็รู้ได้เลยว่าคงไม่มีใครเข้าไปแทรกแซงได้

ดังนั้นความคิดเล็กๆในหัวใจของหนานกงจิ่นจึงดับสลายไป สาวงามแสนดีเอ่ย เจ้าเป็นที่หมายปองของชายหนุ่ม เพียงแต่สาวงามมีเจ้าของ หากจะไล่ตามต่อไปก็จะเป็นการละเมิด

เขารู้สึกว่าโม่เสิ่นยวนอาจมองความคิดก่อนหน้านี้ของเขาออก จึงมีทัศนคติที่เฉยเมยต่อเขา บางครั้งสายตาก็เย็นชามาก

ครั้งนี้ที่เขามา เดิมทีเขาคิดว่าจะต้องถูกปฏิเสธ แต่ไม่คิดเลยว่า โม่เสิ่นยวนจะตอบตงลงอย่างรวดเร็ว

เมื่อเห็นหนานกงจิ่นมีท่ามีตกตะลึง เย่จายซิงจึงกล่าวด้วยรอยยิ้มบางเบา :

“ข้าและสวามีกำลังวางแผนว่าเมื่อถึงเวลาที่เหมาะสมจะไปหลุมฝังศพ หากมีคนเยอะ ก็ยังสามารถดูแลได้ โปรดรออีกหน่อยเถอะ เมื่อจะไปสุสาน ข้าจะติดต่อพวกเจ้าไป”

นางรู้ว่าเสด็จอาไม่ค่อยชอบหนานกงจิ่น เพียงแต่เมื่อนางต้องไปที่สุสาน เขาทำได้เพียงประนีประนอม ดังนั้นการไปสุสานกับตระกูลหนานกงจึงปลอดภัยกว่า

เขาสามารถให้สัมปทานแบบนี้ได้ ในใจนางก็ดีใจมาก

หลายวันมานี้ นางสามารถเห็นได้ว่าการแสดงความเป็นเจ้าของที่ซ่อนเร้นของเขาแข็งแกร่งเพียงใด

เพียงแต่นางไม่ได้รังเกีจเลยสักนิด

“เช่นนั้นก็ดีมากเลย พวกเราที่นี่จะเตรียมตัวก่อน และสามารถที่จะลงไปได้ทุกเมื่อ”

หนานกงจิ่นพยักหน้า

จากนั้นเขาก็กล่าวเสริมว่า: "เพราะการบาดเจ็บล้มตายในครั้งนี้ หลายคนจึงจากไป รวมทั้งผู้อาวุโส สำนักเสวียนปิงของตระกูลลู่ แต่ผู้อาวุโสคนที่ห้าของ ตระกูลป๋ายหลี่ ยังไม่จากไป ข้าสงสัยว่าเขาอาจต้องการ แก้แค้นพวกเจ้า"

“อืม พวกเราเข้าใจแล้ว ขอบคุณมาก”

เย่จายซิงไม่แปลกใจเลย สายตาที่ผู้อาวุโสห้าป๋ายหลี่จ้องมองพวกเขาก่อนหน้านี้ราวกับต้องการจะกลืนกินพวกเขาทั้งเป็น ต่อมาได้รับความอับอายขายหน้าอีก ยังหายใจอยู่แบบนี้ได้สิถึงจะแปลก

แต่ที่แห่งนี้ไม่ใช่เขตอิทธิพลของตระกูลป๋ายหลี่ หากเขาต้องการฆ่าคน งั้นก็คงต้องดูว่าเขามีความสามารถอย่างไร

หนานกงจิ่นจากไปอย่างรวดเร็ว แม้โม่เสิ่นยวนไม่ได้พูด อารมณ์ที่กดดันคนก็ค่อนข้างรุ่นแรง เขาจึงอายที่จะอยู่นาน

“เหตุใดเมื่อครู่ถึงให้เขาเข้ามานั่ง พวกเราเป็นแบบนี้ ดูเหมือนว่าจะไม่ค่อยมีมารยาทเท่าไหร่”

มองหลังของหนานกงจิ่นที่จากไป เย่จายซิงกล่าวอย่างรู้ทัน

โม่เสิ่นยวนจับให้ใบหน้าของนางหันมามองเขาและพูดว่า

“ข้างในนี้เป็นที่ปลอบประโลมใจของเราน้องซิงข้าเกลียดที่มีลมหายใจของผู้อื่นในที่ของเจ้าและข้า”

น้ำเสียงของเขาทุ้มต่ำ และเต็มไปด้วยพลังแม่เหล็ก ราวกับว่าเขากำลังบอกเป็นนัยถึงอะไรบางอย่าง

พวกแก้มของนางร้อนขึ้นเล็กน้อย นางพยักหน้าอย่างลวกๆ “รู้แล้วๆ ต่อไปไม่พูดแล้ว”

“น้องซิงเด็กดี”

“เขาขบเม้มริมฝีปาก พลางลูบพวงแก้มแดงระเรื่อของนาง

“ตอนเที่ยงน้องซิงอยากกินอะไร ?กินอิ่มแล้วถึงจะมีแรงทำงานใช่หรือไม่?”

น้ำเสียงของเขาทุ้มต่ำ

เย่จายซิงจ้องที่เขาอย่างโกรธเคือง “ไม่ควรให้ท่านของหวานเช่นนั้นเลยจริงๆ ตอนนี้ข้าตั้งครรภ์อยู่นะ”

ขณะพูดใบหน้าของนางก็ยิ่งแดงขึ้น เพราะกลัวว่าจะมีคนมาได้ยินคำพูดเหมือนหมาป่าของเขา

โชคดีที่นางวางจิ้งจอกน้อยไว้ในห้วงกาลเวลาแล้ว

“น้องซิงคิดไปถึงไหนแล้ว ข้าแค่พูดถึงเรื่องฝึกวาดยันต์ อีกไม่กี่วันเจ้าก็ต้องทดสอบกับเทพธิดาไม่ใช่หรือ เจ้าลืมไปแยะมาก ต้องฝึกฝนเยอะๆถึงจะมั่นใจไร้กังวลได้

โม่เสิ่นยวนหัวเราะเสียงดัง มองนางด้วยสายตาตั้งใจเย้าหยอก ราวกับว่าเขาชอบที่ได้เห็นนางเขินอาย

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: บัลลังก์ชายาหมอเทวดา