บัลลังก์ชายาหมอเทวดา นิยาย บท 402

ไท่ซ่างหวงของแคว้นกู่โหมวก็ไล่ตามหลังมาอย่างไม่ลดละ คาดไม่ถึงว่าจะเห็นมังกรเขียวเหาะตรงไปยังหลุมของสุสานโบราณ เขารีบหยุดอย่างรวดเร็ว และในชั่วพริบตา ทั้งตัวจรดหางมังกรก็เลือนหายไปจากภายในสายตา

"บนท้องฟ้าก็มีทางให้ไปเจ้าไปไม่ นรกไม่มีประตูแต่เจ้ายังไป! นี่ก็เป็นเพราะพวกเจ้าเองรนหาที่ตาย!"

ไท่ซ่างหวงพ่นลมหายใจอย่างเย็นชา ในทันใดนั้นก็ได้กางคลื่นพลังงานอย่างหนาไว้ชั้นหนึ่งที่ด้านบนของสุสานโบราณ

ถึงแม้ว่าเขาจะปิดกั้นเอาไว้ แต่เข้าก็เรื่องราวที่เกี่ยวกับสุสานโบราณแห่งนี้ ได้ยินมาว่าที่นี่คือหลุมฝังศพของนางฟ้าสมัยโบราณ ที่ข้างในไม่เพียงแต่มีสัตว์ร้ายผู้ดูแลที่บ้าคลั่งเป็นอย่างยิ่ง แล้วภายในสุสานยังมีกับดักที่น่ากลัวเป็นจำนวนมากอีกด้วย

ถ้าเกิดได้เข้าไปข้างในสุสาน จะต้องเผชิญกับความตายอย่างแน่นอน!

เมื่อไม่นานก่อนหน้านี้ก็มีคนที่ตายอยู่ข้างในเป็นจำนวนมาก ถ้าไม่ใช่เพราะคนอื่นหนีได้อย่างรวดเร็ว ก็สามารถสิ้นชีวิตอยู่ที่นี่ได้

ตอนนี้เขาได้ทำการปิดผนึกทางเข้าของสุสานแล้ว คนพวกนี้มีเพียงจุดจบที่ต้องตายอย่างอนาถอยู่ในสุสานนั้น!

ไท่ซ่างหวงนั่งขัดสมาธิลงบนพื้น และได้ส่งกระแสจิตไปให้ฮ่องเต้ในเวลานี้

ฮ่องเต้ได้ฟัง ถึงแม้ว่าจะมีความรู้สึกสะใจอยู่ไม่น้อย แต่ภายในใจของพระองค์มีความเสียใจและความโกรธแค้นมากยิ่งขึ้นไปอีก

หากถือว่าเย่จายซิงและพวกมันทั้งหมดตายอยู่ในสุสาน แต่โชคลาภและความเจริญรุ่งเรืองของแคว้นก็เอากลับมาไม่ได้แล้ว!

โชคลาภและความเจริญรุ่งเรืองของแคว้น คือรากฐานของแคว้น!

โชคลาภและความเจริญรุ่งเรืองของแคว้นถูกดึง แคว้นนี้ก็จะถูกแทนที่ด้วยความเสื่อมโทรมและต้องสูญสิ้นเอกราชไป

ผลพวงที่หนักหนาเช่นนี้ เขาเหมือนรู้สึกว่าจะเริ่มเป็นจริงอย่างที่เย่จายซิงได้กล่าวไว้ และรับผิดชอบมันไม่ไหว

อนาคตต่อจากนี้ไปต้องตายแน่ และก็ไม่มีหน้าไปพบกับบรรพบุรุษอีกแล้ว

"ต้องโทษนางแม่มดคนนี้! ถ้าไม่ใช่เพราะเจ้า โชคลาภและความเจริญรุ่งเรืองของแคว้นพวกเราก็ไม่สามารถถูกดึงไปได้หรอก!"

ฮ่องเต้เตะไปที่เทพธิดากู๋หลิงหลายครั้งด้วยความโกรธอย่างเหี้ยมโหด

แต่เดิมเทพธิดากู๋หลิงก็บาดเจ็บมากอยู่แล้ว ถูกเตะครั้งนี้ ทำให้กระอักออกมาเป็นเลือดอยู่หลายครั้ง

"ข้าเป็นผู้บริสุทธิ์จริงๆ ข้าไม่รู้เรื่องอะไรทั้งนั้น ในเวลานั้นข้าเป็นเพียงแค่เด็กน้อยในผ้าอ้อมเพียงเท่านั้น จะไม่สามารถรู้อะไรได้อย่างไร? เพราะอะไรถึงได้ระบายความโกรธแค้นมาที่ตัวของข้าด้วย!"

เทพธิดากู๋หลิงร่ำไห้อย่างอนาถ ที่จริงแล้วกลับกำลังส่งเสียงไปถึงพ่อของนางป๋ายหลี่ฮุย เพื่อให้เขามาช่วยเหลือตัวเอง

นางรู้ว่าท่านพ่อไม่ได้ให้การยอมรับตัวตนของลูกสาวนอกสมรสอย่างนาง แต่เรื่องมาจนถึงตอนนี้ ก็หลายปีมาแล้ว ตัวเองเป็นลูกเพียงคนเดียวของพ่อ เขาไม่สามารถที่จะปล่อยให้ตัวเองต้องมาตายอยู่ที่นี่แน่นอน

"เจ้าเป็นผู้บริสุทธิ์หรือ? นั่นเป็นเพราะเจ้าคือภัยพิบัติที่ทำให้แคว้นของข้าถูกดึงโชคลาภและความเจริญรุ่งเรืองไป ถึงจะใช้พันมีดหมื่นแล่กับเจ้าก็ยากที่จะคลายความเกลียดชังของข้าได้!"

ฮ่องเต้ตรัสอย่างโหดร้ายรุนแรง

"ไม่! พระองค์ฆ่าหม่อมฉันไม่ได้ ข้าคือลูกสาวแท้ๆ ของป๋ายหลี่ฮุย หากพระองค์ฆ่าหม่อมฉัน แคว้นกู่โหมวก็จะพบกับความพินาศรวดเร็วยิ่งขึ้น!"

เทพธิดากู๋หลิงร้องตะโกน

“นางยอมรับแล้ว!”

"นางเป็นลูกสาวนอกสมรสของเจ้าบ้านป๋ายหลี่จริงๆ ด้วย!"

"โอ้เทพพระเจ้า ไม่ใช่ว่าเจ้าบ้านป๋ายหลี่มีเพาะเมล็ดความรักที่หยั่งรากลึกกับองค์หญิงหงสาหรอกหรือ สิ่งที่สัญญาไว้จะไม่เปลี่ยนแปลงไม่ใช่หรือ? ทำไมถึงมีลูกสาวนอกสมรสที่โตมากขนาดนี้แล้วล่ะ!"

"ที่แท้ความรู้สึกที่ลึกซึ้งของเจ้าบ้านป๋ายหลี่ต่างก็เป็นเพียงแค่ภาพลวงตา!"

ฝูงคนต่างคนต่างแย่งกันวิพากษ์วิจารณ์ขึ้น

ทั้งตัวของเทพธิดากู๋หลิงสั่นสะท้าน นี่ไม่ใช่สิ่งที่นางต้องการที่จะเห็น และยิ่งไม่ใช่สิ่งที่พ่อต้องการที่จะได้เห็น

ท่านพ่อกำลังที่จะแต่งงานกับองค์หญิงหงสา เพื่อที่จะอยู่ภายใต้ชีพจรมังกรของตระกูลเฟิ่งหวงและทรัพยากรของตระกูลอื่นๆ เขาเก็บเรื่องราวไว้ในใจและพยายามอดกลั้นมาเป็นเวลานานมากแล้ว และไม่สามารถที่จะล้มเหลวได้

แต่ทว่าหากนางไม่พูดออกมา นางจะต้องตายแน่นอน

ตายแน่ ไม่มีอะไรเหลืออีกแล้ว นางยังไม่อยากที่จะตาย นางยังอยากที่จะยืนอยู่บนจุดสูงสุดแล้วมองลงมายังแผ่นดินหลิงเซียวและเหล่าผู้คนทั่วทั้งโลก

ฮ่องเต้แคว้นกู่โหมวกำหมัดเอาไว้แน่น แล้วกระซิบกล่าวอย่างร้ายกาจกับนางว่า :

"เจ้าเป็นเพียงลูกสาวนอกสมรส ป๋ายหลี่ฮุยไม่กล้าที่จะยอมรับตัวตนของเจ้าต่อหน้าประชาชนหรอก ถึงข้าจะฆ่าเจ้าให้ตาย เจ้าบ้านป๋ายหลี่ก็ไม่กล้าลงมือทำอะไรหรอก เพราะว่าหากยื่นมือเข้ามายุ่ง ก็จะเป็นการยืนยันเรื่องที่เจ้าเป็นลูกสาวนอกสมรสของเจ้าบ้านป๋ายหลี่ว่าเป็นเรื่องจริง แคว้นกู่โหมวของข้าก็จะสามารถกลับสู่ความมั่นคงได้ชั่วระยะเวลาหนึ่ง!"

“ดังนั้น เจ้าก็ไปตายซะเถอะ!”

นางไม่ตาย ก็ไม่เพียงพอที่จะคลายความคับแค้นภายในจิตใจของพระองค์ได้!

ให้นางยังมีชีวิตอยู่ ยิ่งเป็นความอัปยศอดสูของแคว้นกู่โหมว!

ฮ่องเต้ลงมืออย่างไร้ความปรานี ได้ใช้มือทุบไปที่ครอบทิพย์สวรรค์ของเทพธิดากู๋หลิงจนแตกกระจาย

อย่างไรก็ตามในเวลานี้ แผ่นหยกแผ่นหนึ่งบนร่างกายของแผ่นเทพธิดากู๋หลิงจู่ๆ ก็ระเบิดแล้วส่องแสงสว่างวาบขึ้นมาอย่างรุนแรง ในทันใดนั้น บนพื้นก็ปรากฏค่ายกลอันหนึ่ง เทพธิดากู๋หลิงก็หายไปจากที่เกิดเหตุในพริบตาเดียว

การทุบของฮ่องเต้ในครั้งนี้ ทำให้ไม้กระดานบนพื้นแตกกระจายลอยออกไป

"มันคือค่ายกลของเจ้าบ้านป๋ายหลี่ที่ส่งออกมาอย่างกะทันหัน!"

“ทุกคนเห็นแล้วใช่ไหม!”

สีหน้าของฮ่องเต้แคว้นกู่โหมวเคร่งขรึม ก็ชี้ไปที่พื้นด้วยอาฆาตแค้นซึ่งไปที่เทพธิดากู๋หลิงพึ่งหายไปกับค่ายกลในชั่วพริบตา

"นางเป็นลูกสาวนอกสมรสของเจ้าบ้านป๋ายหลี่จริงๆ! เพราะว่าเห็นแสงสว่างเป็นไม่ได้ ดังนั้นจึงถูกเจ้าบ้านป๋ายหลี่ส่งมาอยู่ที่นี่ สวมรอยตัวตนของคนอื่น แล้วมาเป็นสตรีศักดิ์สิทธิ์ นางเป็นนางอสรพิษจริงๆ ชาวเมืองแคว้นกู่โหมวทุกคน หากหลังจากนี้เจอนาง ก็ฆ่าได้อย่างไร้ความปรานี!"

“พ่ะย่ะค่ะ!”

ทุกคนต่างพยักหน้าอย่างเต็มไปด้วยความเคียดแค้น

ความเคียดแค้นที่ได้ทำลายโชคลาภและความเจริญรุ่งเรืองของแคว้น จะต้องอยู่ร่วมโลกกันไม่ได้อยู่แล้ว!

……

หลังจากที่มังกรเขียวทะลวงเข้าไปในหลุมของสุสานได้แล้วก็ทำการลดความเร็วลง แล้วตรงเข้าไปในสุสานที่มืดมิดที่ทั้งยาวและแคบ

บนพื้นเต็มไปด้วยกระดูก แล้วยังมีซากศพที่ส่งกลิ่นเน่าเหม็นอีกมากมาย นั่นคือบาทหลวงที่ตายอยู่ที่นี่เมื่อไม่นานมานี้เอง

หนานกงจิ่นและพวกตะลึงงัน

"ไม่เพียงแต่เข้ามาในสุสานโบราณอย่างกะทันหันเท่านั้น ทำไมยังเข้ามาในทางของสุสานด้วยอย่างนั้นหรือ?"

เสวียนหยวนป๋ายกระซิบถามขึ้นมาอย่างตื่นตระหนกตกใจ นั่งอยู่หลังของมังกรเขียวที่แคบเล็กไม่กล้าขยับเขยื้อนเลยแม้แต่น้อย เอวหยุดขยับเพียงเล็กน้อยก็สามารถที่จะไปถูกส่วนบนสุดของสุสานได้

กลิ่นคาวเลือดและกลิ่นเน่าเหม็นที่ลอยอยู่ในอากาศทำให้คนรู้สึกคลื่นไส้

นี่ไม่สามารถที่จะทนได้ เพียงแต่ว่าภายในสุสานโบราณนี้มีสัตว์ร้ายที่แข็งแกร่งมากอยู่ด้วยน่ะสิ ก่อนหน้านี้มีความเข้ามาที่ทางเดินของสุสานก็ตายไปอย่างน่าอนาถ คิดจะหนีก็หนีออกไปไม่ได้

"อย่ากลัวไป วันนี้เป็นวันที่ดีที่ลงมาในสุสาน"

เย่จายซิงพูดกระซิบขึ้น

เอาสุนัขจิ้งจอกออกมาอุ้มไว้จากกลางอากาศ เจ้าไป๋ก็เปลี่ยนเป็นไม้แกะสลักและห้อยอยู่บนคอของเจ้าจิ้งจอกทิพย์

เฮ่อจี้ที่เหาะอย่างรวดเร็วก็หยิบเอาเข็มทิศดูดวงกระดองเต่าออกมา หลังจากที่ได้คำนวณเรียบร้อยแล้วก็ต้องมองไปที่เย่จายซิงอย่างเต็มไปด้วยความประหลาดใจ :

"เจ้าเป็นเทพเจ้าจริงๆ ด้วย เจ้ารู้ได้อย่างไรว่าวันนี้เป็นวันที่เหมาะสมที่จะลงมาที่สุสานมากที่สุด? ข้าต้องทำการเสี่ยงทายออกมาจนสุดท้ายถึงจะได้รู้ว่ามันเป็นดวงที่ไม่เลวร้าย!"

เย่จายซิงไม่สามารถที่จะพูดได้ว่าเจ้าไป๋สาเหตุที่เปลี่ยนโชคร้ายเป็นโชคดีได้อย่างแน่นอนอยู่แล้ว นางทำได้เพียงแค่ผลักร่างของเสด็จอาโดยตรง

"เพราะว่าสามีของข้ามีความรู้ที่ผิวเผินที่รู้คำทำนายได้"

พูดจบ นางก็ขยิบตาแสนเจ้าเล่ห์ไปทางเสด็จอา

โม่เสิ่นยวนลูบไปที่ศีรษะของนางพลางการกลั้นหัวเราะเอาไว้ไม่อยู่

เฮ่อจี้ตกใจ

นี่เรียกว่าความรู้ที่ผิวเผินอย่างนั้นหรือ?

อย่างนั้นที่เขาเล่าเรียนมาหลายปี จะถือได้ว่าเป็นอะไรกันเล่า?

เฮ่อจี้ส่งเสียไอออกมาเบาๆ แล้วกระซิบพูดว่า :

"ถึงแม้ว่าจะไม่รู้ว่าเพราะอะไรถึงไม่มีดวงชั่วร้ายอยู่อีก แต่ที่สามารถยืนยันได้นั้นก็คือ พวกสัตว์ร้ายที่ค่อยดูแลอยู่นั้นคงจะไม่ออกมาอย่างง่ายดายขนาดนั้นแล้ว ไม่แน่ว่าทุกเดือนอาจมีช่วงวันที่อ่อนแอลงไปไม่กี่วันอย่างนั้นก็ได้?"

พรวด!

อย่างนั้นเป็นไปได้ไหมว่าพวกสัตว์ร้ายดูแลสุสานจะมีรอบเดือนเหมือนกับพวกผู้หญิง?

เพียงไม่นานมังกรเขียวก็ออกมาจากเส้นทางของสุสานที่ยาวและแคบได้อย่างเงียบเชียบ หลังจากที่มันหยุดลง โม่เสิ่นยวนก็ประคองเย่จายซิงกระโดดลงมาจากหลังของมัน

อีกหลายคนต่างก็รีบร้อนกระโดดลงไปเช่นกัน

มังกรเขียวก็หดตัวเล็กลงอย่างต่อเนื่อง สุดท้ายก็กลายมาเป็นมังกรตัวน้อยที่ขนาดเท่ากับฝ่ามือตัวหนึ่ง จากนั้นก็พันอยู่บนมงกุฎหยกที่อยู่บนศีรษะของโม่เสิ่นยวน

"จากนี้ไปต้องระมัดระวังกันสักหน่อย แม้ว่าจะพูดได้ว่าไม่อันตรายเท่าเมื่อก่อน แต่ก็เป็นไปม่ได้ที่จะปราศจากอุปสรรค อาจจะมีกับดักที่อันตรายอยู่อีกมากมายก็ได้ ใครก็มิอาจรู้ได้ว่าจะต้องพบเจอกับสิ่งใด"

เย่จายซิงหันกลับมากล่าวกับอีกหลายคน

คนเหล่านั้นพากันพยักหน้า ทุกคนต่างก็รวบรวมสติขึ้นมาให้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้

“ไปกันเถอะ”

โม่เสิ่นยวนประคองนางเดินไปข้างหน้า ด้านหน้ามีร่องสีดำอันหนึ่ง ดูเหมือนว่าภายในจะมีพืชคล้ายตะไคร่สีดำอยู่เป็นจำนวนมาก

ร่องสีดำไม่ได้ใหญ่มากนัก เพียงหนึ่งก้าวก็สามารถข้ามไปได้ แต่ทว่าเขาไม่ได้ขยับไปไหน ทำเพียงโยนหินเข้าไปก้อนหนึ่งเท่านั้น

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: บัลลังก์ชายาหมอเทวดา