สีหน้าของฮ่องเต้แคว้นกู่โหมวเปลี่ยนไป
เขามองที่ไปเย่จายซิงอย่างสับสนและไม่แน่ใจ
ความหมายของนางคือ นางสามารถที่จะทำลายโชคลาภและความเจริญรุ่งเรืองของแคว้นกู่โหมวอย่างนั้นหรือ?
เขาไม่เชื่อ!
โชคลาภและความเจริญรุ่งเรืองของแคว้นกู่โหมวในสิบหกปีมานี้ ความเจริญรุ่งเรืองที่มีชีวิตชีวา เธอเป็นผู้หญิงคนหนึ่งที่โผล่ออกมาจากที่ไหนก็ไม่รู้ที่พูดว่าจะทำลายแล้วจะสามารถทำลายลงเลยได้อย่างไร!
"น่าขบขันหรือ! ไร้สาระสิ้นดี! เจ้าไม่เพียงแต่ประณามและพูดจาให้ร้ายสตรีศักดิ์สิทธิ์ของแคว้นข้า บัดนี้ยังสวมรอยมาเป็นสตรีศักดิ์สิทธิ์อีก แล้วยังมีพูดจาไร้สาระ ไสหัวออกไปจากแคว้นกู่โหมวของข้าซะ!"
โห่ว!
เก้าวันต่อมา จู่ๆ มังกรเขียวก็เคลื่อนที่อย่างรวดเร็วลงมา ทำให้เกิดเสียงกรีดร้องอื้ออึง แก้วหูของทุกคนสั่นสะเทือน และพลังจิตก็ได้รับผลกระทบเป็นอย่างมาก
และฮ่องเต้แห่งแคว้นกู่โหมวก็ประสบภัยพิบัติเป็นคนแรก ถึงแม้ว่าพลังวิญญาณจะถูกสกัดกั้นไว้ได้ทันเวลาแล้ว และการเต้นของหัวใจไม่คงที่จนทำให้กระอักออกมาเป็นเลือด
ถึงเป็นสัตว์ในตำนานในวัยเด็ก และก็ยังคงมีอำนาจที่น่ายำเกรงของสัตว์ในตำนานอยู่ ก็เพียงพอที่จะสามารถกลืนกินฮ่องเต้แห่งแคว้นกู่โหมวได้
หนานกงจิ่นมองไปที่มังกรเขียวบนท้องฟ้า แล้วมองไปที่โม่เสิ่นยวนที่อยู่ด้านข้าง เห็นเพียงแต่เขาแน่นิ่งไม่ไหวติง และสีหน้าก็ไม่มีความเปลี่ยนแปลงเลยแม้แต่น้อย
เพียงแค่อยู่ๆ มังกรเขียวตัวนี้ก็เดือดดาลขึ้นมากะทันหัน จะต้องได้รับคำบงการจากเขาอย่างแน่นอน
แม้แต่ฮ่องเต้แห่งแคว้นกู่โหมวยังกล้าที่จะทำให้ได้รับบาดเจ็บ หนานกงจิ่นจะต้องยอมรับว่าโม่เสิ่นยวนให้ความสนใจต่อเย่จายซิงเป็นอย่างมาก และก็มีความกล้าหาญมากเช่นกัน
บนเนินสูง
เหล่าปรมาจารย์ฝีมือสูงส่งมากมายต่างก็เฝ้ามองไปที่แสงสว่างของเย่จายซิงเพื่อคุ้มครองฮ่องเต้ นางกล่าวกับฮ่องเต้ว่า :
"พระองค์ตรัสผิดไปเล็กน้อย ข้ามิได้มีความสนใจต่อสตรีศักดิ์สิทธิ์ที่น่ารำคาญนั่นเลยแม้แต่น้อย แต่สำหรับการทำลายโชคลาภและความเจริญรุ่งเรืองของแคว้นพวกเจ้า ข้ามีความสนใจสิ่งเหล่านี้มากกว่า"
เมื่อกล่าวจบ นางก็เหาะขึ้นไป แล้วยืนอยู่บนหลังของมังกรเขียวสัตว์ในตำนาน
ทันทีหลังจากที่นางกางแขนทั้งสองข้างออก ในทันทีนั้น ราวกับว่าผู้คนต่างมองเห็นพลังวิญญาณที่น่ายำเกรงแผ่ขยายออกมาจากร่างกายของนาง เหมือนกับว่ามีตาข่ายถี่ยิบ แผ่คลุมอยู่เหนือยอดพระราชวัง
ทันใดนั้นท้องฟ้าก็มืดครึ้มลงไป!
เป็นมหากาพย์ที่ลมโหมพัดอย่างบ้าคลั่ง เงาของมังกรสีทองตัวหนึ่ง ปรากฏอยู่บนท้องฟ้าเหนือพระราชวัง!
"มังกรทองแห่งโชคลาภ! เจ้าต้องการที่จะทำอะไร!"
สีหน้าของฮ่องเต้แห่งแคว้นกู่โหมวเปลี่ยนไปอย่างรวดเร็ว และอยากที่จะยับยั้งการกระทำต่อไปของเย่จายซิง
โม่เสิ่นยวนที่หลบอยู่ด้านข้าง ปรากฏอยู่ภายใต้เย่จายซิง สลัดกั้นจากโจมตีที่มาจากหลากหลายผู้คน
ทุกแคว้นต่างการมีมังกรทองแห่งโชคลาภกันทั้งนั้น สำหรับความถูกต้องแล้ว อย่างนั้นจึงเรียกว่าชี่มังกร แต่นั่นก็มิใช่มังกรทองที่แท้จริง
นี่ก็คือเหตุผลที่ฮ่องเต้ถูกเรียกว่าโอรสสวรรค์ร่างมังกร
การที่จะสามารถกลายมาเป็นฮ่องเต้ได้ บนร่างกายต่างก็จะต้องมีสายเลือดชี่มังกรของแคว้นปะปนอยู่ไม่มากก็น้อย
บนพระวรกายของฮ่องเต้แห่งแคว้นกู่โหมวก็มีชี่มังกร
เพราะว่าโชคลาภและความเจริญรุ่งเรืองของแคว้นกับพระองค์มีความเกี่ยวข้องอย่างใกล้ชิน โชคลาภและความเจริญรุ่งเรืองของแคว้นยิ่งมีความเกรียงไกร พระองค์ก็ยิ่งมีอำนาจ
ดังนั้นเมื่อตอนที่ได้เห็นเย่จายซิงสามารถที่จะทำให้ภาพลวงตาของมังกรทองแห่งโชคลาภปรากฏขึ้นมาได้อย่างไม่คาดคิด เขาก็ตื่นตระหนกไปอย่างสมบูรณ์
ภายในใจเกือบที่จะยืนยันได้แล้ว เย่จายซิงก็คือทารกเพศหญิงที่ตอนแรกหลังจากจุติมาเกิดก็ทำให้ฟ้าดินของแคว้นกู่โหมวเกิดปรากฏการณ์ประหลาดขึ้นคนนั้น
มีเพียงแค่นางเท่านั้น ที่จะสามารถส่งผลกระทบไปถึงโชคลาภและความเจริญรุ่งเรืองของแคว้นกู่โหมวได้!
“เร็ว! ฆ่าพวกมันซะ! เร็วเข้า! ”
เขาตะโกนร้องเสียงดังสะนั่น ร้องตะโกนจนเสียงแหบแห้ง ด้วยทั้งสองดวงตาที่แดงก่ำ
“ไป ไปช่วยพวกเขา!”
หนานกงจิ่นกล่าว แล้วเหาะไปทางที่โม่เสิ่นยวนกำลังเหาะไป
เมื่อเสวียนหยวนไป่เหอจี้เห็นอย่างนั้น ก็ไปข้างหน้าเพื่อให้การช่วยเหลือในทันที
เหล้าผู้คนต่างตกใจกลัวจนพูดไม่ออก แล้วยังไม่ทันที่จะได้ยินถึงสิ่งที่พึ่งเกิดขึ้นทั้งหมด ก็เริ่มโจมตีกันแล้วอย่างนั้นหรือ?
ภายในพระราชวังก็ยังมีผู้อาวุโสอยู่ไม่น้อยที่วิ่งหนีออกมา
โชคลาภและความเจริญรุ่งเรืองของแคว้นต้องถูกทำลาย เหล่าบรรพบุรุษต่างก็นั่งเฉยกันไม่ได้แล้ว
แววตาของเย่จายซิงเย็นชา เสื้อผ้าพัดกระพือในสายลม เส้นผมสีดำก็ปลิวไสว ทันใดนั้น นางก็ยกมือทั้งสองข้างขึ้นแล้วกุมไว้แน่นอย่างกะทันหัน!
โฮก!
มังกรทองแห่งโชคลาภที่อยู่เหนือพระราชวังส่งเสียงคำรามร้องออกมา
ทุกคนเห็นเพียงแค่แสงสว่างสีทองของชี่มังกรนั้นเปล่งประกายออกมาแล้วทะลักออกมาจากเย่จายซิงอย่างไม่คาดคิด บรรพบุรุษสองสามคนของแคว้นกู่โหมวไม่สามารถที่จะสกัดกั้นใดๆ ได้เลยและก็สกัดกั้นชี่มังกรที่บินเข้าสู่ร่างกายของนางเอาไว้ได้อีกด้วย!
บนร่างกายของเย่จายซิงเปล่งประกายไปด้วยแสงสีทอง พร่างพราวละลานตาอย่างที่สุด
แต่เพียงแค่ชั่วขณะหนึ่ง นึกไม่ถึงเลยว่ามังกรทองแห่งโชคลาภที่เหนือพระราชวังก็กลายเป็นเพียงแค่เงาเลือนรางเท่านั้น
มืดสลัวไร้แสงสว่าง!
พรวด!
เลือดจำนวนมากทะลักออกมาจากพระโอษฐ์ของฮ่องเต้แห่งแคว้นกู่โหมว
โชคลาภและความเจริญรุ่งเรืองของแคว้นถูกดึงไป พระองค์เป็นผู้ที่ได้รับผลกระทบรุนแรงมากที่สุด และยังถูกทำให้ตื่นตระหนกอีกด้วย
ชี่มังกรที่ดี หลายปีมานี้ก็เติบใหญ่อย่างเข้มแข็งมาต่อเนื่อง พูดว่าจะดึงก็ดึงไป หากว่ามังกรทองแห่งโชคลาภสลายไปอย่างสมบูรณ์ อย่างนั้น แคว้นนี้ก็ต้องจบสิ้นแล้วสินะ
"ฆ่าพวกมันให้ข้า! ข้าต้องการที่จะให้พวกมันทั้งหมดตายลงที่นี่ ใครก็อย่าได้คิดที่จะหนีไปได้!"
ฮ่องเต้ของแคว้นกู่โหมวตะโกนร้อง ด้วยแววตาที่ดุร้าย
โม่เสิ่นยวนกระโดดขึ้นไปบนหลังของมังกร และตะโกนให้หนานกงจิ่นสองสามคนนั้นขึ้นมาด้วย แล้วก็บินขึ้นไปบนท้องนภา
ริมฝีปากของเย่จายซิงกระตุกขึ้นแล้วใช้พลังวิญญาณทิ้งคำพูดเอาไว้ประโยคหนึ่ง:
"ถ้าพวกเจ้าจะโทษ ก็ทำได้เพียงแค่โทษเทพธิดากู๋หลิงของพวกเจ้าเถิด หากไม่ใช่เพราะนางมาสวมรอยตัวตนของข้าแล้วยังมากวนโทโสขาแล้วล่ะก็ ข้าก็คงจะไม่สามารถมาดึงเอาโชคลาภและความเจริญรุ่งเรืองของแคว้นพวกเจ้าไปเช่นนี้ ตอนนี้ด้านนี้ของแคว้นพวกเจ้าถูกข้าเอามาได้แล้ว ข้าจะเอามันกลับมาให้มากกว่านี้อีก"
เมื่อเทพธิดากู๋หลิงได้ยินประโยคนี้ ทั้งทั้งตัวก็สั่นสะท้านอยู่กับที่
นางมองเห็นแววตาของความอาฆาตแค้นนับไม่ถ้วนจ้องมองมาที่นาง ผู้คนเหล่านี้เคยเลื่อมใสศรัทธานางเป็นอย่างมาก ในตอนนี้กลับมีความอาฆาตแค้นต่อนางมากมายขนาดนี้
หากไม่ใช่เพราะว่านางสวมรอยตัวตน แคว้นกู่โหมวก็จะไม่สามารถที่จะเกิดเรื่องราวแบบนี้ขึ้นมาได้ แล้วก็จะสามารถอยู่อย่างความสงบสุขและไม่มีเหตุทะเลาะเบาะแว้งเช่นนี้ตลอดไป
ทันทีที่เย่จายซิงจากไป ความเดือดดาลของเหล่าผู้คนก็เปลี่ยนมาอยู่ที่นางเป็นที่แน่นอนอยู่แล้ว
"เจ้าชั่วร้ายมาก! เดิมแล้วเจ้าไม่ใช่สตรีศักดิ์สิทธิ์ของพวกเรา!"
"เจ้าไม่คู่ควรที่จะให้ขนานนามว่าสตรีศักดิ์สิทธิ์!"
“ทำไมเจ้าถึงไม่ไปตายซะ!”
แม้แต่มีคนที่เริ่มเปิดฉากโจมตีนาง
"ไม่! ข้าเป็นผู้บริสุทธิ์ ข้าไม่รู้เรื่องอะไรทั้งนั้น!"
นางพยายามที่จะเถียงข้างๆ คูๆ แต่เหล้าผู้คนทั้งหลายที่กำลังโกรธแค้นอยู่นั้นต่างก็ไม่ฟัง
ผ่านไปเพียงชั่วขณะหนึ่ง บนร่างกายของนางก็เต็มไปด้วยบาดแผล แล้วก็ได้แต่เกลือกกลิ้งอยู่บนแล้วร้องขอความเมตตา ไม่มีลักษณะของสตรีศักดิ์สิทธิ์และบริสุทธิ์ในอดีตอีกแล้ว
ฮ่องเต้แห่งแคว้นกู่โหมวไม่แม้แต่อยากจะเหลือบมองนาง แล้วร้องตะโกนสั่งเหล่าข้าราชบริพารของพระองค์ :
"ไล่ล่ามัน! ไปไล่ล่ามันสิ! จะต้องไปฆ่าพวกมันให้ข้าให้ได้! อย่าให้พวกมันเอาชี่มังกรออกไปจากอาณาเขตของแคว้นกู่โหมวได้!"
……
"ข้างหลังมีคนไล่ตามมาแล้ว ก็คือไท่ซ่างหวงของแคว้นกู่โหมวที่พึ่งจะเข้าสู่แดนมกุฏทิพย์!"
หนานกงจิ่นมองไปข้างหลัง แล้วกล่าวอย่างสง่างาม
คนที่โจมตีพวกเขาก่อนหน้านี้ต่างก็เป็นเหล่าอาจารย์ผู้อาวุโสทั้งนั้น มีระดับพลังพอๆ กัน แต่ทว่าตอนนี้ คนที่ไล่ตามขึ้นมาก็คือไท่ซ่างหวงที่พึ่วเข้าสู่แดนมกุฏทิพย์เมื่อไม่กี่ปีก่อนหน้านี้
เป็นไปตามที่คาดไว้ โชคลาภและความเจริญรุ่งเรืองของแคว้นถูกดึงไป แม้แต่ไท่ซ่างหวงต่างก็ตื่นตระหนก
ความแตกต่างระหว่างคนที่ก้าวเข้าแดนมกุฏทิพย์ครึ่งก้าวกับคนที่เข้าแดนมกุฏทิพย์ไปแล้วมองดูแล้วก็ไม่ได้ต่างกันมากนัก แต่ที่จริงแล้วแตกต่างกันราวฟ้ากับเหว
เช่นเดียวกับผู้อาวุโสห้าป๋ายหลี่ที่ถูกโม่เสิ่นยวนฆ่าตายไปก่อนหน้านี้ เขาก็เป็นเพียงแค่คนที่ก้าวเข้าแดนมกุฏทิพย์ไปครึ่งก้าวเท่านั้น มีความแข็งแรงไม่ต่างกับโม่เสิ่นยวนมากเท่าไรนัก
ตอนนี้คนที่แข็งแกร่งของแดนมกุฏทิพย์ลงมือเอง สถานการณ์ก็จะต้องแตกต่างไปเป็นอย่างมากอยู่แล้ว
ดังนั้นหนานกงจิ่นและเสวียนหยวนป๋ายก็มีความประหม่าอยู่เล็กน้อย ช่วงเวลานี้สถานการณ์คับขัน คิดอยากที่จะเรียกตระกูลที่แข็งแกร่ง เห็นได้ชัดว่าไม่ทันการณ์แล้ว
"อย่ากังวลไป พวกเรามีแผน เจ้าส่งสัญญาณให้คนในครอบครัวของพวกเจ้าที่อยู่สุสานโบราณทั้งหมดนั่งเรือวิญญาณออกไป"
ในเวลานี้ เย่จายซิงเหลือบมองไปข้างหลัง แล้วกล่าวกับหนานกงจิ่นอย่างสงบ
ดูเหมือนว่านางจะเดาออกได้ตั้งแต่แรกแล้วว่าผลจะเป็นเช่นนี้ บนใบหน้าไม่มีความตื่นตระหนกเลยแม้แต่น้อย
หนานกงจิ่นไม่ได้ถามอะไรมากนัก รีบส่งสัญญาณให้คนในครอบครัวทั้งหมดกระจายออกไป
ความเร็วของมังกรเขียวเพิ่มมากขึ้น เหาะไปในอากาศที่ว่างเปล่า ด้านหลังมีผู้อาวุโสผมหงอกคนหนึ่งกำลังไล่ตามมา
ความเร็วของมังกรเขียวรวดเร็วมาก ความเร็วของผู้อาวุโสก็ไม่ได้ช้า แต่โม่เสิ่นยวนและเย่จายซิงทั้งสองที่อยู่บนหลังของมังกรเขียวคนร่วมมือกันปล่อยการโจมตีไปที่ผู้อาวุโสที่อยู่ข้างหลัง เขาจะต้องต้านทาน และยังต้องไล่ตาม เวลานั้นทำให้ยากที่จะโจมตี
ในอากาศปรากฏวงแหวนจำนวนมากอยู่โดยรอบ คาดเดาว่าคนที่อยู่นอกสุสานโบราณของตระกูลหนานกงต่างก็ได้อพยพกันไปไกลมากแล้ว โม่เสิ่นยวนตบไปที่มังกรเขียว
มังกรเขียวหันตัวกลับอย่างกะทันหัน ราวกับเส้นทางของแนวลูกศร ก็ได้ดิ่งลงไปที่ตำแหน่งหนึ่ง
ไท่ซ่างหวงตะโกนด้วยความโกรธ :
“จะหนีไปไหน!”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: บัลลังก์ชายาหมอเทวดา
115จนถึงถึง159ไม่มีเลยค่ะลงต่อให้ครบได้มั้ยค่ะ😂...
ตอนที่ 115-159 หายไปค่ะ อ่านต่อไม่ได้อ่ะค่ะ...
115-159หายไปไหนอ่าคะ...
อัพวันละหลายๆตอนได้มั้ยค่ะ ขอบคุณค่ะ...