บัลลังก์ชายาหมอเทวดา นิยาย บท 46

เย่จายซิงหยิบเอาหินทิพย์ในมือมาเพิ่มขีดความสามารถของโลกสมมติก่อนหนึ่งครั้ง

วันนี้หินทิพย์ของนางไม่ได้ใช้ออกไปเลยแม้แต่ก้อนเดียว เพลิงพิลึกอสูรศักดิ์สิทธิ์ก็เป็นจวินหยวนที่เป็นคนซื้อให้นาง ดังนั้นหินทิพย์ที่เหลืออยู่ไม่น้อยนั้นสามารถเพิ่มขีดความสามารถได้หนึ่งครั้ง

ด้วยวิธีนี้กระแสของเวลาเกิดการเปลี่ยนแปลงขึ้นอีกครั้ง หนึ่งวันของด้านนอกเท่ากับสามวันในโลกสมมติ

นางก็จะมีเวลาเพียงพอที่จะควบคุมเพลิงเทวจิ่วโยให้กลืนกินเพลิงพิลึกขั้นสามและเพลิงพิลึกขั้นห้า

เวลาค่อยๆ ผ่านไปเรื่อยๆ

คนที่ถูกทำให้หมดสติไป ณ เรือนคงจิตหลับไป 1วัน 1คืนถึงจะรู้สึกตัวขึ้นมาได้ เรื่องแรกที่ต้องจัดการก็คือไปหาเรื่องเย่จายซิง พวกเขาคิดว่าเป็นเย่จายซิงที่สั่งการให้จิ้งจอกน้อยวางยาพิษใส่พวกเขา

กลิ่นอายแห่งการอาฆาตของเหยียนเฟิงแผ่ซ่านอยู่ด้านนอก คนพวกนี้วิ่งหนีกันหางจุกตูดเลยเชียว

เย่เจียหยูกลับมาถึงห้อง มองดูบาดแผลที่หลงเหลือไว้อันน่าเกลียดที่ถูกจิ้งจอกทิพย์จิ่วอิงกัด สีหน้าเขียวช้ำหนักหนา

เนื่องจากหมดสติหลับไป 1วัน 1คืน นางจึงทำได้เพียงกินยาถอนพิษที่ธรรมดาๆ ลงไปทันเท่านั้น แต่บนฟันของจิ้งจอกทิพย์มีฤทธิ์กัดกร่อนที่รุนแรงมาก แม้ว่าหลังจากตื่นขึ้นมาแล้วนางจะกินยาที่ดียิ่งกว่านั้นเข้าไป รอยแผลเป็นก็ไม่หายขาด

รอยแผลเป็นที่น่าเกลียดนี้จะอยู่บนมือเรียวราวหยกของนางตลอดไป

“เจ้าจิ้งจอกที่สมควรตาย ต้องมีสักวันข้าจะต้องดึงขนของเจ้าทีละเส้นๆ ให้หมดทั้งตัว ลอกหนังหักกระดูก ให้เจ้ารู้ตัวอีกทีก็สายเกินไปเสียแล้ว!”

ของที่นางไม่ได้ แม้ว่าทำลายมันทิ้งก็ไม่มีวันยอมให้คนอื่นได้เด็ดขาด

จิ้งจอกตัวนั้นมีญาณทิพย์ เห็นได้ชัดว่าไม่ชอบนาง ไม่อยากรับนางเป็นนายจึงกัดนางเช่นนี้

ช่างโง่เขลาเสียจริง ติดตามคนไร้ความสามารถอย่างเย่จายซิง อสูรศักดิ์สิทธิ์ก็จะกลายเป็นขยะที่ใช้การอะไรไม่ได้

แม้แต่เจ้านายก็ยังไม่รู้จักเลือกให้เป็น ก็แสดงว่าว่ามันโง่เขลายิ่งนัก อสูรศักดิ์สิทธิ์เช่นนี้นางไม่เอาก็ได้

อ๋องเซ่อเจิ้งก็ตาบอดไปแล้ว ตัวนางเองตรงจุดไหนที่เทียบกับเย่จายซิงไม่ได้ เขาแม้แต่มองยังไม่เคยมองตาของนางเลยสักครั้ง อีกทั้งยังมอบอสูรศักดิ์สิทธิ์ที่ประมูลมาในมูลค่าสี่พันตำลึงให้เย่จายซิง ไม่รู้จริงๆ ว่าเขาคิดอะไรอยู่

“หากเขาเป็นคนที่ชื่นชอบนางดังเช่นเดียวกันกับเซี่ยซือห้าวก็คงดีไม่น้อย”

นางกัดฟันพูด

งั้นนางก็ไม่เพียงแต่มีอสูรศักดิ์สิทธิ์ อีกทั้งยังมีเพลิงพิลึกขั้นห้าด้วย แม้กระทั่งของที่มีมูลค่ามากกว่านี้แค่นางอยากได้ก็สามารถได้มาง่ายๆ

นางไม่เคยคิดมาก่อนเลยว่าอ๋องเซ่อเจิ้งจะมอบเพลิงพิลึกขั้นห้าให้แก่เย่จายซิง เพราะฉะนั้นจึงไม่ได้ไปแย่งชิงราวกับการแย่งอสูรศักดิ์สิทธิ์เช่นนั้น ด้วยคนไร้ความสามารถอย่างเย่จายซิงเช่นนั้น ให้เพลิงพิลึกนางไปก็เท่ากับว่าส่งนางไปลงนรกก็ไม่ปาน

อยากได้อสูรศักดิ์สิทธิ์เพลิงพิลึกก็ไม่ได้มา เย่เจียหยูขบฟันอย่างรุนแรง

“ไม่ได้ ข้าจะไม่ยอมให้เย่จายซิงได้ดีแน่!”

นางหรี่ตาลง จู่ๆ ก็มีแผนการขึ้นมา

หยิบเอาป้ายหยกส่งสารออกมา สิ่งนั้นคือจี้หยกกลมสีเขียวหนึ่งอันที่สลักคำว่า “ส่งเสียง” ไว้ด้านบน สามารถหาซื้อได้จากร้านค้าที่ค่อนข้างใหญ่หน่อย ราคาก็ไม่ได้ถูก มีไว้สำหรับส่งสัญญาณเสียงทางไกลโดยเฉพาะ

ด้านบนนั้นมีร่องรอยตัวสำนึกของนางอยู่ เพียงแค่เคยติดต่อกับผู้ที่ส่งสัญญาณเสียงคนอื่นๆ ก็สามารถสื่อสารได้จากระยะไกล

แน่นอนว่าในระยะใกล้ก็สามารถใช้ได้เช่นกัน เพียงแค่ไม่ค่อยคุ้มค่าเท่าไหร่ เพราะว่าการเชื่อมต่อหนึ่งครั้งต้องใช้หินทิพย์ชั้นต่ำถึง 5ก้อนเชียว

นางพบร่องรอยที่องค์หญิงหลิงหยุนหลงเหลือไว้จึงส่งคำพูดไปหนึ่งท่อน

สองวันก่อนเซี่ยซือห้าวเคยบอกว่าองค์หญิงหลิงหยุนอยู่ในระหว่างทางที่จะกลับมา หากไม่อยู่นอกเหนือตามที่คาดการณ์ไว้ สองถึงสามวันนี้ก็คงจะกลับถึงเมืองหลวง

นางจะใส่สีตีไข่ว่าเย่จายซิงสังหารเถ้าแก่หอยาเสวียนยังไง แล้วก็ยุยงอ๋องเซ่อเจิ้งให้ทำลายหอยาเสวียนได้อย่างไร ให้องค์หญิงหลิงหยุนฟังให้หมด

ตอนนี้องค์หญิงหลิงหยุนเป็นเด็กฝึกของศูนย์สำนักกลั่นยา ได้ยินว่ายังคารวะปรมาจารย์กลั่นยาขั้นหกที่ทรงพลังผู้หนึ่งเป็นอาจารย์ด้วย ได้รับการชื่นชมและเป็นที่รู้จักในศูนย์สำนัก ฐานะของนางเช่นนี้คิดว่าก็คงไม่เกรงกลัวต่ออ๋องเซ่อเจิ้งแล้ว

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: บัลลังก์ชายาหมอเทวดา