“อ๋องเซ่อเจิ้ง เป็นนางที่ไม่พูดพร่ำทำเพลงก็ลงมือตบตีข้า ทำไมท่านจึงให้ท้ายนาง หากท่านเป็นเช่นนี้จะตามใจจนนางเสีนคนได้!”
เย่เจียหยูกล่าวออกมาด้วยน้ำเสียงเจ็บปวด แก้มทั้งสองข้างบวมขึ้น ในใจไม่ยินยอม
“ผู้หญิงของข้า ข้าอยากจะตามใจให้ท้ายอย่างไร จำเป็นต้องให้เจ้ามาเจ้ากี้เจ้าการหรือ?”
จวินหยวนกวาดสายตามองมายังนาง
สีนหน้าของเย่เจียหยูซีดขึ้นมาทันที คิดไม่ถึงว่าอ๋องเซ่อเจิ้งจะหลงเสน่ห์เย่จายซิงถึงขั้นนี้แล้ว
นางคิดมาตลอดว่าเขาแค่เล่นๆ เท่านั้น ก็เหมือนกับเลี้ยงแมวไว้เป็นของเล่นแบบนั้น
บนโลกนี้มีผู้ชายที่ชอบคนอัปลักษณ์เช่นนี้จริงๆ หรือ? นางรู้สึกว่ามันไม่น่าเป็นไปได้
อีกทั้งยังรู้สึกว่าตนเองในตอนนี้อับอายขายขี้หน้ามาก
“เจ้าไปให้พ้นๆ ซะ ที่นี่ไม่ต้อนรับเจ้า!”
เย่ยู่หยางกล่าวออกมาด้วยเสียงดังอย่างรังเกียจ
เย่เจียหยูกัดริมฝีปากล่างไว้แน่น และบีบผ้าเช็ดหน้าไว้แน่นเช่นกัน ในใจกล่าวว่าพวกเจ้าสองพี่น้องรอข้าก่อนเถอะ วันหลังข้าจะต้องคิดหาวิธีสั่งสอนพวกเจ้าอย่างโหดเหี้ยมแน่นอน
นางไม่กล้าอยู่นาน หันหลังแล้วก็จากไป ยังไม่ลืมที่จะแสร้งทำท่ทางเจ็บปวดเสียใจเช่นนี้ออกมา คิดจะขอความเห็นใจจากคนอื่นได้ทุกที่ทุกเวลา
“เสี่ยวยู่ นางพูดอะไรกับเจ้าบ้าง?”
เย่จายซิงถามน้องชายอย่างเป็นกังวลอยู่เล็กน้อย
ตอนที่นางมาถึงพอดีเห็นน้องชายกำลังซักถามอะไรบางอย่างมาทางเย่เจียหยูอยู่ ใบหน้าของเย่เจียหยูก็อวดดี
“เปล่า......ไม่มีอะไร......”
เย่ยู่หยางส่ายหัวโดยไม่รู้ตัว เขาไม่อยากให้ท่านพี่เป็นกังวล เพราะว่าเขาแอบครุ่นคิดจนเดาได้แล้วว่าคนที่อยู่เบื้องหลังนั้นเป็นใคร คนผู้นั้นมีทั้งอำนาจมีทั้งพลัง ผลการฝึกตนสูงส่ง แม้ว่าเขาอยากจะล้างแค้นเอาคืนยังยากกว่าการฝีนเขาเลย
เย่จายซิงขมวดคิ้ว เนื่องจากจวินหยวนอยู่ด้วย แม้ว่านางจะต้อนถามให้จนมุมเขาก็ไม่พูดแน่นอน ดังนั้นนางจึงไม่ได้ถามต่ออีก
“เจ้าอยู่ที่นี่งั้นเหรอ?”
จวินหยวนกอดอกสำรวจดูรอบๆ และไม่พูดอะไร
“ข้าบอกแล้วว่าที่นี่ของข้าเรียบง่าย ไม่สามารถรับรองท่านได้ หากเสด็จอารังเกียจก็กลับไปเถอะ”
เย่จายซิงกล่าว
หลังจากนางพูดจบก็เพิ่งรู้สึกตัวว่าน้ำเสียงไม่ค่อยดี อาจเป็นเพราะเป็นห่วงเรื่องของน้อง ไม่มีกะจิตกะใจจะมาดูแลเขา
จวินหยวนขมวดคิ้วและมองลงมาที่นางชั่วครู่
“ข้าจะส่งคนมาซ่อมแซมลานบ้านขอพวกเจ้าเอง ก่อนถึงตอนนั้นเจ้ากลับไปอยู่ที่จวนอ๋องกับข้าเสีย”
น้ำเสียงของเขาเรียบเฉย ท่าทางกลับไม่ง่ายเลยที่จะคัดค้าน
เย่จายซิงอ้าปากค้างแล้วรีบกล่าวว่า
“ไม่ต้องหรอก ข้ารู้สึกว่าลานบ้านของข้าเป็นที่น่าพอใจแล้ว อะไรก็ไม่ขาด ไม่รบกวนเสด็จอาจะดีกว่า!”
“ในใต้หล้านี้ไม่ว่าของอะไรก็ตามที่เจ้าอยากได้ ข้าต่างส่งมอบให้ถึงมือเจ้า เจ้าเป็นคู่หมั้นของข้า ไม่ควรอยู่ในที่ที่ทรุดโทรมเช่นนี้”
น้ำเสียงของเขาดูบงการ
เย่จายซิงรู้สึกว่าตนเองเหมือนย้ายก้อนหินมาทับเท้าของตน รู้อย่างนี้เมื่อครู่นางน่าจะรับรองเขาให้ดีๆ ตั้งนานแล้ว แล้วค่อยส่งเขากลับไปอย่างเคารพอ่อนน้อมจะดีมาก
แม้ว่าลานบ้านจะดูเรียบง่ายไปหน่อย แต่ของอะไรก็ไม่ขาด นางรู้สึกว่าอยู่แล้วสบายดี หากไปที่จวนอ๋องเซ่อเจิ้งต่างหากที่จะไม่เป็นอิสระ
“เสด็จอา งั้นเอาแบบนี้ละกัน ระหว่างที่ซ่อมแซมลานบ้าน ข้ากับเสี่ยวยู่จะไปอยู่โรงเตี๊ยม อย่างไรเสียข้ากับท่านก็ยังไม่ได้แต่งงานกัน หากไปอาศัยอยู่ที่นั่นบ่อยๆ พูดออกไปมันจะไม่งามเอาได้”
นางใช้นำเสียงในเชิงหารือกล่าวกับเขา
“ใครกล้าว่าร้ายนินทาข้ากับเจ้าหรือ?”
เขากล่าวด้วยเสียงเย็นชา
“......” เย่จายซิง : “เสด็จอา ประเด็นหลักคือข้าก็รู้สึกว่ามันไม่เหมาะสม”
“ข้าจะไม่เตะต้องเจ้าเลย เจ้ามีอะไรต้องกลัวหรือ?”
เย่ยู่หยางกล่าวขึ้นในขณะนั้นว่า
“มันก็ไม่แน่นอนหรอก ถึงเวลาหากหญิงชายอยู่กันตามลำพังในห้องเดียวกัน ใครจะไปรู้ได้ว่าจะเกิดอะไรขึ้น? สรุปคือก่อนที่พวกท่านยังไม่ได้แต่งงานกันห้ามอยู่ด้วยกัน!”
เย่จายซิงแอบพยักหน้า น้องชายช่างเข้าข้างข้าจริงๆ
นางยังไม่ลืมหรอกนะวันนั้นปฏิกิริยาของร่างกายของเขาที่งานประมูลตอนที่ตนนั่งอยู่บนตักของเขา
ปากของผู้ชายก็คือผีที่หลอกหลอนคน
“ไปโรงเตี๊ยมเถิงหยุน”
จวินหยวนกล่าวอย่างไม่ค่อยสุขใจนัก
เย่จายซิงอึ้งไปชั่วครู่ จากนั้นเมื่อตั้งสติได้ความหมายของเขาคือโอนอ่อนผ่อนตาม อดไม่ได้ที่จะยิ้มออกมา
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: บัลลังก์ชายาหมอเทวดา
มาอ่านเรื่องนี้ต่อค่ะ หวังว่าจะลงเนื้อหาจนจบ...
115จนถึงถึง159ไม่มีเลยค่ะลงต่อให้ครบได้มั้ยค่ะ😂...
ตอนที่ 115-159 หายไปค่ะ อ่านต่อไม่ได้อ่ะค่ะ...
115-159หายไปไหนอ่าคะ...
อัพวันละหลายๆตอนได้มั้ยค่ะ ขอบคุณค่ะ...