บัลลังก์ชายาหมอเทวดา นิยาย บท 59

เย่จายซิงหาน้องชายเขาเจอและถามเรื่องดินแดนลี้ลับที่เกิดขึ้นตอนนั้น แต่เขากลับปิดปากเงียบไม่พูด

“เสี่ยวยู่ เจ้าไม่ต้องปิดบังข้าหรอก ตอนนี้เจ้าไม่พูด ข้าก็สามารถสิบหาความจริงได้ เพียงแค่ต้องใช้เวลาเยอะหน่อยก็เท่านั้นเอง”

“ท่านพี่ เจ้าไม่ต้องไปสืบหรอก เรื่องนี้ท่านก็ทำเป็นว่าไม่รู้ไปซะ ตอนนี้ข้าก็กลายเป็นคนพิการไปแล้ว เรื่องที่อยากจะแก้แค้นก็เป็นไปไม่ได้ จะดึงท่านเข้ามาเกี่ยวข้องกับเรื่องนี้ไม่ได้!”

เย่ยู่หยางส่ายหัวแล้วกล่าวกับนาง มีความรู้สึกหมดเรี่ยวหมดแรงอย่างมากขึ้นมาในใจ

เขาไม่ใช่ชายหนุ่มผู้มีพรสวรรค์ที่สดใสร่าเริงเช่นนั้นแบบเมื่อก่อนแล้ว ระยะเวลาครึ่งปีมานี้เขาแยกแยะออกถึงความอบอุ่นและความเยือกเย็นของมนุษย์ ความชั่วร้ายอันตรายบนโลกใบนี้ ทำให้เขาปลงในสิ่งที่เคยทิ่มแทง เหลือไว้เพียงความน้อยเนื้อต่ำใจอย่างไม่มีที่สิ้นสุด

เดิมทีเขาอยากจะฮึกเหิมขึ้นมาเพื่อปกป้องท่านพี่ แต่กลับพบว่าตัวเองนั้นไม่เหลืออะไรเลย

มือที่อ่อนนุ่มข้างหนึ่งลูบไปบนหัวคิ้วของเขา จับคิ้วที่ขมวดอยู่นั้นให้คลายออก

“เจ้าพูดเหลวไหลอะไรกัน เสี่ยวยู่ เราสองคนเป็นพี่น้องกันแท้ๆ เลือดที่ไหลอยู่บนตัวก็เป็นสายเลือดเดียวกัน เป็นคนที่ไว้ใจที่สุดบนโลกใบนี้แล้ว เจ้ามาพูดกับพี่ว่า ‘เดือดร้อน’ สองพยางค์นี้ได้อย่างไรกัน อีกอย่างเจ้าไม่ใช่คนพิการซะหน่อย ข้าพี่เจ้ากำลังศึกษาวิจัยยานิพพานอยู่แล้ว เจ้าวางใจได้ อีกไม่นานเกินรอเจ้าก็จะสามารถฟื้นฟูความสามารถเมื่ออดีตได้ แล้วกลายเป็นผู้มีพรสวรรค์ที่ถูกผู้คนจับตามองบนดินแดนแห่งนี้!”

เย่จายซิงใช้น้ำเสียงที่อ่อนโยนพูดกับเขาดีๆ นางรู้สึกว่า เสี่ยวยู่ในตอนนี้ก็เปรียบเหมือนหมาป่าน้อยที่กำลังรักษาเลียแผลอยู่โดยลำพังตัวหนึ่ง น่าสงสารจับใจจนอดเห็นใจไม่ได้

“ยานิพพาน? ท่านพี่ ท่านไม่ต้องปลอบข้าหรอก แม้ว่ายานิพพานจะเป็นยาขั้นหกเท่านั้น แต่ทว่ากลั่นได้ยากยิ่ง ได้ยินมาว่าแม้แต่อาจารย์กลั่นยาขั้นเจ็ดก็ยังกลั่นออกมาไม่ได้”

เย่ยู่หยางถอนหายใจออกมาหนึ่งเฮือก ยานิพพานสามารถฟื้นฟูจุดตันเถียนของเขาได้ แต่บนโลกนี้ไม่มีใครที่สามารถกลั่นออกมาได้

ชั่วชีวิตนี้ของเขาก็คงเป็นได้แค่คนพิการคนหนึ่ง จะไปเพิ่มศัตรูแค้นให้พี่สาวเดือดร้อนได้อย่างไร

“อายุยังน้อยอยู่เลย อย่าถอนหายใจบ่อยๆ สิ!”

เย่จายซิงหยิกแก้มของเขาอย่างโกรธเคืองแล้วกล่าวว่า

“ยังไงข้าก็ต้องคิดหาวิธีให้เจ้าฟื้นฟูกลับมาให้ได้ หากเจ้าไม่อยากพูดข้าก็ไม่บังคับเจ้าเช่นกัน แต่เจ้าจะเก็บเรื่องทุกเรื่องไว้ในใจคนเดียวไม่ได้นะ เจ้าจำไว้เลยว่าข้าพี่เจ้าเป็นผู้รับฟังที่ดีที่สุดของเจ้าตลอดไป”

พูดจบนางก็ลูบหัวของเขาไปมาครู่หนึ่ง ให้เขาพักผ่อนดีๆ แล้วจึงออกไปจากห้องของเขา

“พระชายา นายท่านยังรอท่านอยู่ด้านล่าง”

เหยียนเฟิงปรากฏตัวขึ้นทันที เสียงที่พูดออกมาโดยนางไม่ทันตั้งตัวเกือบทำให้นางตกใจ

นางเกือบลืมว่าจวินหยวนยังรอนางอยู่ในห้องโถงใหญ่ชั้นล่าง หลังจากนางเอาข้าวของขึ้นมาเก็บก็จำได้แค่ว่าต้องไปหาน้องชายเพิ่มถามไถ่

“ข้าจะลงไปเดี๋ยวนี้แหละ!”

ลงบันไดมามองไปนางก็เห็นผู้ชายที่นั่งอยู่กลางโถงใหญ่ เขามีรังสีที่สง่างามมาก ไม่มีใครที่จะมองข้ามเขาไปได้

โรงเตี๊ยมได้ถูกเขาจับจองไว้หมดแล้ว แขกก่อนหน้านี้ต่างถูกเชิญให้ออกไปหมด โรงเตี๊ยมที่โอ่โถงหรูหรามีเพียงแค่นางและ เสี่ยวยู่สองคนอยู่เท่านั้น

“เสด็จอา ให้ท่านรอนานเลย ข้ารินชาให้ดื่มนะ!”

นางเดินขึ้นไปรินน้ำชาให้เต็มแก่เขา

นางอยากจะถามว่าทำไมเขาจึงยังไม่กลับจวนอ๋องไปอีก นึกแล้วเขาจะต้องไม่ยินดีแน่นอนถ้าถามเช่นนั้น สุดท้ายก็เก็บเอาไว้ในใจ

จวินหยวนไม่ได้ดื่มชา เขามองนางอยู่ครู่หนึ่ง แล้วหยิบป้ายหยกชิ้นหนึ่งออกมาวางบนโต๊ะ จากนั้นหันหลังแล้วก็ออกไปเลย ไม่ได้ทิ้งคำพูดใดแม้แต่คำเดียวไว้ให้นางเลย

“โมโหงั้นหรือ?”

นางเกาหัวไปมา ก็ให้รอแค่ชั่วครู่เองไม่ใช่หรือ ผู้ชายตัวเบ้อเร่อคนหนึ่งทำไมโกรธง่ายเช่นนี้นะ

“แล้วนี่คือป้ายหยกอะไรกัน?”

นางกล่าวด้วยความสงสัย แล้วยื่นมือไปสัมผัสป้ายหยกเพียงชั่วพริบตาเดียวเรื่องราวต่างๆ ที่อยู่ด้านในนั้นก็ปะทุออกมา และพุ่งเข้าสู่ในหัวของนาง สีหน้าของนางอึ้งไปอย่างใจหาย มีความอาฆาตเกิดขึ้นในดวงตาของนาง

กำหมัดแน่นอย่างรุนแรง ป้ายหยกแตกแหลกกลายเป็นเศษชิ้นเล็กชิ้นน้อยไป

“อ๋องแห่งแคว้นทะเลหยกใช่หรือไม่?”

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: บัลลังก์ชายาหมอเทวดา