จวินหยวนคล้อยตัวต่ำลง ใบหน้าหล่อเหลาดูเศร้าสร้อยเล็กน้อย ลำแสงพิฆาตคลอเบ้าอยู่นัยน์ตาสลัวที่หลี่ลง
เย่จายซิงเข้าใจว่าเป็นอาการข้างเคียงหลังจากการใช้ยาต้องห้ามในการเพิ่มระดับฌาน ส่งผลให้เขาไร้เรี่ยวแรง จึงจับชีพจรให้เขา เลือดในกายของเขาปั่นป่วน ฌานไม่คงที่ อาการสาหัสจริง ๆ
“ที่นี่ไม่เหมาะจะอยู่นาน เสด็จอา ท่านยังทนไหวมั๊ย? พวกเราต้องไปจากที่นี่ก่อน”
นางกลัวว่าหลงเฟยหลีจะกลับมาฆ่าอีก หรือทิ้งเล่ห์เหลี่ยมอะไรเอาไว้ จิตใจคนผู้นั้นแปรปรวนง่าย และไม่เลือกวิธีการ ต้องป้องกันเอาไว้ก่อน
จวินหยวนปล่อยมือนาง นั่งขัดสมาธิลง:
“น้องซิง เขากลับมาไม่ได้ ที่นี่ปลอดภัยกว่าข้างนอก พออาการบาดเจ็บข้าดีขึ้นจะพาเจ้าออกไป”
เขาล้วงเอายาทิพย์ออกมาหนึ่งเม็ดแล้วกินลงไป หลับตาลงเริ่มปรับลมปราณ
เขาค้นหาวิญญาณของโส่วเหล่าซาน ที่นี่เป็นแค่ที่จำศีลชั่วคราวของหลงเฟยหลี มีค่ายกลโบราณไปยังภพปีศาจ หลงเฟยหลีมาจากภพปีศาจนั่นเอง
บัดนี้ค่ายกลโบราณถูกเขาทลายลง เป็นไปไม่ได้ที่หลงเฟยหลีจะกลับมา อีกทั้งไอพิษข้างนอกมีอสูรปีศาจขั้นสูงจำนวนมาก เขาไม่อยากให้นางต้องมาเสี่ยงไปกับเขา
ครั้งนี้เขาไม่ได้ปกป้องนางให้ดี ต่อไปเขาจะไม่ให้นางได้รับบาดเจ็บแม้แต่นิดเดียว
จวินหยวนปรับลมรานไปก็ครุ่นคิดไป หากเขาแก้ค่ายกลหลอนจิตได้เร็วกว่านี้ บางทีนางอาจไม่ต้องโดนการสบประมาทเช่นนั้น
เย่จายซิงมองดูจวินหยวนด้วยความเป็นห่วง ดวงตาทั้งคู่ของเขาปิดสนิท คิ้วขมวดแน่น ลมปราณปั่นป่วนเล็กน้อย ถ้าเป็นเช่นนี้ต่อไปไม่รู้ว่าธาตุไฟจะเข้าแทรกเป็นปีศาจหรือไม่
ตัวนางได้รับการช่วยชีวิตและไม่ได้รับบาดเจ็บ เพียงแต่ถูกหลงเฟยหลีดูดเลือดไปนิดหน่อย แต่ปฏิกิริยาของเขาเหมือนตำหนิและเกลียดชังตัวเองนัก
นางรู้สึกเสมอว่ามีชั้นอะไรกั้นระหว่างกลางเอาไว้ซึ่งนางเองก็บอกไม่ถูก
แต่การที่จวินหยวนเป็นห่วงนางเป็นความแท้จริง ไม่ใช่ความลวง นางเห็นได้จากสายตา
ตอนนี้นางช่วยเหลืออะไรไม่ได้ อาการบาดเจ็บของจวินหยวนต้องฟื้นฟูด้วยการกำหนดลมปราณด้วยตนเอง ยาทิพย์ที่เขาเพิ่งกินลงไป นอกจากเป็นยาทิพย์รักษาแผลขั้นหกแล้วเหมือนยังมียาม่วงขั้นเจ็ดด้วย
เย่จายซิงควบคุมให้ผึ้งหน้าผีตัวนั้นมาหา ก่อนหน้าที่ผึ้งหน้าผีซุ่มโจมตีหลงเฟยหลี ถูกอีกฝ่ายเล่นงานอย่างหนัก จนช่วงตัวที่มีเข็มพิษขาดออก เนื่องจากมันกลายเป็นหุ่นเชิด จึงไม่รู้สึกเจ็บ ตัวขาดไปครึ่งท่อนก็แค่สูญเสียพลังบางส่วนไป ไม่ได้เป็นอุปสรรคต่อเย่จายซิงในการควบคุมมัน
นางควบคุมผึ้งหน้าผีเข้าไปตระเวนดูในไอพิษเพื่อหลีกเลี่ยงอันตราย
โชคดีที่การต่อสู้ระหว่างจวินหยวนกับหลงเฟยหลีรุนแรง จึงไม่มีอสูรปีศาจเข้าใกล้ที่นี่ชั่วคราว
สติสัมปชัญญะของจวินหยวนถูกดึงสู่ความมืดอนันตกาล
หลายปีมาแล้วที่เขาไม่ได้ถูกกระทำเช่นนี้ นับตั้งแต่เกิดแดนความฝันประหลาด ก็ไม่ได้เข้าสู่จิตทิพย์ที่มืดมิดหนาวเย็นเช่นนี้อีกเลย
นี่คือมุมหนึ่งในความคิดของเขา ตั้งแต่เริ่มจำความได้ ก็กัดกร่อนสัมผัสทั้งห้าของเขามาตลอด ทำให้เขารู้สึกเฉยเมย ไมีเกิดความเห็นใจในเรื่องเศร้า ไม่สนใจไยดีมาตลอด
“เจ้าเกิดมาไร้ซึ่งความผูกพัน ไม่รู้จักความรักความเกลียดชัง เจ้าเป็นตัวประหลาดน้อยที่ไร้ความรู้สึก!”
แม่เลี้ยงของเขาบอกกับเขาเช่นนี้ตั้งแต่เด็ก
บิดาของเขาก็บอกว่า:
“บางทีเจ้าอาจจะเป็นผู้สืบทอดที่เหมาะสม แต่เจ้าจะไม่ใช่บุตรที่ดีไปนิรันกาล ในฐานะบิดาข้าผิดหวังในตัวเจ้าเหลือเกิน”
แต่เขาก็ไม่รู้สึกอะไร ไม่รู้สึกโกรธ ไม่รู้สึกละอาย เขามีชีวิตเหมือนศพที่เดินได้
เขามีฐานะที่สูงส่ง เพียงแต่ไร้ซึ่งความผูกพันที่มนุษย์ควรมี
เมื่อ 7 ปีก่อน เขาเข้าไปแดนปริศนาอันตรายโดยบังเอิญ เข้าไปได้ไม่นาน แหวนวงหนึ่งก็ลอยมาหาให้เขาเป็นเจ้าของ แล้วเขาก็เริ่มฝัน คนที่ไม่เคยฝันตั้งแต่เล็กจนโตอย่างเขา ก็ได้อยู่ในแดนความฝันเหมือนคนปกติ แต่ในแดนความฝันกลับปรากฏสาวน้อยแสนสวยนางหนึ่งซ้ำไปซ้ำมา นางเป็นศูนย์กลางแห่งแดนความฝัน ทุกความฝันล้วนเกี่ยวข้องกับนาง
เขาสับสน ไม่เข้าใจ อยากให้ทุกอย่างกระจ่าง
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: บัลลังก์ชายาหมอเทวดา
มาอ่านเรื่องนี้ต่อค่ะ หวังว่าจะลงเนื้อหาจนจบ...
115จนถึงถึง159ไม่มีเลยค่ะลงต่อให้ครบได้มั้ยค่ะ😂...
ตอนที่ 115-159 หายไปค่ะ อ่านต่อไม่ได้อ่ะค่ะ...
115-159หายไปไหนอ่าคะ...
อัพวันละหลายๆตอนได้มั้ยค่ะ ขอบคุณค่ะ...