บัลลังก์ชายาหมอเทวดา นิยาย บท 86

จุลสุเมรุ?

สายตาเย่จายซิงเต็มไปด้วยความสงสัย

ยังไม่ทันรอให้นางยิงคำถามจวินหยวนก็ยอกนางว่า:

“จุลสุเมรุสร้างขึ้นจากพลังมหาศาลโบราณ เป็นโลกใบเล็กที่อิสระ ทั้งหมดเป็นความจริง แต่สิ่งมีชีวิตที่นี่หากไปจากโลกใบเล็กนี้ก็ไม่สามารถมีชีวิตอยู่ได้”

นางดูเข้าใจขึ้น อดอัศจรรย์ใจไม่ได้ว่าในโลกใบนี้จะมีโลกใบเล็กอิสระอยู่

อันที่จริงคนเราถ้าอยู่ในโลกแบบนี้ไปชั่วชีวิต ไม่รู้ความไพศาลของโลกภายนอก ก็ไม่เห็นจะเลวร้ายตรงไหน ที่นี่ มนุษย์กับสัตว์เกิดแก่เจ็บตาย มีวัฏจักรของตัวเอง ไม่มีความปรารถนา เหมือนดั่งดินแดนดอกท้อที่คิดเอาไว้

“ทว่าที่นี่เหมือนไม่มีร่องรอยมนุษย์อาศัยอยู่”

นางกล่าว

จวินหยวนพยักหน้า ชมว่านางช่างสังเกต

“จุลสุเมรุไม่ใช่ที่อาศัยของมนุษย์ มนุษย์ดำรงชีวิตอยู่ที่นี่ได้ไม่นาน ในโบราณกาล จุลสุเมรุเป็นสถานที่สำหรับเลี้ยงวิญญาณ”

“อะไร?”

เลี้ยงวิญญาณ?

เช่นนั้นก็ไม่ต่างกับ ธงเลี้ยงวิญญาณสิ?

เย่จายซิงตะลึงไปชั่วครู่ เมื่อครู่นางเพิ่งรู้สึกเหมือนแดนเซียน ตอนนี้รู้สึกบรรยากาศมืดครึ้ม ราวกับมีวิญญาณอยู่ข้างหลัง

ปฏิกิริยาของนางทำให้มุมปากของจวินหยวนกระตุกขึ้น แกล้งเป่าลมปากไปที่ลำคอของนาง

ซื๊ด!

เย่จายซิงตกใจ ไม่นึกว่าจวินหยวนที่สุขุมเยือกเย็นจะล้อเล่นกับนางเช่นนี้ ไม่ใช่บุคลิกของเขาเลย

หากองครักษ์ลับของเขามาเห็นฉากนี้เข้า คาดว่าลูกตาต้องถลนออกมาแน่ คงคิดว่าเจ้านายของตัวเองถูกใครดูดวิญญาณไปแล้ว

จวินหยวนคิดไม่ถึงว่านางจะตกใจขนาดนี้ หน้าซีดเผือด นัยย์ตาฉายแววตระหนก พยายามปลอบนาง แล้วก็เห็นนางสบถหัวเราะ ดวงตาที่สว่างเหมือนดวงดาวกลายเป็นรูปจันทร์เสี้ยว

เขาก็หัวเราะตามด้วย

เย่จายซิงก็ไม่รู้เหมือนกันว่านางหัวเราะอะไร แค่รู้สึกว่าท่าทางตระหนกของจวินหยวนตลก เหมือนเด็กหนุ่มที่สิ้นไร้ไม้ตอกต่อหญิงสาว  ยิ่งทำให้เห็นว่าตัวตนที่แท้จริงของเขามากขึ้น  ใบหน้าหล่อเหลาใบนี้ยิ่งมีชีวิตชีวาขึ้น

นางยิ่งรู้สึกได้ว่านางกับจวินหยวนใกล้ชิดกันมากขึ้น แต่นางก็ไม่ได้ปัดป้อง เขาเหมือนพยายามเปลี่ยนแปลงตัวเอง เช่นนั้นทำไมนางจึงไม่ให้โอกาสเขาสักครั้งล่ะ?

สักพักจวินหยวนจึงพูดขึ้นว่า: “แม้ว่าจุลสุเมรุจะเป็นสถานที่เลี้ยงวิญญาณ แต่ไม่ได้เป็นของขลังมนต์ดำอย่างที่น้องซิงคิด ที่นี่สามารถหล่อเลี้ยงวิญญาณได้  หากมีคนก่อกายเนื้อเป็นตัวแทนคนอื่นขึ้นมา  ดวงวิญญาณที่ไม่บุบสลายสมบูรณ์แบบก็สามารถดำรงอยู่ในเนื้อหนังมังสานี้ได้”

เขากล่าว:

“เดิมทีจุลสุเมรุถูกผู้แข็งแกร่งนามหนึ่งกลั่นออกมาในสมัยโบราณกาล ภรรยาของเขาตกลงมาด้วยอุบัติเหตุ จึงเก็บดวงวิญญาณเอาไว้ กายหยาบได้ดับสูญ เพื่อเลี้ยงดวงวิญญาณของนาง จึงได้กลั่นจุลสุเมรุขึ้น และจุลสุเมรุที่เกิดขึ้นภายหลังก็ใช้วิธีเดียวกับผู้แข็งแกร่งนามนี้กลั่นออกมานั่นเอง”

“แล้วสุดท้ายภรรยาของผู้แข็งแกร่งนามนั้นรอดชีวิตมั๊ย?”

เย่จายซิงจับตาดูปาฏิหาริย์

“ไม่รอด”

จวินหยวนหลับตาลง เสียงคล้อยต่ำ: “ภรรยาของเขาไม่รักเขา ไม่อยากมีชีวิตอยู่ ฉวยโอกาสตอนที่เขาเผลอกระโดดออกจากจุลสุเมรุลอยเป็นธุลีสลายไป”

ยอมเป็นหยกแหลกลาญดีกว่าเป็นกระเบื้องที่สมบูรณ์

ถึงตายก็ต้องไปจากเขาให้ได้

เย่จายซิงคิดในใจ หากนางไม่รักคนผู้นั้น แต่กลับถูกกักขังไปจากไม่ได้คิดว่านางก็ยอมตายเสียดีกว่า

“เสด็จอา ถ้าหากผู้แข็งแกร่งผู้นั้นเป็นท่าน ท่านจะทำอย่างไร?”

อยู่ ๆ นางก็ถามขึ้นมา

“ไม่มีคำว่าถ้าหาก ข้าจะไม่ให้เจ้าเป็นอะไรทั้งสิ้น”

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: บัลลังก์ชายาหมอเทวดา