บัลลังก์หมอยาเซียน นิยาย บท 1005

สรุปบท บทที่ 1005 ฆ่านางเสีย: บัลลังก์หมอยาเซียน

สรุปตอน บทที่ 1005 ฆ่านางเสีย – จากเรื่อง บัลลังก์หมอยาเซียน โดย ลิ่วเยว่

ตอน บทที่ 1005 ฆ่านางเสีย ของนิยายนิยาย จีนเรื่องดัง บัลลังก์หมอยาเซียน โดยนักเขียน ลิ่วเยว่ เต็มไปด้วยจุดเปลี่ยนสำคัญในเรื่องราว ไม่ว่าจะเป็นการเปิดเผยปม ตัวละครตัดสินใจครั้งสำคัญ หรือฉากที่ชวนให้ลุ้นระทึก เหมาะอย่างยิ่งสำหรับผู้อ่านที่ติดตามเนื้อหาอย่างต่อเนื่อง

แม่นมฉินเอายาขวดหนึ่งออกมาจากอก เทออกมาหนึ่งเม็ดให้นางกินลงไป จากนั้นก็พูดกับหยู่เหวินเทียนว่า “น่าจะเป็นไข้ จนทำให้สมองเลอะเลือน”

“แม่นมฉิน เจ้าให้นางกินยาอะไร สามารถลดไข้ได้หรือ”หยู่เหวินเทียนมองหมันเอ๋อ ใบหน้าของนางไม่เหมือนคนเป็นไข้ ซีดจนน่า“ลดไข้ได้ ข้ามียาอยู่หลายเม็ด สามารถให้นางกินจนดีขึ้นได้”แม่นมฉินพูดเรื่อยเปื่อยคำหนึ่ง “ให้ข้าดูแลนางก็พอ”

หยู่เหวินเทียนยังรู้สึกไม่ค่อยวางใจสักเท่าไหร่ หมันเอ๋อคนนี้เป็นคนข้างกายของพี่สะใภ้ห้าที่ได้รับความเชื่อใจมาก จะให้เกิดเรื่องอะไรขึ้นกับนางไม่ได้ แต่ตัวเองก็เป็นแค่ผู้ชายคนหนึ่งที่ช่วยอะไรไม่ได้ จึงพูดขึ้นว่า “เช่นนั้นเจ้าก็ดูแลนางให้ดี เดินอีกประมาณหนึ่งชั่วยาม พวกเราก็ต้องตั้งค่ายกันแล้ว ”

ในเจียงเป่ย ถ้าฟ้ามืดแล้วไม่สามารถเดินทางต่อไปได้อีก จำเป็นต้องตั้งค่ายเพื่อพักผ่อน และต้องมั่นใจว่าได้รับการพักผ่อนอย่างเพียงพอ จึงจะสามารถเดินทางต่อไปได้ในดินแดนแห่งนี้

หลังจากหยู่เหวินเทียนเดินออกไปแล้ว แม่นมฉินก็กอดหมันเอ๋อเอาไว้ในอ้อมอก “ฟังข้าพูด ตอนนี้เจ้าไม่ต้องคิดอะไรทั้งนั้น คิดเพียงรีบหาทางช่วยจวิ้นจู่จิ้งเหอออกมาให้เร็วที่สุด เช่นนี้พระชายารัชทายาทจะดีใจมาก ความคิดฟุ้งซ่านทั้งหมดในสมองต้องละทิ้งไป รู้หรือไม่”

ร่างกายของหมันเอ๋อสั่นเทาอยู่บ้าง “แม่นมฉิน ท่านให้ข้ากินยาอะไร”

“เจ้าวางใจได้ ยานี้ไม่มีผลร้ายต่อเจ้า เพียงแต่ทำให้พละกำลังเจ้าเพิ่มมากขึ้น”แม่นมฉินจิตใจสับสนวุ่นวายมาก นางรู้ถึงความเลวร้ายของการลงอาถรรพ์สาวหมอผี ที่จริงแล้ว ตอนนี้นางเองก็เริ่มปรากฏเสียงหลอนอยู่บ้าง นางกับหมันเอ๋อไม่เหมือนกัน นางแบกภาระความแค้นอันยิ่งใหญ่เอาไว้ จิตใจตั้งมั่นแน่วแน่อย่างหาที่เปรียบไม่ได้ ไม่ว่าจะเป็นอาคมหรือคาถาใดๆก็ตามก็ไม่สามารถทำลายนางได้

ยานี้ไม่ใช่ยาบำรุงหรือเป็นยาเพิ่มพละกำลังแต่อย่างใด ที่จริงก็เป็นยากู่ชนิดหนึ่ง จะออกฤทธิ์เมื่อนางวิ่งอย่างคลุ้มคลั่งหรือสลบไป จะทำให้เป็นลมทันที อย่างน้อยสามารถรับประกันได้ว่าหมันเอ๋อจะไม่วิ่งหนีออกไปนอกสายตาของนาง

“แม่นมฉิน นี่ข้าป่วยหรือเป็นอะไรกันแน่ ทำไมข้าจึงรู้สึกว่าข้าไม่เป็นตัวเอง ”ตอนที่หมันเอ๋อขึ้นเขามาตลอดทางก็รู้สึกอึดอัดมาก นอกจากจะมีคนคอยเร่งให้นางไปยังเจียงเป่ยแล้ว ยังเริ่มมีเงาเลือนรางมากมายที่แทบไม่เคยเห็นมาก่อน และเงาเหล่านี้ก็มักจะส่งเสียงเรียกให้สติที่กำลังจะแจ่มชัดขึ้นพังทลายลงอยู่เสมอ

“เด็กโง่ เจ้าก็แค่ไม่สบาย เดินทางบากบั่นเหน็ดเหนื่อยมาก ใครก็ทนไม่ไหว ก่อนหน้านี้เจ้าอยู่รับใช้ข้างกายพระชายารัชทายาทมาเป็นเวลานาน มีชีวิตที่สุขสบาย จะสามารถทนความลำบากเหล่านี้ได้อย่างไร ”แม่นมฉินลูบที่ใบหน้าของนาง มองดูท่าทีของนางที่ถูกสาวหมอผีลงอาถรรพ์ทรมาน รู้สึกเจ็บปวดใจมาก แค้นมาก

“ข้าช่างเป็นภาระจริงๆ”หมันเอ๋อรู้สึกผิดมาก ดวงตายิ่งแดงก่ำมากขึ้น “ช่วยอะไรไม่ได้ยังจะเป็นภาระให้พวกท่านต้องเหนื่อยอีก”

“อย่าพูดเช่นนี้ ใครจะไม่เคยมีช่วงเวลาที่ไม่สบายกันเล่า”แม่นมฉินพูดปลอบใจ

กองทัพพักผ่อนกันชั่วครู่ แล้วก็ออกเดินทางต่อ

หยู่เหวินเทียนเดินเข้ามาสอบถามอาการของหมันเอ๋อด้วยตนเอง “เป็นอย่างไรบ้าง เดินได้หรือไม่”

“เดินได้ ข้าไม่เป็นไรแล้ว ขอบคุณความห่วงใยของท่านอ๋อง”หมันเอ๋อฝืนยิ้มและพูดขึ้น

คิ้วของหยู่เหวินเทียนขมวดขึ้นมา “แต่ว่าสีหน้าเจ้าดูแล้วไม่ค่อยจะดีนัก ถ้าไม่ไหวแล้วละก็ บอกข้า ข้าจะแบกเจ้าไปเอง”

คำพูดนี้ทำเอาหมันเอ๋อตกใจจนต้องรีบโบกมือ “ไม่ต้อง ไม่ต้อง ข้าสามารถเดินเองได้ ”

“ได้ ถ้าอย่างนั้นก็ไปเถอะ”หยู่เหวินเทียนยังคงเฝ้าสังเกต ไม่ได้เดินนำหน้า แต่รักษาระยะห่างที่เหมาะสมเอาไว้กับหมันเอ๋อ สามารถมองดูได้ตลอดเวลา

แต่ว่าอาการของหมันเอ๋อยิ่งอยู่ก็ยิ่งแย่ลงแล้ว นอกจากเกิดเสียงหลอนแล้ว ยังรู้สึกว่าเลือดลมกำลังค่อยๆพุ่งทะลักขึ้นมา ราวกับบังคับให้นางต้องทำอะไรสักอย่างจึงจะรู้สึกสบายขึ้น

ที่สุด ตอนที่กองทัพเริ่มหยุดลงเพื่อตั้งค่าย แสงสุดท้ายของดวงอาทิตย์ได้หายไป ทันใดนั้นหมันเอ๋อก็ได้ส่งเสียงคำรามดังลั่นขึ้นมาเสียงหนึ่ง กระโดดขึ้นมาอย่างคลุ้มคลั่ง วิ่งไปข้างหน้าราวกับเป็นบ้าไปแล้ว

หยู่เหวินเทียนสังเกตนางอยู่ตลอดเวลา ตอนที่เห็นดวงตาของนางถูกย้อมไปด้วยเลือด เขาก็ได้เดินอย่างรวดเร็วไปทางข้างกายของหมันเอ๋อ แต่คิดไม่ถึงว่านางจะคำรามเสียงดังและกระโดดอย่างบ้าคลั่งขึ้นมากะทันหัน และวิ่งได้อย่างรวดเร็วมาก เขาก้าวเท้าวิ่งไล่ตาทันที

แม่นมฉินเพิ่งจะทำค่ายที่พักของหมันเอ๋อเสร็จ เดิมทีคิดว่าจะให้นางเข้ามานอนสักหน่อย ได้ยินเสียงนางร้องขึ้นมา ในหัวใจก็ร้องขึ้นมาอย่างเงียบๆว่าแย่แล้ว พอเงยหน้าขึ้นก็เห็นหยู่เหวินเทียนวิ่งไล่ตามไป นางก็วิ่งตามไปเช่นกัน

พอเข้ามาในภูเขาก็มีคนคลุ้มคลั่งขึ้นมา อดไม่ได้ที่จะทำให้หัวใจของทุกคนรู้สึกหวาดกลัว อ๋องเว่ยกับอ๋องอันสบตากันแวบหนึ่ง สีหน้านิ่งขรึม เดินเข้าไปอย่างรวดเร็ว

แม่นมฉินมองไปทางอ๋องอัน คิดว่าตลอดทั้งการเดินทางนี้ยังคงอันตรายเป็นอย่างยิ่ง ปิดบังไว้ไม่อยู่ ได้แต่พูดความเป็นมาเป็นไปทุกอย่างออกมาจนหมดเปลือก ปิดบังไว้เพียงเรื่องที่ตนเองมีสถานะเป็นแม่ของหมันเอ๋อเท่านั้น

อ๋องเว่ยนั้นรู้ฐานะของหมันเอ๋อ แต่ว่า ไม่รู้เรื่องการลงอาถรรพ์ของสาวหมอผี ฟังแล้วรู้สึกประหลาดใจ “ถ้าหากแก้ไม่ได้ แล้วจะเป็นอย่างไร นางจะกลายเป็นศัตรูของพวกเราหรือ”

“ใช่”แม่นมฉินพูดเสียงเบา

“ฆ่านางเสีย”ปฏิกิริยาแรกของอ๋องอันก็คือตัดไฟตั้งแต่ต้นลม แม้ว่าหมันเอ๋อจะเป็นลูกสาวของอ๋องหนานเจียง แต่ว่าตอนนี้นางถูกอาถรรพ์ของสาวหมอผี ว่ากันอย่างเข้มงวดแล้ว ไหนเลยจะสามารถให้กองทัพใหญ่นี้มีสาวหมอผีอยู่ด้วย อันตรายเกินไป

“ไม่ได้ ”ทั้งสามคนต่อต้านขึ้นมาเป็นเสียงเดียวกัน แม่นมฉินเข้าไปปกป้องหมันเอ๋อตรงหน้าทันที จ้องมองอ๋องอันด้วยสายตาขุ่นเคือง “ใครลงมือกับนาง ข้าก็จะฆ่าคนนั้น”

อ๋องอันมองนาง “เจ้าจะตื่นเต้นขนาดนี้ทำไมกัน”

“เข้าสู่เจียงเป่ย พวกเราก็คือพันธมิตร ข้าไม่อนุญาตให้ท่านทำร้ายนาง”แม่นมฉินเอ่ยอย่างโมโห

อ๋องอันถามขึ้นว่า “เจ้าสามารถแก้อาถรรพ์สาวหมอผีได้หรือไม่ ถ้าหากเจ้าทำไม่ได้ จะรับประกันได้อย่างไรว่านางจะไม่ทำร้ายพวกเรา ”

เขาหันหน้าไปมองอ๋องเว่ย “พี่สาม เหล่านี้ล้วนเป็นทหารของท่าน ท่านทนเห็นได้หรือที่จะให้พวกเขาตกอยู่ในอันตราย ถ้าหากฐานของนางถูกเปิดเผย ทุกคนต่างต้องเสนอแนะให้ฆ่านาง”

อ๋องเว่ยส่ายหน้า “ไม่ได้ นางถูกอาถรรพ์สาวหมอผี แต่นางเป็นลูกสาวของอ๋องหนานเจียง มีประโยชน์ต่อการรวบรวมหนานเจียงให้เป็นหนึ่งในภายภาคหน้า”

“แต่อาถรรพ์สาวหมอผีไม่มียาแก้ นางจะกลายเป็นสาวหมอผีของเจียงเป่ย ”อ๋องอันเริ่มรู้สึกโมโหขึ้นมาบ้างแล้ว “พวกเจ้าไม่สามารถใจอ่อนมีเมตตาเช่นนี้ได้ นี่จะเป็นการทำร้ายทุกคน ท่านยังอยากจะช่วยจิ้งเหออยู่หรือไม่”

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: บัลลังก์หมอยาเซียน