บัลลังก์หมอยาเซียน นิยาย บท 1063

หยวนชิงหลิงปลอบใจตัวเองแบบนี้ แต่ในใจลึก ๆ ก็ยังคงหวังว่าชีวิตแต่งงานของพวกเขาจะไม่เจอเรื่องวุ่นวายประเดประดัง หรือต้องเผชิญคลื่นลมพายุอันรุนแรงน่าสะพรึงกลัวพัดโหมกระหน่ำอีกต่อไป ใครบ้างจะไม่คาดหวังว่าจะได้ใช้ชีวิตแบบโลกนี้มีเพียงเราสอง ได้มีความรักสุดโรแมนติกกับเขาบ้าง

เมื่อคิดถึงเรื่องนี้ นางจึงสั่งให้สวีอีไปถามเขาดูว่า คืนนี้เขาพอจะกลับมาให้เร็วขึ้นสักหน่อยได้หรือไม่? สวีอีไปถามได้ความมาว่าเขาจะกลับมากินข้าวเย็นด้วย นางจึงตั้งใจทำอาหารค่ำใต้แสงเทียนมื้อพิเศษอย่างสุดฝีมือ ถึงกับส่งลูก ๆ ทั้งห้าไปให้พวกแม่นมพี่เลี้ยง กับแม่นมสี่ช่วยดูแลเลยทีเดียว

ตัวเองถึงกับเข้าครัวทอดไก่สับ เปิดไวน์แดงที่แอบเอามาจากยุคปัจจุบันที่เก็บซ่อนไว้ขวดหนึ่งออกมา นางดื่มไม่ได้ แต่ถ้าแค่ลองชิมนิดหน่อยคงไม่เป็นไร เจ้าห้าเวลาเมาขึ้นมาก็ดูน่าสนุกไม่เลว ชอบทำตัวตามตื้อตอแยนาง ทั้งยังชอบพูดคำรักหวานหูใส่นางด้วย

เฮ้อ สามีภรรยาที่แต่งงานกันมานานขนาดนี้ ก็มีความหวังเล็ก ๆ น้อย ๆ แค่นี้เท่านั้นแล้วล่ะนะ

คืนนี้ ทุกคนในจวนอ๋องฉู่ต่างรู้ดีว่า พระชายารัชทายาทจะใช้ค่ำคืนที่มีเพียงสองเราร่วมกับรัชทายาท แม้แต่พวกของหวานน้อยต่างก็รู้ความไม่มารบกวนพวกเขา แม้ว่าพวกเขาจะอยากกินมื้อค่ำใต้แสงเทียนด้วย แต่คืนนี้ท่านแม่ของพวกเขาค่อนข้างดุ บอกว่าไม่อนุญาตก็คือไม่อนุญาต

หลังจากที่หยวนชิงหลิงจัดการทุกอย่างเสร็จ ก็ออกไปและตัดดอกเหมยด้วยตัวเองมาช่อหนึ่ง นำมาใส่ในขวดหยก ทำให้ทั้งจวนเต็มไปด้วยกลิ่นหอมกรุ่นกระจาย

ปลายยามโหย่ว (ช่วงเวลา 17:00-19:00 น.) ท้องฟ้าก็มืดแล้ว แต่คนก็ยังไม่กลับมา ปกติถ้าจะกลับมากินข้าว ปลายยามโหย่วก็ต้องกลับมาแล้ว นี่จนใกล้จะเปลี่ยนยามใหม่อยู่แล้ว คนก็ยังไม่กลับ

อาหารเย็นชืดไปหมดแล้ว แต่โชคดีที่นางวางเตาถ่านเตาหนึ่งไว้ในห้อง หลังจากนี้ค่อยอุ่นให้ร้อนก็ได้ ยังคงรสชาติพิเศษเอาไว้ได้อยู่

ไวน์ถูกเปิดไว้นานพอสมควรแล้ว แต่คนยังไม่กลับมา หยวนชิงหลิงจึงปิดขวดเอาไว้ก่อน เพื่อไม่ให้สูญเสียรสชาต

การรอครั้งนี้ รอยาวนานไปจนถึงยามซวี (ช่วงเวลา 19:00- 21:00 น.) แต่ก็ยังไม่เห็นคนกลับมา หยวนชิงหลิงหิวมากแล้ว เริ่มจะนั่งไม่ติดที่ ชั่วขณะที่คิดว่าจะส่งคนออกไปถามดูสักหน่อย ก็เห็นสวีอีช่วยพยุงหยู่เหวินเห้าเข้ามา หยู่เหวินเห้ามีแต่กลิ่นเหล้าคลุ้งไปทั้งตัว อยู่ในสภาพเมาได้ประมาณเจ็ดแปดส่วนแล้ว

หยวนชิงหลิงอดโกรธไม่ได้ แต่เมื่อเห็นว่าเขาเมาจนมีสภาพเป็นแบบนี้ นางก็ทำได้เพียงขึ้นก้าวไปข้างหน้าเพื่อช่วยพยุง ถามสวีอีไปว่า “ไม่ได้บอกว่าจะกลับมากินข้าวหรือ? ทำไมถึงได้เมากลับมาเช่นนี้ล่ะ?”

สวีอีหอบฮั่กก่อนจะตอบว่า: “เฮ้อ อย่าพูดถึงเลยพ่ะย่ะค่ะ เดิมทีก็วางแผนไว้ว่าจะกลับมาแล้ว แต่คิดไม่ถึงว่าหลังจากอภิปรายเสร็จ เกิดความคิดเห็นไม่ลงรอยกันขึ้นมา จนลามเป็นทะเลาะกันใหญ่โต ใต้เท้าจึงเสนอว่าให้กินข้าวด้วยกันก่อนสักมื้อแล้วค่อยคุยกันใหม่ รัชทายาทอยากจะประสานรอยร้าวทั้งสองด้าน จึงเสียสละตัวเองเป็นฝ่ายคารวะจอกเหล้าเพื่อให้ทั้งสองฝ่ายสมานฉันท์กัน ถึงค่อยดีกันขึ้นมาได้ในที่สุด”

หยวนชิงหลิงอดไม่ได้ที่จะรู้สึกเป็นห่วง คณะทำงานในราชสำนักเล็ก ๆ ประจำตงกงเพิ่งจะจัดตั้งขึ้นได้ไม่นาน กฎเกณฑ์ใด ๆ ก็ยังไม่ได้รับการกำหนดให้ชัดเจน จึงมักเกิดความขัดแย้งกันอยู่เสมอในกระบวนการจัดทำ เขาในฐานะรัชทายาท จึงต้องเป็นคนที่คอยสร้างความสมานฉันท์ เพื่อให้งานสามารถสำเร็จลุล่วงไปได้อย่างรวดเร็ว

“เอาล่ะ เจ้าไปเถอะ ข้าจะดูแลเขาต่อเอง!” หยวนชิงหลิงรู้ว่าวีอีก็คงจะดื่มกับเขามาด้วย อย่างแน่นอน จึงให้เขารีบกลับไปพักผ่อนให้เร็วขึ้นหน่อย

หลังจากสวีอีช่วยพยุงหยู่เหวินเห้าไปนอนลงบนเตียงเสร็จ ก็พูดขึ้นว่า “เช่นนั้นข้าขอลากลับแล้วพ่ะย่ะค่ะ"

หยวนชิงหลิงพยักหน้ารับ "ไปเถอะ"

หลังจากที่สวีอีออกไปแล้ว หยวนชิงหลิงก็นั่งลงข้างเตียง จ้องมองเขาซึ่งเมาจนไม่มีสติ จากนั้นก็มองไปที่โต๊ะอาหารที่นางเตรียมมื้อค่ำไว้อย่างพิถีพิถัน กลายเป็นว่าเสียเปล่าไปโดยสิ้นเชิง นี่มันช่างทำให้นางหัวเราะไม่ได้ร้องไห้ไม่ออกเสียจริง

ลู่หยากับฉี่หลอเข้ามาพร้อมกับน้ำร้อน หยวนชิงหลิงเช็ดใบหน้าและลำตัวให้เขาด้วยตัวเอง เขาเมาจนหมดสภาพไปแล้ว เรียกง่าย ๆ ว่าไม่สามารถขยับเขยื้อนตัวได้ ปล่อยให้หยวนชิงหลิงจัดการได้ตามใจชอบ

หยวนชิงหลิงสั่งให้ฉี่หลอไปชงชาสร่างเมา แล้วให้ลู่หยาไปตักน้ำร้อนมาเพิ่มอีกหนึ่งอ่าง ลู่หยารู้ว่าหยวนชิงหลิงยังไม่ได้กินข้าว จึงพูดว่า: "พระชายารัชทายาทกินข้าวก่อนเถอะเพคะ ตรงนี้ข้าน้อยจะปรนนิบัติรัชทายาทให้เอง”

หยู่เหวินเห้าฝืนลืมตาขึ้นมาด้วยอาการสะลึมสะลือ พูดด้วยน้ำเสียงอ้อแอ้ของคนเมาว่า: "หา? ยังไม่ได้กินข้าวรึ? รีบกินเร็ว ๆ เข้าเถอะ กินข้าว!"

ขณะที่เขาพูดไปพลาง ก็ยกมือที่อ่อนแรงขึ้นไปพลาง แล้วค่อย ๆ หลับตาลงอีกครั้ง

ลู่หยายิ้มกว้าง “เมื่อครู่เช็ดตัวให้เขายังไม่รู้ตัวเลย แต่ตอนนี้พอพูดว่าท่านยังไม่ได้กินข้าวก็รู้ตัวขึ้นมาทันที รัชทายาทมีใจคิดถึงห่วงใยท่านจริง ๆ นะเพคะ”

หยวนชิงหลิงก็ปล่อยวางแล้วเช่นกัน จะมาใช้เวลากันในโลกของสองเราอะไรกันตอนนี้? ในเมื่อเขายุ่งจนสายตัวแทบขาดขนาดนี้แล้ว เฮ้อ! ค่อยว่ากันทีหลังเถอะ แค่รู้ว่าเขามีนางอยู่ในใจก็พอแล้ว ที่เหลือก็เป็นแค่พิธีการเท่านั้นเอง วันครบรอบไม่จำเป็นต้องทำอะไรที่มันเป็นพิธีรีตองนักก็ได้ แค่มีใจที่ซื่อตรงต่อกันก็เพียงพอแล้ว

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: บัลลังก์หมอยาเซียน