บัลลังก์หมอยาเซียน นิยาย บท 1064

หลังจากอุ่นไก่สับแล้วกลับมากินที่โต๊ะ หยู่เหวินเห้าก็พูดว่า "มีการวางกลยุทธ์และทิศทางไว้หมดแล้วนั่นล่ะ แต่บางคนที่ข้าเลื่อนตำแหน่งขึ้นมาค่อนข้างจะหัวก้าวหน้าออกจะผลีผลามไปหน่อย ในขณะที่ขุนนางรุ่นเก่าก็จะเป็นพวกหัวโบราณ ที่จริงก็เรียกได้ว่า เป็นการเผชิญหน้ากันระหว่างแนวคิดใหม่กับพวกอนุรักษ์นิยม

เช่นเดียวกับเวลานี้เมื่อพูดถึงเรื่องของหนานเจียง พวกหัวใหม่ที่ผลีผลามใจร้อนหน่อย ต่างก็คิดว่าพวกเราไม่ได้ส่งกำลังทหารไปประจำไว้ที่หนานเจียง สมควรส่งทหารเข้าไปสักจำนวนหนึ่ง แต่ฝ่ายอนุรักษ์นิยมที่นำโดยราชครูเหว่ยคิดว่า หากส่งกำลังทหารไปที่หนานเจียงเวลานี้ กลับจะก่อให้เกิดความขัดแย้งขึ้นแทน อาจทำให้ชาวหนานเจียงไม่ไว้วางใจราชสำนัก และไม่สามารถต่อสู้เพื่อเรื่องนี้ได้ "

หลังจากหยวนชิงหลิงได้ฟังแล้ว ก็ถามว่า "แล้วพวกกลุ่มหัวรุนแรงที่ว่านี้ ต้องการส่งกำลังทหารกับม้าไปเท่าไหร่รึ?"

หยู่เหวินเห้าตอบว่า “ไม่ได้ถึงกับกำหนดชัดหรอกว่าต้องส่งไปเท่าไหร่ อันที่จริงแล้ว ข้าเองก็มีใจอยากจะส่งคนไปสักจำนวนหนึ่งเช่นกัน แน่นอนว่าไม่ใช่เพื่อข่มขู่ให้ทางหนานเจียงกลัว แต่เพื่อให้เจ้าเก้ายังพอมีกำลังหนุนที่พอจะพึ่งพาได้ที่นั่น ไม่ถึงกับโดดเดี่ยวหัวเดียวกระเทียมลีบ"

“ดังนั้น เจ้าสนับสนุนพวกกลุ่มหัวรุนแรงสินะ?”

หยู่เหวินเห้าคีบเนื้อชิ้นหนึ่งไปย่างให้นาง แล้วหันกลับมาพูดว่า: "ก็ไม่เชิงพูดได้ว่าข้าสนับสนุนพวกเขาหรอก การวิเคราะห์ของราชครูเหว่ยก็สมเหตุสมผลเช่นกัน เวลานี้ถ้าส่งทหารเข้าไป มีแต่จะกระตุ้นให้เกิดการคาดเดาที่เกินจะควบคุม ประชาชนมีความอ่อนไหวต่อกองกำลังทหารมาก เมื่อไหร่ที่เกิดความเข้าใจผิดขึ้นมา แล้วถูกชาวหนานเจียงลุกขึ้นมาปลุกระดมก่อความวุ่นวาย เป็นเรื่องง่ายที่จะสร้างความขัดแย้งเป็นปฏิปักษ์ต่อราชสำนัก”

หยวนชิงหลิงครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง ก็พูดว่า "ถ้าเจ้าแค่อยากจะส่งคนไปให้เจ้าเก้าเพื่อเป็นแรงหนุน ส่งไปสักราว ๆ พันคนก็เพียงพอแล้วใช่หรือไม่?"

“อื้ม ข้าก็วางแผนไว้ว่าน่าจะสักประมาณพันคนนี่ล่ะ”

หยวนชิงหลิงยิ้มแล้วพูดว่า "เช่นนั้นก็มอบพันคนนี้ให้เป็นสินสอดงานแต่งของเขาไปก็ได้"

“สินสอดงานแต่ง?” หยู่เหวินเห้าตกใจจนผงะ

หยวนชิงหลิงเลิกคิ้วขึ้นสูง “ถูกต้อง วันนี้มีพระราชโองการลงมาแล้ว แม่งานที่จัดการเรื่องพิธีก็มอบให้ตี๋กุ้ยเฟยไปแล้วด้วย แต่ไหนแต่ไรมา ที่นี่เวลาลูกสาวแต่งงานยังต้องมีคนรับใช้เป็นสินสอดที่แต่งเพื่อติดตามเจ้านายไปเลยไม่ใช่รึ? อ๋องชุนแต่งไปหนานเจียง มีสินสอดเป็นกองทหารตามไปรับใช้พันคน ดูแล้วก็ไม่ใช่เรื่องเกินเลยอะไรนี่"

หยู่เหวินเห้าเคาะ ๆ หัวด้วยท่าทางที่มีความสุขจนแทบคลั่ง "จริงด้วย! สินสอดงานแต่ง ทำไมข้าถึงคิดไม่ได้นะ? เจ้าหยวน เจ้าช่างฉลาดหลักแหลมเหลือเกินแล้ว"

ขณะที่พูด ก็คว้าตัวนางเข้ามาจูบไปครั้งหนึ่ง ปากที่มันเยิ้มถูกประทับลงไปบนใบหน้าขาวนวลของหยวนชิงหลิงเต็ม ๆ นางรีบผลักเขาออกไปอย่างรวดเร็ว ได้เห็นดวงตาของเขาเป็นประกายเจิดจ้า เหมือนว่าปัญหาคลี่คลายไปได้ด้วยดี ก็รู้สึกมีความสุขขึ้นมาเช่นกัน

อันที่จริง ถ้าไม่บอกว่าพันคนนี้ล้วนเป็นทหาร ใครจะเดาได้ล่ะว่าจะมีมากมายขนาดนี้? การที่จวนอ๋องสักแห่งจะเลี้ยงทหารไว้หลายร้อยนาย รวมถึงคนรับใช้ที่จะติดตามไปรับใช้เจ้านาย ก็ไม่ใช่เรื่องที่น่าแปลกใจอะไรสักนิด เมื่อนำมารวมกันได้ราว ๆ พันคนก็ดูเป็นอะไรที่สมเหตุสมผลดี

ที่จริงแล้ว จำนวนพันหรือสองพันคนก็ไม่นับว่าเป็นปัญหาอะไร ประเด็นหลัก ๆ อยู่ที่ว่าคนเหล่านี้ปรากฏตัวที่หนานเจียงในรูปแบบใดต่างหาก เพราะถ้าจะส่งกำลังทหารไปอย่างเป็นทางการ ประชาชนย่อมจะต้องเอะอะโวยวายไม่ยอมรับแน่ ๆ

หลังจากแก้ปัญหานี้ได้ หยู่เหวินเห้าก็กินข้าวได้อย่างมีความสุข แสงเทียนสว่างนวล ขับเน้นใบหน้าของนางจนเป็นประกายโดดเด่น หัวใจของหยู่เหวินเห้าถึงกับสั่นไหว ยืนขึ้นแล้วโน้มตัวข้ามโต๊ะไปจูบนาง แววตาอบอุ่นอ่อนโยน "คืนนี้เจ้าช่างงดงามนัก"

หยวนชิงหลิงช้อนสายตาขึ้นมองเขา เห็นว่าดวงตาคู่นั้นทั้งนุ่มนวลและอ่อนโยน ในใจก็รู้สึกมีความสุขมาก "ได้พูดคุยกันแบบนี้ ช่างดีจริง ๆ"

หยู่เหวินเห้ารู้ว่าช่วงนี้เขายุ่งมากจนไม่มีเวลาอยู่กับนางเลย ได้แต่ปล่อยนางไว้คนเดียวตั้งนาน จึงพูดอย่างสำนึกผิดว่า “ขอโทษนะ รอให้จัดการธุระยุ่ง ๆ พวกนี้เสร็จแล้ว ข้าจะพาเจ้าไปทะเลสาบจิ้งอย่างแน่นอน”

“อื้ม รอให้เจ้าเสร็จธุระก่อน” หยวนชิงหลิงตอบรับ

สองคนสามีภรรยากินข้าวใต้แสงเทียน กินข้าวไปพลางก็พูดคุยกันไปพลาง ปรากฏว่ามื้อค่ำใต้แสงเทียนนี้ไม่นับว่าสูญเปล่า ทั้งสองมีช่วงเวลาที่ดี ทั้งยังได้พูดคุยกันอย่างสนุกสนาน

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: บัลลังก์หมอยาเซียน