บัลลังก์หมอยาเซียน นิยาย บท 112

หยู่เหวินเห้าเอ่ยถาม "มีอะไรรึ?"

หยวนชิงหลิงรีบกลืนคำพูดที่กำลังจะหลุดออกจากปาก แล้วกล่าวว่า "ข้ามาที่นี่พร้อมกับพี่รอง ข้าไม่มีรถม้ากลับน่ะเพคะ"

หยู่เหวินเห้าจึงพูดว่า "เช่นนั้นเจ้าไปนั่งรอที่โถงตำหนักข้างสักครู่ อีกประเดี๋ยวข้าก็จะกลับแล้ว จะได้ไปส่งเจ้ากลับจวนก่อน"

เช่นนั้น ข้าขอไปเดินเล่นที่อุทยานสักครู่นะเพคะ ไปรับลมเย็นๆ คิดอะไรให้มันชัดเจนเสียหน่อย

"ในอุทยานลมแรง ไปนั่งรอที่ห้องโถงตำหนักข้าง!" หยู่เหวินเห้าสั่งเสียงเครียด

"เข้าใจแล้วเพคะ" หยวนชิงหลิงพาลู่หยาออกไปทันที

นางไม่ได้ไปตำหนักข้าง แต่ฝ่าฝืนคำสั่ง ตรงดิ่งไปที่อุทยานแบบหน้าไหว้หลังหลอกเต็มที่

เมื่อนั่งบนพื้นหญ้าริมทะเลสาบ ปรากฏว่าลมแรงมาก พัดจนเส้นผมนางพันกันยุ่งเหยิง มีลู่หยาที่ตามหลังมาติดๆ มองดูเจ้านายที่มีท่าทางทุกข์ตรมหมองเศร้า ไม่รู้ว่าทำไมนางถึงดูไม่มีความสุขเลย ทั้งๆ ที่เมื่อครู่ ท่านอ๋องก็สั่งเพราะเป็นห่วงสุขภาพของนางมากขนาดนั้นแท้ ๆ

"พระชายาหิวหรือไม่เพคะ จะให้ข้าน้อยลองไปถามดูว่ามีอะไรให้กินได้บ้างไหม" ลู่หยาเอ่ยถาม

"อื้ม" หยวนชิงหลิงอยากอยู่คนเดียวสักครู่ ดังนั้นจึงให้นางไปแบบไม่คิดอะไรมาก

ลู่หยาค้อมกายรับคำสั่งแล้วจากไป

หยวนชิงหลิงมองไปยังทะเลสาบ ที่ส่องแสงเรืองระยิบระยับ ดวงอาทิตย์กำลังขึ้นตรงศีรษะพอดี สาดแสงทอประกายราวกับทองคำนับพันที่เรือนอร่ามตา กิ่งก้านของต้นหลิวบิดเป็นเกลียวพันเกี่ยวอยู่ไกลๆ ดอกเบญจมาศในฤดูใบไม้ร่วงบานสะพรั่ง โลกช่างสวยงามถึงเพียงนี้แท้ ๆ

แต่อ๋องหวยจะไม่มีโอกาสได้เห็นอีกต่อไปแล้วสินะ?

นางถอนหายใจเบาๆ กล่องยาจ๋า กล่องยา โปรดช่วยเขาด้วยเถิด

"เหตุใดพระชายาฉู่ถึงถอนหายใจแบบนั้นกันล่ะ ตอนนี้พี่เห้าก็ดีกับเจ้ามากไม่ใช่รึ"

ดวงไม่ดีดันเจอคนชั่วจริงๆ เลย ทำไมนางถึงได้เจอแต่คนที่ไม่เหมาะสม ในเวลาที่ไม่เหมาะสมอยู่ตลอดเลยล่ะเนี่ย

หยวนชิงหลิงไม่พูดไม่สนอะไรทั้งสิ้น หวังแค่ว่านางจะมีสมองพอจะเดินจากไปเอง

ฉู่หมิงชุ่ยผู้ไม่เรียนรู้จะอยู่ให้เป็น เดินเข้ามาหยุดยืนข้างๆ นาง รองเท้าผ้าปักลายดอกไม้คู่หนึ่งพลันปรากฏขึ้นในคลองสายตาของหยวนชิงหลิง บนหัวรองเท้าประดับด้วยไข่มุกขนาดใหญ่เม็ดหนึ่ง ยามกระทบกับแสงแดด ก็ทอประกายระยับไปกับแสงอันเจิดจ้า

"ข้าไม่เคยรู้มาก่อนเลยนะ ว่าเจ้าจะมีลูกเล่นแพรวพราวขนาดนี้น่ะ" ฉู่หมิงชุ่ยพูดอย่างเย็นชา

"พวกเราไม่พูดเรื่องไร้สาระจะได้หรือไม่" หยวนชิงพูดเสียงราบเรียบ

สายตาของนาง จับจ้องไปที่ปิ่นปักผมบนหัวของหยวนชิงหลิง "ข้าไม่ชอบขี้หน้าได้ดั่งใจอย่างเจ้ามากนัก"

"เจ้าทำได้แค่อดทนเท่านั้น พระชายาฉี" นางพูดเตือนให้อีกฝ่ายนึกถึงสถานะของตัวเอง

"เดิมที ข้าต่างหากที่ควรจะได้เป็นพระชายาฉู่"

หยวนชิงหลิงยิ้มบางๆ "ใช่สิ เดิมทีเจ้าควรจะได้เป็น"

มีความแค้นเคืองในน้ำเสียงของฉู่หมิงชุ่ย "เป็นเจ้าที่พรากทุกอย่างไปจากข้า!"

"เป็นเจ้าเองที่ยอมละทิ้งทุกอย่างไปง่ายๆ "

"เจ้าพูดจาเหลวไหล!" ฉู่หมิงชุ่ยแผดเสียงเกรี้ยวกราด

"อย่าคิดว่าคนอื่นเขาเป็นคนโง่ไปหน่อยเลย เรื่องที่เจ้าทำทั้งหลายนั้น มันปิดบังใครเขาได้บ้างล่ะ?" หยวนชิงหลิงส่ายหัวอย่างสมเพช "บางที คงมีแค่อ๋องฉีกับหยู่เหวินเห้าเท่านั้นแหละกระมังที่เชื่อเจ้า แม้แต่ข้าก็ยังมองลูกไม้ของเจ้าออกเลย!"

หยวนชิงหลิงยืนขึ้น ที่นี่เกิดมลภาวะทางเสียงที่ทำลายความสมดุลลงเสียแล้ว พลอยทำให้ความงดงามต้องหมดสิ้นไปไม่มีเหลืออีกด้วย

ทั้งสองมองประสานสายตาเผชิญหน้ากัน มีความโกรธเกรี้ยวรุนแรงในดวงตาคู่งามของฉู่หมิงชุ่ย

"ต่อให้เจ้าจะเกลียดข้าไป แล้วมันจะมีประโยชน์อะไรล่ะ หรือถ้าข้ายอมหย่าร้างไปเสียตอนนี้เลย เจ้าจะยังสามารถแต่งงานกับหยู่เหวินเห้าได้งั้นหรือ"

"อย่างน้อย หากไม่มีเจ้า ราชวงศ์ก็คงจะสะอาดกว่านี้!"

หยวนชิงหลิงพูดอย่างเคร่งขรึม "เจ้าพระยาหุ้ยติ่งถือเป็นอาของเจ้า หากคำพูดนี้ของเจ้าถูกลือออกไป เขาจะแค่ถูกเนรเทศแล้วจบเรื่องง่ายๆ งั้นหรือ ข้าขอแนะนำเจ้าหน่อยแล้วกัน เจ้าอย่าได้กินในถ้วย แต่มองในกระทะให้มันมากนัก (สำนวนนี้ใช้กล่าวถึงผู้ที่ไม่รู้จักพอ โลภ เช่นการได้อะไรมาอย่างหนึ่งแล้ว แต่ในขณะเดียวกันก็อยากได้ที่มันดีกว่าหรือยิ่งใหญ่กว่า) เจ้าเป็นคนเลือกเส้นทางนี้เองนะ ถึงจะต้องคุกเข่าร้องไห้ทุรนทุรายแค่ไหน เจ้าก็ต้องเดินต่อไปด้วยตัวเจ้าเอง"

พูดจบ หยวนชิงหลิงก็หันหลังแล้วเดินจากไป

ฉู่หมิงชุ่ยคว้าหมับเข้าที่แขนของนาง ดวงตาแดงก่ำ อัดแน่นไปด้วยความเกลียดชัง "เขาชอบเจ้าที่ตรงไหนกันแน่ เจ้ามันไม่เห็นจะมีอะไรดีสักอย่าง"

นางกัดฟันกรอด ด่ากราดอีกประโยคว่า "เจ้ามันก็แค่นางแพศยา สำส่อนมั่วผู้ชายไม่เลือกหน้า"

หยวนชิงหลิงมองนางอย่างประหลาดใจ ยามที่คำพูดแบบนี้หลุดออกมาจากปากของฉู่หมิงชุ่ย ช่างเป็นอะไรที่ขัดต่อภาพลักษณ์ที่นางเพียรสร้างขึ้นมาจริง ๆ

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: บัลลังก์หมอยาเซียน