อ๋องฉีพลันสีหน้าเปลี่ยน เขาไม่เคยเห็นฉู่หมิงชุ่ยเป็นแบบนี้มาก่อน ที่ผ่านมานางมักพูดจาอ่อนโยนนุ่มนวล ทำสิ่งใดก็ล้วนใจกว้างหนักแน่น ใจดีมีเมตตาต่อผู้อื่น กระทั่งคนรับใช้ในวัง นางก็ไม่เคยวางตัวแบ่งแยกชนชั้น กับบรรดาแม่นมอาวุโสในวัง นางก็ยิ่งรักษาน้ำใจให้เกียรติพวกนางยิ่งนัก
นางไม่เคยพูดจาเด็ดขาดรุนแรงขนาดนี้มาก่อน
ต้องตกใจเป็นใหญ่แน่ๆ เลย
อ๋องฉีคิดดังนี้ ก็ยื่นมือออกไปกอดนางเข้ามาไว้ในอ้อมแขน "ไม่เป็นไรนะ ไม่ต้องตื่นตกใจไป"
ฉู่หมิงชุ่ยซบอยู่กับไหล่ของเขาราวท่อนไม้ที่แข็งทื่อท่อนหนึ่ง ส่งเสียงคำรามเบาๆ ในลำคอ นางรู้แก่ใจว่านางหลุดการควบคุมตัวเองไปแล้ว แต่นางก็ไม่สนใจอีกต่อไป อ๋องฉีบริสุทธิ์ไร้เดียงสา เป็นคนซื่อๆ ไม่ค่อยทันคน ปักใจเพียงนางไม่เคยเป็นอื่น ไม่ว่านางจะพูดจาบาดหูอีกสักเพียงใด จะใจร้ายโหดเหี้ยมอีกสักแค่ไหน เขาก็จะไม่มีวันทอดทิ้งรังเกียจนาง
บางที มันคงถึงเวลาที่ควรลืมพี่เห้าไปจากใจจริงๆ ได้แล้ว อ๋องฉีเป็นคนดีมาก อีกทั้งในตอนนี้ เขาก็ยังเป็นตัวเลือกที่มีความได้เปรียบที่สุด ที่สามารถให้ทุกสิ่งที่ใจนางปรารถนาได้
เมื่อนึกถึงคำผรุสวาทที่โยนใส่หยวนชิงหลิงเมื่อครู่ นางก็รู้สึกทั้งละอายและโกรธเคืองไม่หาย ทำไมนางถึงได้พูดคำหยาบคายเช่นนั้นออกมาได้ล่ะ นั่นควรเป็นสิ่งที่หยวนชิงหลิง เป็นคนพูดต่างหาก
"ทำไมหยวนชิงหลิงถึงต้องผลักเจ้าตกทะเลสาบด้วยล่ะ นางเสียสติไปแล้วอย่างนั้นหรือ" อ๋องฉีเอ่ยถามเมื่อเห็นว่านางสงบลงบ้างแล้ว
ฉู่หมิงชุ่ยค่อยๆ สงบจิตสงบใจลง ตอนที่นางเห็นหยวนชิงหลิงยืนอยู่ริมทะเลสาบในจวนอ๋องหวย ในใจนางพลันเกิดแรงกระตุ้นอันรุนแรงบางอย่าง ที่อยากจะผลักนางลงทะเลสาบไป อยากฆ่านางให้ตายไปซะให้พ้น ๆ
แรงกระตุ้นอันโหดเหี้ยมที่ปะทุขึ้นมาอย่างฉับพลันนั้น ทำให้นางจัดเรียงความคิดตัวเองได้ไม่สมบูรณ์ คิดเพียงแค่ว่ารอให้ถึงเวลาที่หยวนชิงหลิงจมน้ำตายไปแล้ว ค่อยบอกคนอื่นว่า พวกนางสองคนตกทะเลสาบไปพร้อมกันแค่นั้นก็พอแล้ว
แต่ชั่วขณะที่ตกลงไปในน้ำ นางก็นึกถึงคำพูดของท่านปู่ จึงตัวสั่นอย่างห้ามไม่อยู่ เจตนาฆ่าของนางพลันลดน้อยลง แต่ถึงอย่างนั้น นางก็ไม่อาจปล่อยหยวนชิงหลิงไปง่ายๆ
การกดให้หยวนชิงหลิงจมน้ำ ย่อมทำให้อีกฝ่ายเกิดการดิ้นรนต่อต้านอย่างรุนแรง ถ้าหยวนชิงหลิงทำร้ายนาง มันก็ยิ่งพิสูจน์ได้ว่าอีกฝ่ายมีเจตนาร้ายแอบแฝง อย่างน้อยต่อจากนี้ไป พี่เห้าย่อมต้องเกลียดชังอีกฝ่ายชนิดเข้ากระดูกดำเป็นแน่
แต่เพราะอะไรกัน กระทั่งการคาดเดาในขั้นตอนนี้ก็ยังผิดพลาดไปได้
"ผู้หญิงคนนี้โหดร้ายเกินไปจริงๆ ข้าอุตส่าห์คิดว่านางเปลี่ยนไปจากเมื่อก่อนบ้างแล้วแท้ๆ" อ๋องฉีพูดด้วยความโกรธเคือง
ฉู่หมิงชุ่ยฝืนทำเป็นร่าเริง "ช่างเถอะ ข้าก็ไม่ได้เป็นอะไรมาก ให้มันจบกันแค่นี้ ไม่ต้องไปไล่ตามทวงถามอะไรอีกแล้วนะเพคะ"
"ชุ่ยเอ๋อ เจ้าจะใจอ่อนเกินไปแล้วนะ ครั้งนี้หากเจ้ายอมปล่อยนางไปง่ายๆ ใครจะไปรู้ว่าจะมีครั้งหน้าอีกหรือไม่" อ๋องฉีรู้สึกว่าเขาไม่อาจปล่อยผ่านเรื่องนี้ไปได้ง่ายๆ คงต้องขึ้นอยู่กับคำอธิบายของพี่ห้าแล้ว หากฟังแล้วไม่เป็นที่น่าพอใจ ก็ต้องไปกราบทูลร้องเรียนต่อเบื้องพระพักตร์เสด็จพ่อ
"จะอย่างไรก็เป็นครอบครัวเดียวกัน จะทำลายความสมานฉันท์กันเสียเปล่าๆ อีกทั้งคงเป็นเพราะความหุนหันพลันแล่นชั่วขณะ บางทีนางคงเห็นว่าข้ากับพี่เห้าเติบโตมาด้วยกัน รักใคร่ผูกพันกันมาตั้งแต่ยังเล็ก คิดว่าพี่เห้ามีใจให้ข้า ถึงได้เสียสติเช่นนี้ก็เป็นได้"
"น่าขำสิ้นดี แม้ว่าเจ้ากับพี่ห้าจะเติบโตมาด้วยกันก็จริง ทั้งยังเคยพูดถึงเรื่องแต่งงานมาก่อน แต่จนถึงตอนนี้ ต่างฝ่ายต่างก็แยกย้ายกันไปแต่งงานมีครอบครัวกันหมดแล้ว เรื่องในอดีตที่ผ่านไปก็ไม่เอ่ยถึงอีก การที่นางเอาแต่ยึดติดกับเรื่องเก่าๆ เช่นนี้ นางมีเป้าหมายอะไรกันแน่"
ฉู่หมิงชุ่ยถอนหายใจเบาๆ "จะมีเป้าหมายอะไรได้ล่ะเพคะ ก็คงไม่พ้นคิดหวังในตำแหน่งองค์ชายรัชทายาทน่ะสิ"
"เพื่อตำแหน่งองค์ชายรัชทายาทงั้นรึ"
ฉู่หมิงชุ่ยโน้มตัวเข้าไปแนบชิดในอ้อมแขนของเขา "ตอนนี้ตำแหน่งรัชทายาทยังไม่ได้กำหนดแน่ชัด ในบรรดาอ๋องทั้งหมด ท่านคือผู้ที่มีหวังมากที่สุด นางคงจะไม่สบายใจเป็นแน่ หากสามารถสร้างความแตกแยกจนท่านกับพี่เห้าผิดใจกันได้ พี่เห้าก็ไม่จำเป็นต้องเปลืองแรงแย่งชิงตำแหน่งนี้กับท่านแล้ว ด้วยวิธีคุกคามแบบนี้ นางก็จะสามารถเติมเต็มความปรารถนาของตัวเอง ได้สมหวังกลายเป็นไท่จื่อเฟย"
อ๋องฉีบันดาลโทสะ "นางเป็นผู้หญิงคนหนึ่ง เหตุใดจึงได้มีความทะเยอทะยานเกินตัวเช่นนี้นะ ข้าจะยอมให้นางได้สิ่งที่นางต้องการง่ายๆ ได้อย่างไรกัน"
ฉู่หมิงชุ่ยรู้สึกสงบใจลงไปได้มาก หากสามารถกระตุ้นให้เขาเกิดแรงขับเคลื่อนจากเหตุการณ์นี้ได้จริงๆ มันก็นับว่าเป็นเรื่องที่ดีมากทีเดียว
"เสด็จแม่ก็ทรงวิ่งเต้นเพื่อท่านไม่น้อย แม้ว่าข้าเองก็คิดว่า ท่านคงไม่สนใจตำแหน่งองค์ชายรัชทายาทนัก ตัวข้าก็ไม่ได้สนใจเช่นกัน แต่อย่างไรแผ่นดินของราชวงศ์เป่ยถัง ก็จำเป็นต้องมีผู้มากความสามารถอยู่เสมอ อ๋องจี้นั้นโหดเหี้ยมเผด็จการ ข้าเคยได้ยินข่าวลือที่ว่าการลอบสังหารพี่เห้าเมื่อคราวก่อน ก็เป็นเพราะอ๋องจี้เป็นผู้สั่งการให้ลงมือ หากอ๋องจี้กล้าลงมือกับพี่เห้า แล้วทำไมเขาจะไม่กล้าลงมือกับท่านล่ะเพคะ"
"พี่ใหญ่น่ะหรือ" อ๋องฉีสีหน้าเปลี่ยนทันควัน "เจ้าไปได้ยินข่าวลือนี้มาจากไหน"
"ไม่ต้องถาม แต่ข่าวนี้เชื่อถือได้"
อ๋องฉีรู้ว่าแหล่งข่าวของนางคือตระกูลฉู่ หากเป็นเช่นนั้นจริง ข่าวลือก็ต้องเป็นไปตามนั้นแน่ เขาอดไม่ได้ที่จะทั้งโกรธแค้นและโศกเศร้า เพื่อตำแหน่งรัชทายาท พี่น้องจึงต้องหันมาต่อสู้ห้ำหั่นกันอย่างโหดร้ายถึงเพียงนี้ ต้องเดินไปบนเส้นทางที่เจ้าตาย ข้าถึงจะรอด ช่างเป็นวิถีชีวิตที่โหดเหี้ยมอำมหิตอะไรขนาดนี้?
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: บัลลังก์หมอยาเซียน
สองขาของหยู่เหวินเห้าก็คดงอคุกเข่าลงอย่างช่วยไม่ได้ เอ่ยอย่างไม่เต็มใจเลยสักนิดว่า “ลูกยินดียอมรับโทษทัณฑ์ที่เหลือของเสด็จพ่อ ชอบข้อความบทนี้ตลกดีคะพระเอก ตอน 394...
1...
1...
เพิ่งอ่านได้ 2ร้อยกว่าหน้า สนุกน่าติดตามมาก แต่ทั้งเรื่องมี2พันกว่าหน้า ทำไงจะอ่านจบ...
ขอบคุณผู้แต่ง และ novelones มากๆค่ะ ดีที่สุด อ่านรอบที่ 4 แล้วก็ยังสนุกครบรส ❤️...
เรื่องนี้ถือว่าสมบูรณ์มากสนุกต้นถึงจบ อยากให้เป็นซีรี่ย์...
สนุก ตลกดี เนื้อเรื่องชวนติดตามแต่คำผิดเยอะไปหน่อยค่ะ...